กาแฟกลับหัว Kupi Khop ของอินโดนีเซีย แปลกๆเวลาจะดื่มกาแฟต้องคว่ำแก้วเหมาะที่จะจิบผ่านหลอด
กาแฟกลับหัว Kupi Khop ของอินโดนีเซีย แปลกๆเวลาจะดื่มกาแฟต้องคว่ำแก้วเหมาะที่จะจิบผ่านหลอด
คูปิคอปเป็นกาแฟประเภทพิเศษที่เสิร์ฟในแก้วคว่ำบนจานแก้วและจิบผ่านหลอด ด้วยเหตุผลที่ชัดเจน มันถูกเรียกว่ากาแฟกลับหัวของชาวอินโดนีเซีย
หากคุณเคยพบว่าตัวเองอยู่บนชายฝั่งตะวันตกของอาเจะห์ในอินโดนีเซีย คุณต้องเพลิดเพลินไปกับกาแฟ Kupi Khop วิธีการเสิร์ฟที่ไม่เหมือนใคร ไม่มีใครเหมือน เพียงอย่างเดียวก็คุ้มค่าที่จะลอง เพราะแม้ว่าคุณจะไม่ชอบดื่มกาแฟ
อย่างน้อยคุณก็สามารถแชร์บน Instagram หรือโซเชียลอื่นๆ ที่คุณต้องการได้ Kupi Khop ประกอบด้วยกาแฟโรบัสต้าบดหยาบที่ชงในแก้วแล้วคว่ำลงบนจานรองแก้ว จากนั้นจึงใช้หลอดพลาสติกเพื่อค่อยๆละเลียดดื่ม ดึงกาแฟออกจากแก้วโดยไม่ให้หกออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ ใช่หลอดดูดตามภาพ
🖼️ร้านกาแฟกำลังคิดค้นกลเม็ดทุกรูปแบบเพื่อให้ได้เปรียบในการแข่งขัน แต่ Kupi Khop เป็นมากกว่ากลเม็ดทางการตลาด ได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (WBT) ของ West Aceh Regency และประวัติศาสตร์สามารถย้อนกลับไปได้หลายศตวรรษ
👉🏿การเสิร์ฟกาแฟในแก้วกลับหัวนั้นไม่สมเหตุสมผลเลยจริงๆ แต่ชาวประมงในอาเจะห์ที่คิดค้นวิธีการเสิร์ฟที่ไม่ธรรมดานี้ขึ้นมาจริงๆ เพลิดเพลินกับกาแฟในขณะที่ตกปลา
ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายที่สุดในสมัยนั้นกระติกน้ำร้อนไม่ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้น คุณต้องทิ้งแก้วและตรวจสอบเส้นหรือพยายามนำปลาเข้ามา และนั่นหมายความว่ากาแฟมักจะเย็นก่อนที่คุณจะกลับมา
แต่การปกปิดไว้หมายความว่ามันจะอบอุ่นได้นานขึ้น แถมยังปราศจากฝุ่น แมลง และสิ่งสกปรกอื่นๆเป็นที่มาของการคว่ำถ้วยกาแฟนั่นเองเวลาดื่ม
แล้วคนเราจะเพลิดเพลินกับกาแฟกลับหัวได้อย่างไร? การยกแก้วออกจากจานรองจะทำให้กาแฟหกและทำให้เลอะเทอะ นั่นคือที่มาของหลอด
โดยปกติแล้วหลอดจะเลื่อนเข้าใต้ปากแก้วคว่ำเมื่อยกเครื่องดื่มขึ้นโต๊ะ แต่คนในท้องถิ่นเรียนรู้ที่จะเลื่อนหลอดเข้าไปใต้แก้วเองโดยไม่ต้องยกแก้วออกจากจานรอง
เมื่อหลอดเข้าที่แล้ว สิ่งที่คุณต้องทำก็แค่เป่าเบา ๆ เข้าไปในหลอด เพิ่มแรงดันภายในแก้วและทำให้กาแฟไหลซึมออกมา เมื่อเกิดแอ่งน้ำรอบๆ แก้ว คุณเพียงแค่ใช้หลอดจิบของเหลว จากนั้นทำซ้ำหลาย ๆ ครั้งตามที่จำเป็น ด้วยวิธีนี้ กาแฟจะคงความอุ่นได้นานขึ้นเหมือนเมื่อหลายร้อยปีก่อน
นี่ก็คือภูมิปัญญาของชาวบ้านสมัยก่อนที่มีมาจนถึงปัจจุบันเลยนะครับ
อ้างอิงจาก:odditycentral/foods,
google และ YouTube