อิทธิพลทางวัฒนธรรมไทยที่มีต่อกัมพูชา จนทำให้ถูกสะกดจิตหมู่ว่า “ไทยลอกกัมพูชา”
บทความที่ เขาวิเคราะห์มา
อิทธิพลทางวัฒนธรรมไทยที่มีต่อกัมพูชา จนทำให้ถูกสะกดจิตหมู่ว่า “ไทยลอกกัมพูชา”
ที่ผ่านมาจะเห็นประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชา ชอบดรามาเรื่องไม่เป็นเรื่องระหว่างประเทศไทย และส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องวัฒนธรรม เช่น วัฒนธรรมการแต่งกาย วัฒนธรรมการแสดง (โขน) ฯลฯ จนมาถึงเรื่องล่าสุด “ดรามาดอกลำดวน” จากโปสเตอร์ภาพยนตร์ของ GDH เรื่อง “บุพเพสันนิวาส ๒” ปรากฏว่ามีชาวเน็ตกัมพูชารายหนึ่งเข้ามาแสดงความคิดเห็นประมาณว่า “...ขอขอบคุณสำหรับการส่งเสริมดอกไม้ประจำชาติของเรา (ชาติกัมพูชา) ให้โลกรู้ แต่ครั้งหน้าอย่าลืมให้เครดิตเจ้าของด้วย...” จากนั้นก็เกิดสงครามทางโซเชียลระหว่างไทยและกัมพูชา อย่างดุเดือด มาหลายวันแล้ว
ความเข้าใจผิดทางประวัติศาสตร์ ทำให้การเรียนการสอนที่ผิดๆ ในโรงเรียนเขมร จนเป็นภาพจำมาถึงปัจจุบันนี้ ว่าไทยลอกแบบอะไรต่อมิอะไรมาจากเขมร
ทั้งๆ ที่อะไรต่อมิอะไร อย่างว่า ไทยเราเป็นคนคิด เป็นคนสร้างมาแท้ๆ เขมรกลับเข้าใจว่าเราลอกแบบเขมรมา
เปิดตำราเรียนเขมร "สอนให้มีอคติกับไทย" ทำไมเขมรถึงไม่ชอบไทย ?
ทำไม เขมร ถึงเคลมว่าไทยก๊อปวัฒนธรรม ? ข้อมูลโดยย่อทั้งหมด
เริ่มจากเขมรปัจจุบันสอนวิชาประวัติศาสตร์โดยใช้ทฤษฏีการเรียนการสอนแบบล้างสมอง(Brainwashing)
เขมร มีการทำตำราและการสอนวิชาประวัติศาสตร์เพื่อยกย่องชาติตัวเอง ว่าเคยยิ่งใหญ่มีวัฒนธรรมสูงส่งกว่าประเทศเพื่อนบ้านต่อมาก็บอกเล่าความดราม่าถูกถล่มจากโจรสยาม
จริงๆแล้วตามประวัติศาสตร์เขมร ไม่ได้เป็นชนชาติที่รุ่งเรือง อย่างที่รัฐบาลเขมรปัจจุบันใช้โฆษณาหาเสียงในปัจจุบัน
เขมรเป็นเมืองขึ้นของไทยมามากกว่า 400 ปี ชาวไทยเป็นเจ้าอาณานิคมเดิมของเขมรตั้งแต่ต้นกรุงศรีอยุธยา ขณะที่ตลอดเวลาหลายร้อยปี ประเทศไทยเราพัฒนาแทบทุกด้าน รวมไปถึงภาษาและตัวอักษร ไปไกลแล้ว แต่เขมรยังอยู่กับที่ เขมรลอกตัวอักษรขอมทั้งดุ้นมาใช้ แล้วไม่เคยพัฒนาต่อ เพราะขาดความรู้ ขาดศิลปวิทยาการ เวลาผ่านไปหลายรอยปี เขมรก็เคลมว่า ตัวอักษรขอม คืออักษรของเขมรโบราณ
“ขอม” จริงๆ ก็คือ คนไทยโบราณนับถือศาสนาฮินดู เพราะหลักฐานทางประวัติศาสตร์ทั้งของพุกาม ล้านนา และไทยใหญ่ ต่างบันทึกไว้ตรงกันว่า “ขอม” คือคนที่อยู่ทางใต้ของภาคเหนือ ซึ่งก็คือคนภาคกลาง พบกลุ่มคนขอมที่เป็นเคลือญาติกันทั้งทางภาคอีสานและลำพูนชนกลุ่มนี้ผู้ชายจะตัดผมเกรียน นุ่งชุดโจงกระเบน และอาศัยอยู่ในลุ่มแม่น้ำทางภาคกลางของไทยในปัจจุบัน มานานนับพันปีซึ่งมันค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นคนไทย แต่เมื่อขอมในภาคกลาง ซึ่งก็คือ ละโว้ อโยธยา พิมาย สุโขทัย ศรีสัชนาลัย พัฒนามาเป็นอยุธยา ที่รวมสุโขทัยเข้าไปอีก ได้พัฒนาประเทศจนเป็นปึกแผ่น แล้ววัฒนธรรมประเพณี ศิลปวิทยาการก็ถูกพัฒนาเป็นเงาตามตัว จนกลายเป็นไทยอย่างทุกวันนี้
.
ยุทธการรูปสลักหิน?
นอกจากชอบเคลมการแต่งกายของชาวสยามด้วยรูปสลักบนกำแพงหินแล้ว
เขมรใช้รูปสลักบนกำแพงเคลมไทย
เขมรมีการสอนว่า "เสียม" หรือ สยาม คนไทยเนี่ย ในภาพกำแพงนครวัด คือเป็นคนป่า แท้จริงเดินทางมาจากยูนนาน ประเทศจีน ค่อยๆหลอกล่อ รุกร่าน แซะๆๆ อาณาเขตเขมรมาเรื่อยๆ จนกระทั่ง ยึดพื้นที่ไปอย่างเนียนๆ เป็น "สุโขทัย"ซึ่งจริงๆสุโขทัยเป็นเมืองขอมท่านเจ้าเมืองขุนนาวนำถมคุณตาของพ่อขุนรามก็เป็นลูกเขยของชัยวรมันที่7ซึ่งเป็นขอมบ้านโคกเมือง เมืองมหิธรปุระ(เมืองสุรินทร์ปัจจุบัน)
คุณยายของพ่อขุนรามก็เป็นลูกสาวแท้ๆของชัยวรมันที่7..ขอมมั้ยละ
.
เขมรยังใส่ความอีกว่าพวกเสียมหรือชาวไทย พยายามตีเมืองเขมรมากถึง 3 ครั้ง มีการปล้นสมบัติ กวาดต้อนคนเขมรกลับไป ตอนเสียมรบกับพม่า ก็มาขอให้เขมรช่วย แต่ไม่รู้จักบุญคุณ ยังมากดขี่กษัตริย์เขมรอยู่อีก เหตุการณ์ที่พีคที่สุดคือ "เสียกรุงละแวก"ยุคสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เขมร ชอกช้ำมาก
เริ่มจาก มีการบอกเล่าว่ากษัตริย์ไทย ลอบฆ่า กษัตริย์เขมร และเอาเลือดมาล้างเท้า ซึ่งเขมรก็รับไม่ได้ ที่ในไทยมีการวาดภาพไว้แบบนี้ (ซึ่งศิลปินไทยยุคนั้นคงรับรู้ข้อมูลผิดๆจากการเล่าเรื่องสืบทอดกันมาปากต่อปาก)ซึ่งเมื่อสืบดูไม่จริงเลยพญาละแวกตายในที่รบ แถมสมเด็จพระนเรศวรทรงไว้ชีวิตพระโอรสของพญาละแวก..และให้ปกครองเมืองละแวกต่อไป
.
การที่กรุงละแวกแตก เขมรบอกว่า ได้ทำให้เสียดินแดนพนมดงรักไปตลอดกาล ทำให้กลายเป็นรัฐเล็กๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปเลยทั้งที่เขมรเสียเมืองไปตั้งแต่สมัยพระเจ้าอู่ทองกษัตริย์องค์แรกของกรุงศรีอยุธยาโดยพระองค์ได้ขอมจากโคราชช่วยตีเมืองพระนครธม...แถมไม่พอพระเจ้าอู่ทองก็ทรงเทครัวขอมพระนครลงมาที่กรุงศรีอยุธยาจนหมดแล้วคงเหลือไว้แต่ชาวป่ากับทาสจามและเชื้อพระวงค์ของพระเจ้าแตงหวานไว้เล็กน้อยและที่สำคัญเขมรกล่าวหาว่า เสียมกวาดต้อน เอากวี นักปราชญ์ เอาคนเก่งๆไปหมด (อันนี้รึเปล่าที่ทำให้เขมรเชื่อว่า ไทยก๊อปพวกเขาไปทุกอย่างซึ่งไม่จริงเลย???เราต่างหากที่เอากวีนักปราชญ์ครูละครนางรำโขนและนาฏศิลป์ช่างสิบหมู่ฯลฯไปฟื้นฟูเขมร)แถมเขมรยังสร้างตำนานเสียมชิง พระโค พระแก้ว ที่เชื่อว่า สยามอยากแย่งชิงประโค ที่มีของมีค่ามากมายในท้อง มาสู้รบแย่งไปสำเร็จ และพระโคก็ไม่กลับมายังเขมรอีกเลย (พระโค เป็นตัวแทนของสมบัติ วัฒนธรรม . ความงดงาม ความรุ่งเรืองมากมาย)นิยายชัดๆ
.
ในยุครัตนโกสินทร์ ทั้งที่รัชกาลที่1ทรงช่วยพื้นฟูวิทยาการให้เขมร เพราะเขมรช่วงนั้นใกล้เคียงคนป่ามากกว่ามนุษย์มีที่มีอารยะ...แต่กลายเป็นว่าเขมรเคลมวิทยาการที่ไทยถ่ายทอดให้เฉยเลย..ทั้งโขนละครดนตรีไทยวรรณกรรมการแต่งกายอาหารการกิน..ศิลปะอาคารบ้านเรือนฯลฯ
.
แถมช่วงเวลานั้นมีบทในตำราเขมรเชิงว่า สยามแทรกแซงการเมืองบ้าง แย่งชิงแผ่นดินบ้าง โจรเสียมไปทำให้พระราชาของพวกเขมรตรอมใจเพราะเสียแผ่นดิน และ ก็พบว่ามี เวียดนามมาร่วมแสดงด้วยในยุคนี้ (เพราะเขมรก็แย่งแผ่นดินกันเอง) คอนเซปท์ เสียแผ่นดิน = เสียชาติ ในยุคอาณานิคมเขมรก็มีการขอบคุณที่ฝรั่งเศส ที่เอาแผ่นดินคืนมาให้ และด่าญี่ปุ่นที่ช่วยจอมพล ป. แย่งดินแดนเขมรในยุคชาตินิยม สรุปคือ ทั้งหมดเกิดจากอิทธิพลของการเขียนประวัติศาสตร์แบบชาตินิยมและล้างสมอง การด่าไทยประณามไทย เกิดขึ้นหลายครั้ง ที่เห็นได้ช่วงเลือกตั้งของประเทศกัมพูชา เมื่อถึงคราวเลือกตั้ง ก็จะมีการปลุกกระแสชาตินิยมในหมู่คนกัมพูชาให้เกลียดชังประเทศไทย กล่าวหาว่าไทยไปขโมยวัฒนธรรม พวกสยามเป็นพวกขี้ขโมย โขนเป็นของพวกเรา ฯลฯ เป็นที่น่าเศร้าเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ก็จะมีคนเขมรคล้อยตามและอินเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการล้างสมองหมู่เกิดขึ้นมาสองชั่วคนแล้ว
...'โกหกจนเป็นเรื่องจริง' !!
.
รัฐบาลเขมรเชื่อว่า “ยิ่งโกหกคำโตมากเท่าไร โกหกบ่อยๆ คนจะยิ่งเชื่อมากขึ้น” และ “การหลอกประชาชนจำนวนมากด้วยการพูดโกหกเรื่องใหญ่ๆเกี่ยวกับวัฒนธรรมอารยะธรรมเขมร นั้นง่ายเพราะเขมรมีปราสาทหินที่ยิ่งใหญ่อลังการจริงๆถึงสองแห่งนั่นคือนครวัดและนครธม
.
“การตั้งฉายา” ตั้งฉายาให้ไทยดูชั่วร้ายเลวทรามหรือดูแย่ ว่าโจรสยามเพื่อให้คนเขมรหมู่มากรู้สึกรังเกียจไทยและสร้างความเกลียดชังให้มากขึ้น“พูดซ้ำแล้วซ้ำอีก” เป็นการย้ำข้อความเดิมๆ ไปเรื่อยๆ ซ้ำๆจนคนฟังหรือผู้รับสารค่อยๆ ซึมและเชื่อไปเองในที่สุด ว่าไทยก๊อบปี้จากเขมรไม่ต่างจากการที่ค่ายเพลง เปิดเพลงที่ตั้งใจจะให้ฮิทติดอันดับทางสถานีวิทยุ เปิดไปเรื่อยๆ จนคนฟังชินหู แล้วเริ่มรู้สึกว่าเพลงเพราะ
.
“ฝ่ายธรรมะ ฝ่ายอธรรม” สมเด็จฮุนเซ็นพยายามสร้างภาพว่า ตัวเองเป็นสัตบุรุษ เป็นเสมือน ผู้ทรงคุณธรรม มีศีลธรรมอันดีงาม มาช่วยเหลือ ปกป้องชาวเขมรและป้ายสีไทยว่าผู้ร้ายคนชั่วคือโจรสยาม ที่เป็นพ่อค้าขูดรีด เอาเปรียบชาวเขมรมานาน
.
และสิ่งที่ต้องระวังในการจะสอนสิ่งดีดีงามๆให้คนเขมรก็ควรระวังเพราะพวกนี้ไม่เคยให้เครดิต นี้ถ้าไปทำงานกับต่างชาติโดยเฉพาะชาติตะวันตก ไปเรียนกับเขาแล้วเอาสิ่งที่ตัวเองเรียนมาอ้างเป็นของตนเอง เขาถือว่ามันน่ารังเกียจมาก ของไทยเราได้รับวัฒนธรรมมาจากไหนก็บอกหมด แล้วมาปรับปรุงเป็นของตัวเอง แต่หลายคนจากเขมรพอมาเรียนเทคนิคและลายที่ไทยพัฒนาเอาไปเคลมเป็นของตัวเอง เขมรไว้ใจมันไม่ได้จริงๆไม่ควรสอนสั่งอะไรถ้าชาวเขมรยังทำตัวแบบนี้อยู่
บทสรุปชาวไทยเราทราบดีว่า..วัฒนธรรมเป็นของเราพวกเราช่วยกันสร้างมาผ่านการผสมผสานผ่านการพัฒนาในช่วงเวลาหลายร้อยหลายพันปีแต่การจะบอกกับเขมรประเทศเพื่อนบ้านตรงๆว่าเขมรคืออดีตประเทศราชของไทย...จึงรับวัฒนธรรมของไทยไปใช้มันก็ดูจะใจร้ายเกินไปแต่ความใจดีของไทยกลายเป็นว่าทำให้เขมรถือโอกาสเคลมไทยอย่างหน้าด้านๆ
Cr. ศิลปวัฒนธรรม
สรุปจากบทความของ รศ.ดร. ศานติ ภักดีคำ
https://www.silpa-mag.com/history/article_39654
Cr.
https://www.facebook.com/1651530501767770/posts/3167205276866944/
Cr.
https://www.facebook.com/1651530501767770/posts/3066198596967613/
Cr.
https://board.postjung.com/1230574
Cr.กรยุทธ ตะพาบน้ำ
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/groups/1386527928059829/permalink/5852226491489928/