OEM และ ODM มีความแตกต่างกันอย่างไรในงานผลิต
พื้นฐานในการที่เราต้องการในการผลิตแบรนด์ คือการที่เราได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะที่เหมาะสำหรับผลิตภัณฑ์ที่เราจะทำ มีการผลิตด้วยมาตรฐาน มีที่ปรึกษาด้านการตลาดและงานดีไซน์ สามารถเลือกผลิตจำนวนน้อยไปถึงมากได้ แล้วก็จะดียิ่งกว่าถ้าทั้งหมดนี้เราสามารถทำได้ในบริษัทรับผลิตแบรนด์อาหารเสริมหรือเครื่องสำอาง
OEM และ ODM คือสิ่งที่ตอบโจทย์ด้านการผลิตที่ครบวงจรที่สุดในขณะนี้ บริษัท OEM ส่วนใหญ่จะมีมาตรฐานการผลิตที่ชัดเจน ตรงตามที่เจ้าของแบรนด์ต้องการ ทั้งคุณภาพ และความปลอดภัยได้มาตรฐาน แต่หลายคนยังคงสงสัยถึงความแตกต่างระหว่าง OEM และ ODM ที่บริษัทรับผลิตมี เพราะเมื่อทำความเข้าใจดีๆแล้ว ก็รู้สึกว่าเหมือนกัน บทความนี้เราจะแนะนำความแตกต่างของ OEM และ ODM ว่าเป็นอย่างไร
OEM คืออะไร
OEM คือ Original Equipment Manufacturer ที่เป็นโรงงานผลิตสินค้าแบบครบวงจร ทั้งการออกแบบสินค้าครบ จบพร้อมสูตร โดยโรงงาน OEM มีมาตรฐานความปลอดภัยและผลิตในโรงงานที่บรรจุสินค้าด้วยเครื่องจักรมาตรฐาน มีบริการเลือกสูตรสินค้าที่เหมาะสมกับแบรนด์ลูกค้า อีกทั้งยังเหมาะสำหรับแบรนด์ที่ต้องการลดต้นทุนการผลิต ด้วยการบริการครบทุกขั้นตอน ตั้งแต่ออกแบบบรรจุภัณฑ์ จนไปถึงส่งสินค้าถึงเจ้าของแบรนด์
ซึ่งข้อดีของโรงงาน OEM เครื่องสำอางและอาหารเสริม คือการลดต้นทุนการผลิต เพราะเราไม่ต้องสร้างโรงงานผลิตด้วยตนเอง ตัดปัญหาด้านเงินทุน รวมไปถึงความยุ่งยากในการสร้างโรงงานผลิตที่ต้องมีการตรวจสอบ ให้ได้รับการรับรองจาก GMP, ISO และ Halal เป็นต้น อีกทั้งยังลดความเสี่ยงด้านการผลิต สามารถผลิตสินค้าในปริมาณน้อย - มากได้ อีกทั้ง OEM ยังเหมาะแก่การรองรับนวัตกรรมใหม่ๆที่สุดแล้ว
ODM คืออะไร
ODM ย่อมาจาก Original design manufacturer ที่เป็นโรงงานผลิตที่มีมาตรฐานเดียวกันกับ OEM ในทุกขั้นตอน แต่ความพิเศษของ ODM คือขั้นตอนการวิจัย เพื่อให้ได้สินค้าที่แตกต่างจากท้องตลาด โดยขั้นตอนพิเศษนี้จะเริ่มจากการคิดสูตรแล้วนำมาทดสอบจนกว่าจะได้คุณภาพตามที่ต้องการ จากนั้นก็ทำการผลิตสินค้าออกมาตามมาตรฐาน
ซึ่งบริษัท ODM จะมีความสามารถและมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถในการคิดสูตร เครื่องสำอางและอาหารเสริม เพื่อเติมขั้นตอนการสร้างและวิจัยให้ตรงใจแบรนด์ที่สุด รวมไปถึงการกำหนดต้นทุนการผลิตได้ตามความต้องการ โดยข้อดีของ ODM นั้น มีเท่ากันกับ OEM แต่เพิ่มเติมด้วยการที่สินค้าที่ผลิตออกมา จะมีความแตกต่างจากท้องตลาด ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ได้ความน่าสนใจกับผู้บริโภค และง่ายต่อการทำการตลาด อีกทั้งการเจาะสินค้าให้เข้าตรงกับกลุ่มเป้าหมายผ่านสูตรที่ออกแบบมาเพื่อผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะ
ข้อแตกต่างระหว่าง OEM และ ODM แตกต่างกันยังไง
ความแตกต่างของ OEM และ ODM คือด้านขั้นตอนที่เพิ่มของ ODM เท่านั้น อธิบายง่ายๆคือโรงงาน OEM มีขั้นตอนการผลิตครบวงจร และผลิตสินค้าตามสูตรอย่างเดียวเท่านั้น เน้นในส่วนการผลิตที่รวดเร็ว ส่งไวถึงมือเจ้าของแบรนด์ แต่ ODM จะเพิ่มขั้นตอนจาก OEM นั่นคือขั้นตอนการคิดสูตรเฉพาะที่ไม่มีในท้องตลาด โดยผ่านการออกแบบ มีขั้นตอนการวิจัย และยืนยันตัวสูตรว่าสามารถตอบโจทย์กับผู้บริโภคได้ แน่นอนว่ามีการผลิตในโรงงานมาตรฐานเดียวกันกับ OEM และส่งถึงมือเจ้าของแบรนด์นั่นเอง
ซึ่ง OEM และ ODM จะมีราคาที่ต่างกัน ซึ่งขั้นตอนของ ODM ก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่แน่นอนว่า เราสามารถควบคุมได้ตามงบประมาณ หากเราต้องการ สินค้าที่ท้องตลาดเป็นที่นิยม และต้องการมีส่วนร่วมในตลาด ก็สามารถเลือก OEM ได้เลย เพราะความรวดเร็วในการผลิต และสินค้าที่คุณภาพเดียวกัน เน้นไปทำการตลาดและแพ็กเกจที่โดดเด่นแทน แต่หากต้องการฉีกตลาด หาของใหม่มาลงในตลาดสินค้า ODM คือทางเลือกที่ดีและคุ้มค่าต่อการลงทุนแน่นอน
สรุป OEM และ ODM
หากต้องการมีแบรนด์เครื่องสำอาง และอาหารเสริม แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกผลิตแบบ OEM หรือ ODM ดี เราสามารถติดต่อบริษัทรับผลิตได้เลย เพราะขั้นตอนของ OEM และ ODM จะต้องมีการให้คำปรึกษาก่อนอยู่แล้ว ลองเสนอไอเดียของสินค้าที่ต้องการ แล้วจะได้คำแนะนำที่เหมาะสม ตรงใจที่สุดเอง
สามารถติดต่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ที่
Derma Innovation
เบอร์โทร : 02-962-3223 / 02-962-2177 / 095-982-9444
E-mail : Sales@derma-innovation.com
Line : @derma-innovation