รีไฟแนนซ์บ้าน เรื่องง่าย ๆ ที่จะทำให้คุณเป็นเจ้าของบ้านได้ไวกว่าที่คิด
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังติดขัดกับสภาพการเงิน และกำลังหมุนเงินเพื่อมาผ่อนบ้าน หลายคนอาจจะแนะนำให้คุณรีไฟแนนซ์บ้าน แต่เอ๊ะ!! แล้วการรีไฟแนนซ์บ้าน มันคืออะไรล่ะ มันจะช่วยคุณได้อย่างไร บทความนี้ จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า การรีไฟแนนซ์บ้าน มีข้อดีอย่างไร ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง รวมถึงขั้นตอนต่าง ๆ แค่คุณรู้ก่อน ก็จะแก้ปัญหาเรื่องเงินและเรื่องบ้านได้อย่างง่ายดาย
รีไฟแนนซ์บ้าน คือ
รีไฟแนนซ์บ้าน (Refinance) คือ การขอยื่นกู้สินเชื่อบ้าน (สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย) กับสถาบันการเงินใหม่ เพื่อนำไปปลดภาระเงินกู้เก่าที่มีอยู่กับสถาบันการเงินเดิมหรือภาระค่าใช้จ่ายอื่น ๆ โดยจะต้องผ่อนมามากกว่า 3 ปี ถึงสามารถรีไฟแนนซ์บ้านได้ มีวัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อลดดอกเบี้ยบ้านให้ต่ำลง ช่วยลดภาระค่าผ่อนชำระต่อเดือนน้อยลง และผ่อนบ้านให้หมดเร็วไวยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น หากเรากู้เงิน เพื่อซื้อบ้านหลังหนึ่งกับธนาคาร A ในช่วงที่ผ่อนชำระต่อเดือน 1 - 2 ปีแรก ดอกเบี้ยก็จะยังถูกอยู่ แต่หลังจากนั้น ดอกเบี้ยจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ เราจึงตัดสินใจรีไฟแนนซ์บ้าน โดยศึกษาข้อมูลเทียบระหว่างธนาคาร A ที่เดิม กับสถาบันการเงินต่าง ๆ ว่าที่ใดมีเงื่อนไขในการผ่อนชำระที่ดีกว่าเดิม โดยพิจารณาจากการผ่อนชำระต่อเดือนน้อยลง และยืดระยะเวลาการผ่อนได้นานขึ้น
สรุปแล้ว รีไฟแนนซ์บ้าน คือ การย้ายทำสัญญาสินเชื่อกู้ซื้อที่อยู่อาศัย หลังการผ่อนมามากกว่า 3 ปี โดยผู้ขอสินเชื่อสามารถเลือกสถาบันการเงินได้เองตามแต่ว่าสถาบันการเงินใดจะให้ข้อเสนอที่น่าจูงใจมากกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นที่เดิมหรือที่ใหม่
โดยสถาบันการเงินใหม่อาจจะเสนอดอกเบี้ยบ้านที่ถูกกว่าที่เดิม เพื่อดึงดูดให้เราย้ายไปอยู่กับสถาบันการเงินใหม่ ซึ่งดอกเบี้ยที่ลดลงและยอดหนี้คงเหลือน้อยลงกว่าสัญญาเดิม ส่งผลให้ยอดผ่อนชำระต่อเดือนถูกลง การผ่อนบ้านก็จะหมดเร็วขึ้นด้วย
คุณสมบัติของผู้รีไฟแนนซ์บ้าน
ผู้ที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้าน ทางสถาบันการเงินต่าง ๆ ได้มีการกำหนดคุณสมบัติ ดังนี้
- ต้องมีสัญชาติไทย
- มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป และไม่เกิน 65 - 70 ปี (แล้วแต่สถาบันการเงินกำหนด)
- ไม่เคยเป็นลูกหนี้ปรับโครงสร้างหนี้ของสถาบันการเงิน (แล้วแต่สถาบันการเงินกำหนด)
- มีสินเชื่อบ้านกับสถาบันการเงินอื่นไม่ต่ำกว่า 3 ปี
- มีผู้กู้ร่วมได้ไม่เกิน 3 คน และต้องเป็นเครือญาติตามกฎหมาย (ยกเว้นคู่สมรสไม่จดทะเบียน) (แล้วแต่สถาบันการเงินกำหนด)
- รายได้สุทธิรวมตั้งแต่ 15,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป ทั้งผู้กู้หลักและผู้ร่วม (ทั้งกรณีกู้เดี่ยวและกู้ร่วม) (แล้วแต่สถาบันการเงินกำหนด)
- อายุงานไม่น้อยกว่า 6 เดือน (อายุงานรวมที่ทำงานเก่าได้โดยต้องผ่านการทดลองงาน ณ ที่ทำงานปัจจุบัน) (แล้วแต่สถาบันการเงินกำหนด)
ทั้งนี้ หากผู้รีไฟแนนซ์บ้านมีหน้าที่การงานต่าง ๆ ก็จำเป็นต้องมีหลักฐานในการยืนยันสถานภาพทางการเงินประกอบด้วย ไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัท ราชการ รัฐวิสาหกิจ เจ้าของกิจการ เจ้าของธุรกิจ หรือคนที่ประกอบอาชีพอิสระ ก็ต้องแสดงหลักฐานประกอบด้วยเช่นกัน
สำหรับพนักงานบริษัท ราชการ รัฐวิสาหกิจ
สำหรับผู้ที่มีรายได้ประจำอย่างพนักงานบริษัท ราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ จำเป็นต้องมีหลักฐานแสดงสถานภาพทางการเงิน ดังนี้
- หนังสือรับรองเงินเดือน
- สลิปเงินเดือน
- เอกสารการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
สำหรับคนที่ประกอบอาชีพอิสระ
สำหรับผู้มีอาชีพอิสระ หากต้องการรีไฟแนนซ์บ้าน จะต้องมีหลักฐานแสดงสถานภาพทางการเงิน ดังนี้
- เอกสารการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน
- ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (แพทย์ วิศวกร ทนายความ หรือสถาปนิก)
สำหรับเจ้าของกิจการ เจ้าของธุรกิจ
ส่วนผู้ที่มีธุรกิจส่วนตัว เป็นเจ้าของกิจการ ต้องมีหลักฐานแสดงสถานภาพทางการเงิน ดังนี้
- เอกสารการเดินบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน (บัญชีส่วนตัวและบัญชีกิจการ)
- ภาพถ่ายกิจการ 4 - 5 ภาพ และแผนที่ตั้งกิจการโดยสังเขป
- สำเนาทะเบียนการค้า
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล พร้อมบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น
- หลักฐานการนำภาษีย้อนหลัง 1 ปี (ภงด.)
- บันทึกรายรับ-รายจ่าย
- ใบเสร็จซื้อ-ใบเสร็จขายสินค้า
ทั้งนี้ รายละเอียดเอกสารแนบต่าง ๆ อาจจะขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินที่เราต้องการไปรีไฟแนนซ์บ้าน ดังนั้น ควรจะศึกษาข้อมูลและเตรียมเอกสารให้พร้อมจะดีกว่า
รีไฟแนนซ์บ้าน ข้อดี
เมื่อเราเข้าใจแล้วว่า รีไฟแนนซ์บ้าน คืออะไร ทีนี้ เราลองมาดูข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้านกันบ้างดีกว่า
- ช่วยลดดอกเบี้ยบ้าน ซึ่งเป็นเหตุผลักของการรีไฟแนนซ์บ้านเลย โดยเมื่อเราผ่อนชำระไปได้อย่างน้อย 3 ปีกับสถาบันการเงินเดิม เราก็สามารถขอรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินอื่นได้ โดยพิจารณาจากดอกเบี้ยและข้อเสนอเป็นหลัก
- ลดระยะเวลาผ่อนบ้าน เมื่อดอกเบี้ยลดลง ทำให้เรามีเวลาในการผ่อนชำระเงินต้นมากขึ้น ทำให้การผ่อนบ้านของเราหมดเร็วขึ้นด้วย ยกตัวอย่างเช่น หากเราทำการรีไฟแนนซ์บ้านทุก 3 ปี จากเดิมที่ต้องใช้เวลาผ่อนบ้านที่ 30 ปี ก็อาจจะเหลือเพียง 25 ปี หรือน้อยกว่านี้
- ลดยอดผ่อนต่อเดือน เมื่อดอกเบี้ยลดลง ก็ทำให้ยอดผ่อนชำระในแต่ละเดือนลดลงตามไปด้วย ทำให้สภาพการเงินของคุณคล่องขึ้น
- สามารถขอวงเงินกู้เพิ่ม เพื่อปิดภาระหนี้ได้ นอกจากจะรีไฟแนนซ์บ้าน เพื่อลดดอกเบี้ย ลดยอดผ่อนต่อเดือนและลดระยะเวลาในการผ่อนบ้านแล้ว เราก็สามารถขอรีไฟแนนซ์บ้านพร้อมวงเงินลดภาระหนี้สินได้อีกด้วย โดยอาจจะนำไปรีโนเวทบ้าน หรือปิดหนี้บัตรเครดิตก็ได้
ค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ในการรีไฟแนนซ์บ้าน
เมื่อเราตัดสินใจที่จะรีไฟแนนซ์บ้านแล้ว เราก็ต้องรู้ว่า ในการรีไฟแนนซ์บ้านนั้น มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้เตรียมงบประมาณสำหรับส่วนนี้ได้ถูก โดยค่าใช้จ่ายเหล่านี้ เป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
- ค่าปรับกรณีไถ่ถอนหลักประกันก่อนกำหนด ในกรณีที่เรารีไฟแนนซ์บ้านในช่วง 3 ปีแรกของสัญญา แต่ถ้าเรารีไฟแนนซ์ในปีที่ 4 เป็นต้นไป ก็จะไม่ต้องจ่ายค่าปรับนี้
- ค่าสำรวจและประเมินราคาหลักประกัน ประมาณ 2-3 พันบาท (แล้วแต่สถาบันการเงิน เพราะบางที่ก็อาจจะไม่มีค่าใช้จ่าย หรือขึ้นอยู่กับสถานที่ตั้งของหลักประกัน)
- ค่าธรรมเนียมจดทะเบียนจำนอง เป็นการจ่ายให้กรมที่ดิน 1% ของวงเงินกู้ (โปรโมชั่นบางสถาบันการเงินฟรีค่าจดจำนอง)
- ค่าอากรแสตมป์ 0.05% ของวงเงิน (ไม่เกิน 10,000 บาท)
- ค่าธรรมเนียมอื่นๆ ของธนาคาร เช่น ค่าธรรมเนียมสินเชื่อ
- ค่าประกันอัคคีภัย (ซึ่งประกันอัคคีภัย ถึงเราไม่ได้รีไฟแนนซ์ ก็ต้องทำทุก 1 - 3 ปี ตามกฎหมาย)
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสถาบันการเงิน ดังนั้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบก่อนการตัดสินใจ
เอกสารสำหรับรีไฟแนนซ์บ้าน
หลายคนอาจจะกำลังปวดหัวว่า ต้องเตรียมเอกสารรีไฟแนนซ์บ้านอะไรบ้าง ทั้งเอกสารของตัวเองและของที่พักอาศัย ซึ่งเราสรุปให้เข้าใจอย่างง่าย ๆ ดังนี้เลย
1. เอกสารข้อมูลส่วนบุคคล
เอกสารรีไฟแนนซ์บ้านประเภทนี้ จะเป็นเอกสารเกี่ยวกับผู้กู้ เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถยืนยันตัวตนได้ว่า เป็นตัวผู้กู้จริง ๆ ไม่ใช่บุคคลอื่นมาแอบอ้าง โดยส่วนใหญ่เอกสารประเภทนี้ จะประกอบด้วย
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรข้าราชการ
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ของคู่สมรส (ถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนบ้าน ของคู่สมรส (ถ้ามี)
- สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี) / หย่า (ถ้ามี)
- สำเนาใบมรณบัตร (กรณีคู่สมรสเสียชีวิต)
*ถ้ามีผู้กู้ร่วม ต้องให้ผู้กู้ร่วมเตรียมเอกสารแสดงข้อมูลส่วนบุคคลเช่นเดียวกัน
2. เอกสารด้านหลักประกัน
ส่วนนี้จะเป็นเอกสารรีไฟแนนซ์บ้านที่ยืนยันความเป็นเจ้าของหลักประกันที่จะนำมารีไฟแนนซ์ ซึ่งมีทั้งเอกสารจากสถาบันการเงินเดิม และเอกสารจากกรมที่ดิน ประกอบด้วย
- สำเนาเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์หลักประกัน (เช่น โฉนดที่ดิน หรือ หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด อช.2)
- ใบอนุญาติปลูกสร้าง/หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์สิ่งปลูกสร้าง เช่น สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดิน ทด.13 หรือ สัญญาให้ที่ดิน ทด.14 หรือ สัญญาซื้อขายห้องชุด
- สำเนาหนังสือสัญญาจำนองที่ดิน หรือ สำเนาสัญญาจำนองห้องชุด
- สำเนาสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงินเดิม
- สำเนาใบเสร็จผ่อนชำระค่างวดบ้าน หรือ ถ้าผ่อนชำระแบบตัดค่างวดอัตโนมัติ ให้ใช้รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 12 เดือน
- แผนที่ตั้งหลักประกันโดยสังเขป
จะเห็นว่าเอกสารที่ใช้นั้น ไม่ได้แตกต่างไปกับการยื่นกู้บ้านใหม่เท่าไหร่นัก จะมีเพิ่มเติมก็คือเอกสารด้านหลักประกันที่ได้มาหลังจากจำนองกับกรมที่ดินตอนซื้อบ้านแล้ว และสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงินเดิมนั่นเอง
3. เอกสารด้านการเงิน
เป็นเอกสารรีไฟแนนซ์บ้านส่วนสำคัญที่สถาบันการเงินใช้พิจารณาว่า เราเข้าเงื่อนไขของเขาหรือไม่ เพราะสามารถแสดงสถานะการเงิน รายได้ และประวัติการเดินบัญชี โดยประกอบด้วยเอกสารดังต่อไปนี้
3.1 กรณีบุคคลมีรายได้ประจำ
- สลิปเงินเดือน ย้อนหลัง 3 - 6 เดือน
- หนังสือรับรองการทำงาน
- สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 - 12 เดือน
- หนังสือผ่านสิทธิสวัสดิการ (ถ้ามี)
- สำเนารับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) (สำหรับบางธนาคารเท่านั้น)
3.2 กรณีบุคคลที่ประกอบธุรกิจส่วนตัว
- สำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน/ใบทะเบียนการค้า
- สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีชื่อผู้กู้/ผู้กู้ร่วม
- สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 - 12 เดือน (ทั้งในนามบุคคล และกิจการ)
- สำเนาแบบแสดงภาษีซื้อขาย ภ.พ. 30 (ถ้ามี) หรือ ภงด. 50/51 ย้อนหลัง 5 เดือน (ถ้ามี)
ทั้งนี้ หากมีผู้กู้ร่วมก็ต้องให้ผู้กู้ร่วมเตรียมเอกสารข้อมูลส่วนบุคคลและเอกสารแสดงรายได้ดังกล่าวด้วยเช่นกัน
ขั้นตอนการรีไฟแนนซ์บ้าน
เมื่อเราเตรียมเอกสารทั้งหลายครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลามาเรียนรู้วิธีรีไฟแนนซ์บ้านว่า จะต้องทำอย่างไรบ้าง ซึ่งในความจริง การรีไฟแนนซ์บ้านนั้น เป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพียงเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนก็สามารถขอดำเนินการได้ทันที ดังนี้
- ตรวจสอบสัญญากู้ของตัวเอง ทั้งรายละเอียดสัญญา เงินผ่อนที่เหลือ อัตราส่วนดอกเบี้ยและระยะเวลา โดยส่วนมากสัญญากู้จะอนุญาตให้เรารีไฟแนนซ์บ้านไปสถาบันการเงินอื่น (บางที่ใช้คำว่า ไถ่ถอน) หลังจากผ่อนมาแล้ว 3 ปี
- เลือกธนาคารที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง โดยอ้างอิงจากปัจจัยหลัก 2 ข้อ คือ ดอกเบี้ยและระยะเวลาการผ่อน หากคำนวณดูแล้วมีความคุ้มค่ามากกว่าจริง ให้เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องได้เลย
- เตรียมเอกสารประกอบการยื่นรีไฟแนนซ์ ประกอบด้วย เอกสารแสดงข้อมูลส่วนบุคคล, เอกสารแสดงรายได้ และเอกสารด้านหลักประกัน ซึ่งอาจจะแตกต่างกันในแต่ละสถาบันการเงิน
- ยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์กับสถาบันการเงินใหม่ ซึ่งใช้เวลาพิจารณาอนุมัติประมาณ 2 - 4 สัปดาห์ ซึ่งเราอาจจะยื่นเรื่องก่อนผ่อนครบ 3 ปี เพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลา
- สอบถามยอดหนี้คงเหลือและนัดวันไถ่ถอนจากธนาคารเก่า เมื่อได้รับการอนุมัติจากสถาบันการเงินแห่งใหม่แล้ว เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้เราไปสอบถามยอดหนี้คงเหลือและนัดวันไถ่ถอนจากที่เก่า เพื่อให้สถาบันการเงินใหม่และเก่าสามารถโอนหนี้ให้กันได้อย่างถูกต้อง
- ไปทำสัญญาและจดจำนองที่กรมที่ดิน เจ้าหน้าที่จากสถาบันการเงินใหม่จะถือสัญญาไปให้เซ็นที่กรมที่ดิน พร้อม ๆ กับการไปทำสัญญาจำนองที่กรมที่ดินในวันเดียวกันเลย เพื่อความสะดวกของทางลูกค้าเอง
- มอบโฉนดที่ได้มาจากสำนักงานที่ดินให้กับสถาบันการเงินใหม่ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับรีไฟแนนซ์บ้าน
รีไฟแนนซ์บ้านสามารถทำได้ทุกกี่ปี?
เราควรทำการรีไฟแนนซ์บ้าน เมื่อเราครบกำหนดตามสัญญากับสถาบันการเงินปัจจุบันที่เราผ่อนอยู่ ซึ่งโดยปกติแล้วจะมีสัญญาอยู่ที่ 3 - 5 ปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาที่เราทำไว้
มีประวัติเสียทางด้านการเงิน รีไฟแนนซ์บ้านได้ไหม?
สำหรับผู้ที่มีประวัติเสียทางการเงินกับธนาคาร เช่น ชำระล่าช้าเกิน 90 - 120 วัน หรือ ค้างชำระ ไม่สามารถทำการผ่อนชำระได้ หรือได้มีการปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร ทั้งนี้ประเด็นดังกล่าว จะส่งผลต่อการพิจารณาของทางธนาคารผู้รับพิจารณาสินเชื่อ ในการขอรีไฟแนนซ์บ้าน ซึ่งผลของการพิจารณานั้น จะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขของทางธนาคารนั้นๆ
ขอแนะนำสำหรับผู้ที่อยากขอสินเชื่อนั้น ควรรักษาประวัติการผ่อนชำระสินเชื่อให้เป็นประวัติปกติ มีวินัยในการชำระอย่างตรงเวลา หากมีค้างชำระ ควรทำการชำระหนี้ค้างให้เรียบร้อย เมื่อรักษาประวัติเป็นปกติ ต่อเนื่องมา 1-3 ปี จะสามารถกลับขอสินเชื่อได้อีกครั้ง
สามารถรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมได้ไหม?
การลดดอกเบี้ยบ้านกับธนาคารเดิม (Home Retention) หรือ รีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิม เป็นรูปแบบหนึ่งในการลดดอกเบี้ยบ้าน โดยเป็นการแจ้งกับธนาคารเดิม เพื่อขอลดดอกเบี้ยบ้าน ซึ่งธนาคารเดิมก็จะทำการพิจารณาว่าจะอนุมัติลดดอกเบี้ยให้หรือไม่ ข้อแตกต่างจากการรีไฟแนนซ์บ้านย้ายไปธนาคารอื่น คือ การดำเนินเรื่องในการขอลดดอกเบี้ยบ้านจะง่ายกว่า แต่ดอกเบี้ยที่ลดได้ส่วนใหญ่ก็จะไม่เท่ากับการรีไฟแนนซ์บ้านย้ายไปธนาคารอื่น
รีไฟแนนซ์บ้านต้องทำประกัน MRTA ถึงจะกู้ผ่านใช่หรือไม่?
ประกันชีวิตคุ้มครองสินเชื่อบ้าน หรือ MRTA ไม่ใช่ประกันภาคบังคับ ดังนั้นจึงไม่มีผลต่อการพิจารณาสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน แต่หากเราทำประกัน MRTA ในตอนรีไฟแนนซ์บ้าน จะทำให้เราได้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม เช่น ได้ดอกเบี้ยพิเศษเฉพาะผู้ที่ทำประกัน MRTA ฟรีค่าจดจำนอง ฯลฯ
สำหรับผู้ที่มีประกัน MRTA จากธนาคารเดิมอยู่แล้วสามารถทำเรื่องย้ายผู้รับผลประโยชน์มาธนาคารใหม่ได้โดยไม่ต้องทำประกันใหม่ หรือทำการขอเวนคืนกรมธรรม์ได้
รีไฟแนนซ์บ้าน สรุป
การรีไฟแนนซ์บ้านเปรียบเสมือนการย้ายสถาบันการเงินในการผ่อนชำระค่าบ้าน โดยที่หากเราผ่อนชำระครบ 3 ปี เราก็สามารถเลือกกู้สินเชื่อจากสถาบันการเงินแห่งใหม่ได้ เพื่อให้ได้ดอกเบี้ยบ้านที่ต่ำลง ช่วยลดภาระค่าผ่อนชำระต่อเดือนน้อยลง และผ่อนบ้านให้หมดเร็วไวยิ่งขึ้น โดยที่การเตรียมเอกสารและขั้นตอนในการรีไฟแนนซ์บ้านก็ไม่ได้ยุ่งยากอย่างที่คิด เพียงแต่เราต้องศึกษาและเปรียบเทียบข้อมูลของแต่ละที่ให้ดี เท่านี้ คุณก็สามารถเป็นเจ้าของบ้านที่คุณอยู่ได้ไวขึ้นแล้ว
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
ถล่มอุโมงค์ลับ เนิน 350 ทัพฟ้าส่ง F-16 เสิร์ฟไข่ 6 รอบติด
แฉเรือทุนไทยขายน้ำมันให้เขมร อดีต สว ประกาศ เตือน ทัพเรือสั่ง 'จมเรือ' ได้ทันที เพราะประกาศกฎอัยการศึก
ด่วนช็อกวงการ! CIB บุกรวบ "มนัส บุญจำนงค์" ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เอี่ยวคดีฉ้อโกง
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
ย้อนวันวาน “ศูนย์อาหารมาบุญครอง พ.ศ. 2535” ต้นแบบฟู้ดคอร์ทไทย จากคูปองเงินสด สู่ยุคสแกนจ่ายในปลายนิ้ว
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
คลังเขมรเกลี้ยง ฮุนเซน ขอเงินเดือนเอกชน 5% อ้างช่วยชาติ
สื่อนอกอวย ทหารไทยสุดเจ๋ง ไม่ใช่แค่รบ แต่ถล่ม 'เมืองสแกมเมอร์' พังท่อน้ำเลี้ยงโจรได้สิ้นซาก
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
"เกินต้าน! คุณยายวัย 92 โชว์สกิลเทพ ล้มคู่แข่งวัยคราวลูก คว้าแชมป์เกม Tekken 8"
ปุ๋ยล็อตใหญ่ ไปชายแดนเกือบ 3,000 นาย
ดาราดัง "ยุน ซอก ฮวา" เสียชีวิตแล้ว
เกษตรกรยุโรป บุก บรัสเซลส์กว่า 10,000 คน รถแทรกเตอร์เพียบ
เตือนภัยสายเนี๊ยบ! ผสมน้ำยาล้างห้องน้ำ 2 ชนิดหวังสะอาดล้ำ แต่กลับได้ก๊าซพิษทำลายปอดเฉียบพลัน
ด่วนช็อกวงการ! CIB บุกรวบ "มนัส บุญจำนงค์" ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เอี่ยวคดีฉ้อโกง
CCT: ผู้ชี้เป็นชี้ตๅยของการรบทางอากาศ
อยากสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำ เริ่มต้นอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
เมทัลชีท PU คืออะไร? วัสดุที่เหมาะสำหรับบ้านและอาคาร
[ด่วน!] ใกล้สิ้นปีแล้ว จองสถานที่จัดเลี้ยงบริษัท ขอนแก่น ที่ "ร้านคัม" ริมบึงหนองโคตร บรรยากาศดี โปรฯเพียบ!
ทริคประหยัดค่าไฟสูงสุดถึง 50% ต่อเดือน แค่ใช้แอร์ให้ถูกวิธี!



