เจ้าภาพที่ดี
สวัสดีค่ะทุกคน อยากบอกว่าคิดถึงทุกคนมากเลย ไม่ได้ปากหวานนะคะ แต่รู้สึกว่าอยู่ตรงนี้มันมีความสุขมากจริง ๆ เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เสียเวลา มาเริ่มกันเลยนะคะ
เรื่องมีอยู่ว่าวันนี้ ฉันเกิดไม่สบายขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัวในขณะที่กำลังทำงาน รู้สึกปวดท้อง แสบท้องจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็ต้องฝืนตัวเองทำงานต่อจนกว่าจะได้เวลาพักกลางวัน และออกจากที่ทำงานเพื่อไปหาหมอในช่วงบ่าย
ฉันขึ้นรถไฟฟ้าจากที่ทำงานและลงที่สถานีแยก คปอ. เพื่อต่อรถเมล์ไปที่โรงพยาบาล ในขณะที่ฉันกำลังรอรถอยู่นั้น ก็สังเกตเห็นผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่งท่าทางเหมือนกำลังต้องการความช่วยเหลือ เพราะอยู่ดี ๆ ทั้งคู่ก็ลงมาจากรถเมล์ปรับอากาศคันหนึ่งและพยายามเดินถามผู้คนที่อยู่บริเวณนั้น แต่ก็ถูกปฏิเสธ สีหน้าของสองคนนั้นดูสิ้นหวัง
ฉันเห็นเหตุการณ์เข้าพอดีจึงคิดที่จะช่วยสองคนนั้น ในตอนแรกฉันไม่รู้เลยว่าเค้าไม่ใช่คนไทย จนกระทั่งฉันเดินเข้าไปใกล้ เพื่อไม่ให้เค้ารู้สึกตกใจกลัว ฉันทำทีว่ากำลังรอรถอยู่เหมือนกัน และฉันก็ถามเค้าว่าจะไปไหนคะ เค้ามองหน้าฉันและบอกว่า Can you speak english? ฉันได้ยินก็รู้ทันทีว่าเค้าคือคนต่างชาติ และหลายคนที่เค้าถามมาไม่มีใครพูดกับเค้าได้เลย
ฉันเริ่มจากคำถามง่าย ๆ ก่อน Where are you going? เมื่อได้ยินคำถาม เค้าก็กดโทรศัพท์ของเค้าและส่งให้ฉันดู ฉันดูที่โทรศัพท์ของเค้าเห็นคำว่า thai market ฉันเลยเข้าใจว่าสองคนนี้ต้องการไปที่ตลาดไทนั่นเอง ฉันจึงบอกเค้าว่า Wait a minute เป็นการให้เค้ารอ... ขณะนั้นเองมีรถเมล์ปรับอากาศสาย 39 ผ่านมาพอดี ฉันเดินไปที่ด้านหน้าและถามคนขับรถว่าไปตลาดไทมั้ยคะ และคนขับตอบมาว่า ต้องรอรถเมล์ธรรมดาครีมแดง
หลังจากได้คำตอบฉันก็เดินกลับมาที่สองคนนั้น เพื่อบอกข้อมูลกับเค้า แต่ฉันนึกคำพูดไม่ออก ทำให้เค้าฟังไม่เข้าใจ และเค้าก็พยายามบอกฉันเป็นภาษาไทยผ่านเว็บแปลภาษา และมันทำให้ฉันนึกขึ้นมาได้ว่า โทรศัพท์มีแอพแปลภาษาฉันก็พิมพ์และส่งให้เค้าดูเป็นภาษาอังกฤษ พอเค้าเห็นฉันใช้แอพแปลภาษาก็บอกให้ฉันเลือกเปลี่ยนเป็นภาษาเวียดนาม อ้าวทั้งสองคนนี้เป็นคนเวียดนามนี่เอง ฉันบอกกับเค้าว่ารถเมล์ที่จะไปตลาดไทมีน้อย เปลี่ยนไปขึ้นรถแท็กซี่จะดีกว่า เค้าก็บอกกับฉันว่า taxi space choice ฉันเลยตอบว่า Yes (ฉันเดาว่าคงจะแปลว่าแท็กซี่เป็นทางเลือกในการไปตลาดไท)
เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะเดินทางต่อด้วยรถแท็กซี่ คนทั้งสองก็กล่าวคำขอบคุณ และกล่าวลาฉันก่อนที่จะเดินไปที่รถแท็กซี่ ซึ่งจอดรอผู้โดยสารอยู่ทีจุดจอดรับ ฉันอดห่วงไม่ได้จึงตามไปสังเกตการณ์ห่าง ๆ เผื่อว่าเค้าจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ แต่พอเห็นว่าเค้าขึ้นรถแท็กซี่ไปแล้วฉันก็หมดห่วง และเดินกลับมารอรถเมล์เพื่อไปโรงพยาบาลต่อไป
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันคิดว่าการที่เราเจอคนที่กำลังเดือดร้อน โดยเฉพาะคนต่างถิ่น ในฐานะที่เราเป็นเจ้าบ้าน เราควรช่วยเหลือเค้าเท่าที่จะสามารถทำได้ เพราะหากเราตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน อาจจะต้องเดินทางไปต่างประเทศ และไม่รู้จักเส้นทาง เราก็คงอยากจะให้มีใครสักคนช่วยเหลือเราเช่นกัน แต่การช่วยเหลือคนนั้น ก็ต้องมีสติ และใช้ปัญญาไตร่ตรองให้รอบคอบเพราะปัจจุบันมีมิจฉาชีพที่ใช้ความสงสาร และความมีเมตตาของเรามาทำร้ายเราได้เช่นกัน