ทำไมพวกพวกหมอไสยศาสตร์(ปลอม)ยังหากินอยู่ได้คะ
คนไทยสังคมไทยเรางมงายขนาดนั้นกันเลยเหรอคะ เรายอมรับเคยโง่มาก่อน ไม่รู้เรื่องอะไรพวกนี้เลย ใครบอกว่าดีกว่าเชื่อไปหมด เราและญาติสนิทเคยมีปัญหาทุกข์ใจ คนที่รู้จักกับญาติสนิทได้แนะนำญาติสนิทให้ไปหาแม่หมอที่อ้างว่ามีวิชาอาคม ลูกของญาติขอตามมาด้วย พวกเราก็ดั้นด้นกันไปไกล
เรานามสมมุติ หนึ่ง
ญาติสนิทเป็นผู้หญิงนามสมมุติ ง.
คนรู้จักที่แนะนำนามสมมุติ E
ลูกญาติสนิทเป็นทอมนามสมมุติ tom
ไปถึงบ้านแม่หมอ(ปลอม) สภาพบ้านคือคนยากจน รูปลักษณ์แม่หมอก็แต่งตัวเหมือนคนธรรมดา ได้พูดคุยกับแม่หมอแล้วก็พอรู้ว่าความเป็นอยู่แม่หมออัตคัด ไปนั่งที่โต๊ะม้านั่ง แม่หมอก็ทำพิธีไสยศาสตร์เลย เอาวันเดือนปีเกิดและเอารูปถ่ายมาท่องคาถาอะไรสักอย่าง ซึ่งไม่มีโตะบูชาไม่มีเครื่องสังเวยขนาดจุดธูปเทียนยังมีไม่ แล้วแม่หมอก็ขายแป้งเด็กที่อ้างว่าเป็นแป้งเสกทาแล้วมีเสน่ห์ กับน้ำดื่มที่อ้างว่าเป็นน้ำมนต์ที่ดื่มจะรุ่งเรือง พวกเราก็ซื้อเอามาใช้ ตอนแรกคิดว่า E หวังดี ตอนหลังจับได้ว่า E ไม่จริงใจและอิจฉา ง. ต่อมาทั้งสอนคนได้แตกหักกันไปแล้ว
ย้อนกลับที่ไปดูดวงกับหมอวันนั้น แม่หมอทาย ง.ได้แม่น ง.ทึ่งมาก เพราะความจริงแม่หมอได้ข้อมูลมาจากE ชีวิต ง . หลังจากทำพิธีก็ตกต่ำย่ำแย่ไม่ดีขึ้นเลย
หนึ่งทำพิธีเกี่ยวกับสามี ให้เอาสามีอยู่หมัดและรักหนึ่งคนเดียว สุดท้ายหนึ่งถูกผัวทิ้งและแตกหักกันไปเลย
แม่หมอทำนายว่าtomจะได้ผัวเป็นข้าราชการ อีกไม่นานได้เจอเลย tomแมนและเป็นผู้ชายชัดเจนขนาดนั้น แม่หมอยังกล้าทาย (ตอนนี้tomเป็นผู้ชายข้ามเพศและมีแฟนสาวไปแล้ว) เราสังเกตภายในหลังว่าเป็นการทายเอาใจ ง. นั่นเอง
พวกเราไปหาแม่หมออยู่อีกสามสี่ครั้ง เสียเงินเสียทองไปพอสมควร จนมารู้ตัวว่าถูกหลอกแล้ว ถ้าวิเศษจริงชีวิตแม่หมอต้องเจริญรุ่งเรืองเป็นเศรษฐีไปแล้วสิ แม่หมอพูดถึงอดีตพวกเราที่ E รู้เห็นอยู่ พูดถึงปัจจุบันก็พูดแบบกำกวมพูดแบบกว้างๆ พูดถึงอนาคตซึ่งผ่านมานานแล้วแม่หมอทำนายผิดหมดเลยค่ะ
หลายปีผ่านมาได้ข่าวว่าหมอแม่มีชีวิตลำบาก แต่ยังหากินทางนี้ ยังหลอกคนที่มีความทุกข์ไปหาได้เรื่อยๆ เรามีเพื่อนในหมู่บ้านที่สนิทกับ E ก็แนะนำให้เพื่อนในหมู่บ้านไปหาแม่หมอคนนี้ เพื่อนเราคนนี้ศัทธาเอาแม่หมอคนนี้เป็นอาจารย์เลย เพราะแม่หมอรู้เรื่องของเพื่อนเราคนนี้ราวตาเห็น ตอนนี้เพื่อนกำลังถูกหลอก เราเตือนแล้วก็ถูกด่ากลับมาและโกรธเราไปแล้ว ห้ามยังไงดีกับคนที่ฝากชีวิตไว้หลงไหลงมงายกับเรื่องพวกนี้มาก จนไม่เอาความเป็นจริงไม่เอาวิทยาศาสตร์กันเลยทีเดียว