หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย

โพสท์โดย Judsee

การพูดถึงความเหลื่อมล้ำมากขึ้นทั้งในประเทศไทยและนานาประเทศ น่าดีใจเพราะว่าความเหลื่อมล้ำเป็นปัญหาทั้งในตัวเองเพราะขัดกับหลักการพื้นฐานว่าทุกคนควรมีโอกาสชีวิตที่เท่าเทียมกัน และยังเป็นรากเหง้าของอีกหลากปัญหาตั้งแต่ปัญหาระดับโครงสร้าง เช่น ความไม่มีเสถียรภาพทางสังคมและการเมือง ประชาธิปไตยไร้คุณภาพ หรือปัญหาที่ใกล้ตัว เช่น การขายบริการทางเพศ อาชญากรรม เป็นต้น

ความตื่นตัวในเรื่องนี้นำไปสู่การถกเถียงถึงแนวทางในการแก้ปัญหาที่มีมุมมองหลากหลายกว่าในอดีต ไม่ว่าจะเป็นการเพ่งความสนใจไปที่การกระจุกตัวของทุนในมือคนส่วนน้อยนิด ที่บางทีเรียกว่า the top 1% รวมทั้งผลต่อเนื่องมาถึงโครงสร้างอำนาจการเมือง การกำหนดนโยบาย เป็นต้น

เพื่อเป็นการต้อนรับปี 2020 ผมขอเรียบเรียงเรื่องราวความเหลื่อมล้ำของไทยโดยแบ่งเป็นสองตอน ตอนแรกเป็นการสรุปว่าเรารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำในไทย และเรื่องที่เราควรรู้แต่อาจยังรู้ไม่มากนัก หรือรู้เฉพาะในวงแคบของผู้ที่ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ตอนที่สองจะดูว่าประเทศไทยได้ทำอะไรไปบ้างแล้วเกี่ยวกับปัญหาความเหลื่อมล้ำ และเรื่องที่เราควรทำแต่ยังไม่ได้ทำ

มีเรื่อง “เก่าๆ” ที่เรารู้ดีพอแล้วเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำ เช่น มีความแตกต่างระหว่างเมืองและชนบท ระหว่างภูมิภาค ระหว่างกรุงเทพฯ หัวเมืองใหญ่และเมืองรอง มีคน “ชายขอบ” ทั้งในแง่ภูมิศาสตร์ เช่น ตามตะเข็บชายแดน บนยอดเขาสูงที่คมนาคมเข้าถึงยาก และในแง่สังคมซึ่งหมายถึงกลุ่มคนที่มีสถานะทางสังคมด้อยกว่าคนทั่วไป เช่น คนไร้รัฐ แรงงานต่างด้าว คนขายบริการทางเพศ บุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ

ส่วนสาเหตุของความเหลื่อมล้ำที่มีการพูดกันมากแล้ว เช่น คนไม่เท่าเทียมกันเพราะเกิดมาในครอบครัวต่างฐานะกันมาก หรือความไม่เท่าเทียมกันในเรื่องอื่น ๆ เช่น ระดับการศึกษาสูงสุด หรือคุณภาพการศึกษาที่ได้รับกรณีเรียนเท่ากัน การเข้าถึงความรู้นอกห้องเรียนและแหล่งทุน การได้รับความยุติธรรมตามกฎหมาย เครือข่ายคนรู้จักที่สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลในเรื่องต่าง ๆ ทั้งเรื่องการทำมาหากินหรือการวิ่งเต้น เป็นต้น เรื่องเหล่านี้มีการศึกษาและพูดถึงมานาน รวมทั้งมีการเสนอทางออกในแต่ละเรื่องไว้หลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่ได้นำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำอย่างมีนัยสำคัญ จนหลายคนเริ่มถอดใจว่าหรือเราจะถึงทางตันในการแก้ปัญหาที่ใหญ่หลวงนี้  

การที่เรื่องที่เรารู้ข้างต้นไม่ช่วยนำไปสู่การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ อาจแสดงว่ามีเรื่องอื่นที่เราควรรู้เพิ่มขึ้นหรือในเรื่องเดิม ๆ นั้นมีแง่มุมอื่นที่ต่างไปจากที่คุ้นเคยกันที่เรายังไม่รู้ ถ้าเช่นนั้นอะไรเล่าคือสิ่งที่เราควรรู้เพิ่มขึ้นเพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้ดียิ่งขึ้น

ผมคิดว่า มีสิ่งที่เราควรรู้เพิ่มขึ้น 6 ประการ ประการแรก ไทยติดอันดับ 10 ประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำด้านความมั่งคั่งมากที่สุดในโลกความ “พิเศษ” นี้ชวนสงสัยว่าระบบเศรษฐกิจการเมืองของเราน่าจะเอื้อให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ตัวอย่างเช่น มีงานวิจัยพบว่า การแข่งขันในภาคเอกชนของเราลดลง อำนาจทางธุรกิจกระจุกตัวมากขึ้น การคอร์รัปชันแพร่หลายขึ้นและทำได้ง่ายขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีฐานะทางเศรษฐกิจสูงกว่าคนทั่วไป ประโยชน์ที่ได้โดยมิชอบนี้ยิ่งเพิ่มความเหลื่อมล้ำให้สูงขึ้น

ประการที่สอง แม้ช่องว่างของระดับการศึกษาและการเข้าถึงบริการสาธารณสุขจะลดลง แต่เป็นการลดลงในระดับ “พื้นฐาน” ในขณะที่ความแตกต่างในระดับที่สูงกว่าขั้นพื้นฐานมีแนวโน้มถ่างตัวขึ้น เช่น ลูกคนรวยมีโอกาสเรียนจบมหาวิทยาลัยชั้นดีมากกว่า มีทักษะระดับสูงมากกว่า คนรวยได้รับบริการสุขภาพระดับพรีเมียมมากขึ้น อายุยืนมากขึ้น เป็นต้น สอดคล้องกับหลักฐานหลายประการที่บ่งชี้ว่าความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้นระหว่างคนรวยมาก ๆ กับคนชั้นกลาง/คนจน

ประการที่สาม ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่กำลังป่วนโลก (disruptive technology) น่าจะทำให้ความเหลื่อมล้ำมากขึ้น  

ประการที่สี่ มีความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะเริ่มมี “คนจนดักดาน” ในระดับไม่น้อยกว่า 10% ของประชากร เห็นได้ที่สัดส่วนคนจนเพิ่มขึ้นในห้วงปี 2558-2561 แม้เศรษฐกิจจะขยายตัวเกินร้อยละ 3 ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทย

ประการที่ห้า  คนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าประเทศที่ได้ชื่อว่ามีความเหลื่อมล้ำน้อยโดยเฉพาะในแถบยุโรปนั้น สาเหตุหลักเป็นเพราะภาครัฐจัดสรรสวัสดิการให้ประชาชนของเขาอย่างเท่าเทียมกันในลักษณะถ้วนหน้า โดยถือว่าเป็นสิทธิ์ไม่ใช่การสงเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นการให้เรียนฟรีกับทุกคนอย่างแท้จริงจนถึงระดับสูง เช่น อย่างน้อยมัธยมศึกษาในทุกโรงเรียนซึ่งมีคุณภาพใกล้เคียงกันทั่วประเทศให้หลักประกันสังคมอย่างทั่วถึงไม่ว่าจะเป็นกรณีเจ็บป่วย ว่างงาน ทุพลภาพ และในหลายประเทศทำร่วมกับการส่งเสริมให้ประชาชนมีทักษะการทำงานและการประกอบธุรกิจระดับสูง สองเรื่องนี้เกื้อกูลกัน เพราะการดูแลประชาชนอย่างดีจนเขาไม่กังวลความเสี่ยงอื่นในชีวิต ทำให้ผู้ประกอบการเหลือเพียงความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจเท่านั้นที่ต้องกังวล เป็นวิธีส่งเสริม SME ที่ดีกว่ามาตรการอื่น เกิดผลดีสองต่อคือระบบสวัสดิการมีความยั่งยืนทางการเงินและประเทศแข่งขันได้

ประการที่หก  มีงานวิจัยจำนวนไม่น้อยที่ระบุว่าการ “ขาดเงิน” ไม่ใช่เป็นเพียงนิยามของความยากจนเท่านั้น แต่เป็นข้อจำกัดที่สำคัญในตัวเองด้วย กล่าวคือ ถ้าคนจนได้รับการจัดสรรเงินหรือทรัพยากรในรูปแบบที่เหมาะสม คนจนจะใช้เงินดังกล่าวไปปลด “ข้อจำกัด” ของการหลุดพ้นความจน ไม่ว่าจะเป็นการขาดการศึกษาหรือทักษะ การไม่กล้าลงทุนเนื่องจากรายได้ไม่สม่ำเสมอ เป็นต้น  

โพสท์โดย: Judsee
อ้างอิงจาก: _เผยแพร่ครั้งแรกใน กรุงเทพธุรกิจเมื่อ 16 มกราคม 2563
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Judsee's profile


โพสท์โดย: Judsee
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: Judsee
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ราคาทองร่วงหนักพระปีนเสาตัดพ้อ สังคมเปลี่ยนไปเยอะ บิณฑบาตทั้งวันไม่มีคนใส่ ต้องหันมาพึ่งพาเซเว่น..ชายออสเตรเลีย ฟื้นคืนชีพ หลังหัวใจหยุดเต้น 90 นาที กลับมาเล่าถึงโลกหลังความตๅย10 อันดับเลข ยอดฮิต หวยแม่จำเนียร 16/11/67รวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ วันที่เป็นวันลอยกระทงแล้ว พี่ๆน้องๆหลายคนคงรอตอนเลิกงานกันแล้วซิเนาะ เด็กๆก็รอตอนเรียนเสร็จ จะได้ไปลอยกระทงกัน"เฮราคลิออน: เมืองโบราณใต้ทะเลจากเป็นแค่ตำนานเล่าขาน กลายเป็นความจริง !!!"รู้หรือไม่ 3 สิ่งนี้ ไม่ควรใส่แก้วเก็บความเย็นเด็ดขาดทำไมในสงครามโบราณผู้โจมตี เลือกที่จะใช้ไม้ซุงชนประตูเมืองแทนที่จุดไฟเผา?การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หลังการตๅย ความจริงที่ควรรู้"นุ่น วรนุช อวดลุคชุดชาวดอย สุดสง่าท่ามกลางอาณาจักร 8,600 ไร่ ของ สามีต๊อด ปิติ"แคปชั่นลอยกระทง 18+ อ่อยๆ เด็ดๆหนุ่มโพสต์ตามน้องหมา ก่อนทราบถูก ชาวอาข่า ฆ่ๅ เอาเนื้อไปกิน
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
รู้หรือไม่ 3 สิ่งนี้ ไม่ควรใส่แก้วเก็บความเย็นเด็ดขาดภาพมุมสูงที่มีความสวยงาม และยิ่งใหญ่ของ "สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์"ภาพถ่ายราคา 1 ล้านเหรียญ: สายฟ้าผ่าเป็นเส้นตรงในแนวดิ่งอย่างน่าทึ่ง !!!ชายออสเตรเลีย ฟื้นคืนชีพ หลังหัวใจหยุดเต้น 90 นาที กลับมาเล่าถึงโลกหลังความตๅยบอน นักร้องชื่อดัง รับผิด กุเรื่องเป็น ป่วยมะเร็ง หลอกแฟนคลับ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
"ปริศนาลูกหินยักษ์แห่ง Podubravlje: ความลับที่ยังซ่อนอยู่ในหินกลมขนาดยักษ์จากยุคโบราณ"เมฆ “Asperitas” สุดแปลกตาเหนือเมือง Gorham, New Hampshire"เฮราคลิออน: เมืองโบราณใต้ทะเลจากเป็นแค่ตำนานเล่าขาน กลายเป็นความจริง !!!"ภาพมุมสูงที่มีความสวยงาม และยิ่งใหญ่ของ "สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์"
ตั้งกระทู้ใหม่