(นิยาย) Romance Of Chaotic ลิขิตรัก แม่ทัพวายร้าย ตอนที่ 1
…จุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง …
Romance dawn…นิยายรักแนวจีนโบราณที่กล่าวถึงเด็กหนุ่มผู้มุ่งมั่นจะเป็นสุดยอดแม่ทัพที่ไม่ได้อิงประวัติศาสตร์ใดๆ เพียงแค่ใช้ชื่อหรือนามของบุคคลที่มีอยู่จริงมาดัดแปลงเพิ่มอรรถรส และเพราะชื่อที่ออกแนวนิยายรักทำให้ถูกเข้าใจผิดอยู่บ่อยครั้ง ถึงอย่างนั้นนี่ก็เป็นนิยายที่ได้รับความนิยมเฉพาะกลุ่ม แต่ก็เป็นนิยายที่สามารถอ่านได้เกือบทุกวัย เพราะไม่ใช่มีเพียงแค่สงคราม แต่ยังมีทั้งความรัก ความตลกผสมปนเปกันไปเพื่อไม่ให้เนื้อเรื่องน่าเบื่อ ตัวละครรองหลายตัวก็ช่วยเพิ่มสีสันให้เนื้อเรื่องมีมิติมากยิ่งขึ้น…
“อ่านไปได้ครึ่งเล่มเอง ชักขี้เกียจแล้วสิ” เสียงบ่นพึมพำจากร่างที่นอนแผ่หราบนเตียง ในมือมีนิยายเล่มหนาวางทาบไว้
“วาร์ปไปตอนจบเลยได้มั้ยนี่ จำชื่อตัวละครแทบจะไม่หมดละ ยังกับสามก๊ก” ว่าพลางควานหาไกด์ไลน์แนะนำตัวละครขึ้นมาดู รู้สึกว่าหลายคนหล่อเหลาใช้ได้เลยทีเดียว โดยเฉพาะคู่แข่งและเพื่อนพระเอก อีกหลายตัวละครเจ้าตัวรู้สึกไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย ทั้งนางรำแสนงดงาม หัวหน้าโจรป่าที่กลายมาเป็นแม่ทัพ และเหล่าเสนาบดีอันน่าหมั่นไส้ นี่เธออินกับนิยายขนาดนี้เลยหรือนี่…
“อีกครึ่งค่อยเก็บไว้อ่านทีหลังก็แล้วกัน” จบคำพูด หญิงสาวก็จมตัวเองลงสู่ห้วงนิทราในทันที น่าเศร้าที่เธอนั้นไม่รู้เลยว่า…ตนเองจะไม่มีทางได้อ่านนิยายเรื่องนี้อีก…ตลอดกาล...
ตอนที่ 1 Rebirth
“ท่านแม่ทัพหวังซิน” เสียงของรองแม่ทัพเอ่ยขึ้นทำลายห้วงความคิดของคนที่กำลังพิจารณาบางสิ่งอย่างถี่ถ้วน
แม่ทัพใหญ่หรี่มองสิ่งที่ขยับเคลื่อนไหวบนพื้นดินแห้งกรังแต่เจิ่งนองไปด้วยหยาดน้ำสีแดงฉาน เขาโยนตัวเองลงจากหลังม้าก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ห่อผ้าเล็กๆ สีขาวในอ้อมกอดของร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวคนหนึ่ง ดวงตากลมโตสีดำจ้องมองเขา เสียงร้องไห้แปรเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะอันใสซื่อ
“สงสัยจะชอบเคราของข้า” แม่ทัพวัยกลางคนพูดกลั้วหัวเราะ เขาก้มลงไปช้อนห่อผ้าซึ่งหุ้มร่างเล็กๆ ที่แค่วงแขนของเขาก็โอบรัดจนเกือบมิด เพียงแค่ออกแรงนิดหน่อยสิ่งมีชีวิตกระจ้อยร่อยนี้ก็สามารถแหลกคามือของเขาได้ทันที
“ถึงจะเป็นทารก แต่ก็เป็นคนของแคว้นเว่ย” รองแม่ทัพผู้มีผมสีน้ำตาลใบหน้านิ่งราวรูปสลักหินเปรย
“คุคุ เจ้าคิดว่าเด็กคนนี้จะกลายเป็นคนที่ยอดเยี่ยมในอนาคตหรือเปล่าถิงเซียว”
“หากได้รับการสั่งสอนจากท่านหวังซิน ข้าเชื่อว่าเด็กคนนี้จะต้องเก่งกาจเหมือนท่านแน่นอน” ราวกับอ่านความคิดของผู้เป็นนายได้ ไม่ว่าหวังซินจะเลือกแบบไหน ถิงเซียวก็จะเคารพการตัดสินใจของเขาเสมอ
“คุคุคุ ข้าหวังว่าเขาจะโตมาเป็นเด็กหนุ่มที่แข็งแรง...ตั้งแต่นี้ต่อไปชื่อของเด็กคนนี้คือ…”
หลี่หวังซิน 1 ใน 7 แม่ทัพของแคว้นซู ผู้ถูกเรียกว่าแม่ทัพประหลาด เขาชื่นชอบในความสันโดษและไม่สนใจใคร ตั้งแต่สิ้นองค์ฮ่องเต้ผู้ซึ่งเป็นสหายเก่า เขาก็เอาตัวเองออกจากสนามรบและใช้ชีวิตอิสระในที่ดินกว้างใหญ่ของตนกับบรรดาลูกน้องคนสนิท แม้อ๋ององค์ปัจจุบันจะเป็นบุตรชายของเพื่อนสนิทก็ตาม ภายหลังศึกครั้งล่าสุดเมื่อ 10 ปีก่อน ชีวิตของเขาก็ไม่เคยเหมือนเดิมอีกเลย…ตั้งแต่ที่เขาได้รับเลี้ยงเด็กกำพร้าคนหนึ่งจากหมู่บ้านที่โดนลูกหลงจากสงครามซึ่งเขาเป็นผู้นำทัพ แม้จะเป็นหมู่บ้านของฝ่ายตรงข้ามก็ตามที…
แม่ทัพหวังซินไม่มีภรรยา…อันที่จริงเขาสูญเสียคนรักตอนที่เธอกำลังจะคลอดลูกคนแรก ในขณะที่เขาอยู่ในสนามรบ ข่าวร้ายเรื่องการเสียชีวิตของเธอส่งมาถึงเพียงไม่กี่วันก่อนที่เขาจะเข้าปะทะกับทัพหลักของฝ่ายศัตรู…กระนั้นหวังซินก็ไม่อาจแสดงความโศกเศร้าออกมาได้ เขานำชัยชนะมาให้กับแคว้นซูด้วยใบหน้าที่แสดงออกถึงความปีติยินดีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ถึงอย่างนั้น...ผู้คนต่างกระซิบนินทาว่าเขาเป็นมนุษย์ประหลาดไร้ความรู้สึก เพราะตลอดเวลาในงานศพของภรรยา บนใบหน้าหยาบกร้านของเขาไม่มีแม้ซึ่งน้ำตาสักหยดร่วงหล่นลงมา ข่าวลือแปลกๆ เกิดขึ้นว่าตัวเขาเองไม่เคยรักฮูหยินของตนเลย เธอเป็นบุตรีของขุนนางระดับสูงที่ถูกประทานให้ตอนที่เขานำทัพและได้รับชัยชนะติดต่อกัน ทั้งคู่จึงไม่เคยมีความรักใคร่ให้แก่กัน การตายของเธออาจจะเป็นสิ่งที่เขาหวังเอาไว้...นั่นคือสิ่งที่ผู้คนโจษจันและหวังให้มันเป็นดั่งเรื่องราวที่ถูกปรุงสรรปั้นแต่ง…ทว่า ก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะพูดมันออกมาตามตรง ทำได้เพียงนินทาลับหลังกันอย่างสนุกปาก แต่หวังซินไม่เคยคิดจะใส่ใจเรื่องราวเหล่านั้น เขามีเรื่องอื่นให้ใส่ใจมากกว่าจะมาสนคำติฉินนินทาไร้สาระ
เพียงไม่นาน…เขาก็เป็นที่พูดถึงอีกครั้ง ข่าวการรับเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมของเขาสร้างความประหลาดใจให้แก่ผู้คนไม่น้อย เด็กทารกไม่รู้ที่มาที่ไปถูกรับเลี้ยงโดยแม่ทัพใหญ่ผู้รักสันโดษ ไม่มีใครเคยเห็นเด็กคนนั้นนอกจากบรรดาทหารภายใต้สังกัดของเขา ข่าวลือมีเพียงแค่ นางเป็นเด็กผู้หญิงที่มีร่างกายอ่อนแอจนไม่อาจออกมาภายนอกได้ มีเพียงก็แต่ข่าวลือว่าเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาอัปลักษณ์ขี้ริ้วขี้เหร่และมีผิวสีเข้ม ถึงอย่างนั้นแม่ทัพใหญ่ก็รักและหวงแหนเด็กน้อยมาก ทว่าความใคร่รู้ของมนุษย์นั้นน่ากลัว มีหลายคนพยายามจะสืบหาตัวตนของเด็กสาว แต่คนเหล่านั้นกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย…
“บางทีข้าก็คิดว่าท่านมีลูกชายมากกว่าลูกสาว” ถิงเซียวถอนหายใจเมื่อนึกไพล่ไปถึงบางเรื่องซึ่งทำให้รู้สึกเหนื่อยใจเป็นเท่าตัว
“คุคุคุ ทั้งข้าและเจ้าเองต่างก็ตกใจกับความจริงหลังจากนั้น แต่นางก็เติบโตมาอย่างดีเหมือนที่ข้ากับเจ้าหวังไว้” หวังซินทอดสายตามองร่างที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลด้วยความเอ็นดู เด็กสาวอายุ 10 ปี ในมือถือดาบยาวซึ่งวาดปลายลงพื้น เบื้องหน้ามีร่างของชายฉกรรจ์ 2 คนหมอบราบอยู่
“หุหุ สมเป็นบุตรีของท่านจริงๆ” ถิงเซียวหัวเราะโดยที่ดวงตายังนิ่งจนน่าขนลุก
เรือนผมยาวสีดำสลวยถูกมัดรวบเป็นหางม้า ดวงตาคมสีรัตติกาลดูลึกลับน่าค้นหา ริมฝีปากเรียวกระตุกยิ้มน้อยๆ เมื่อมองผลงานของตน เธอสูงราวๆ 155 เซนติเมตรและมีผิวสีน้ำผึ้งอ่อนนวลเนียนอันหาได้ยาก บางครั้งหวังซินก็แอบคิดว่าบุตรสาวของตนอาจจะเป็นคนที่มาจากแคว้นอันไกลโพ้นซึ่งข้ามพ้นทะเลอันสุดลูกหูลูกตา
หลี่ อ้ายซิน…เด็กสาวผู้เป็นดั่งทองคำล้ำค่าของเขา
“ท่านพ่อ” เสียงใสของเธอเรียกเขาให้ตื่นจากภวังค์ความคิดก่อนที่ร่างเล็กกว่านั้นจะสืบเท้าเข้ามาใกล้ “จริงหรือที่ท่านจะกลับสู่สมรภูมิอีกครั้ง” แววตาสีดำพราวระยับรอคำตอบ ชายวัยกลางคนพยักหน้าน้อยๆ เรียกสายตาวาวโรจน์จากอีกฝ่ายได้ดีทีเดียว “ถ้าอย่างนั้นข้าเองก็จะมีโอกาสได้ร่วมรบกับท่านแล้วใช่มั้ย” เธอถามอย่างตื่นเต้น แทบจะเก็บอาการดีใจไม่อยู่
“คุคุคุ อันนั้นก็ไม่รู้สินะ ข้ายังไม่อยากจะเปิดเผยตัวเจ้าสักเท่าไหร่” ผู้เป็นพ่อลูบหัวลูกสาวเบาๆ อย่างเอ็นดูในความช่างเจรจาของเธอ “แต่คงอีกไม่นาน ท่านอ๋ององค์นี้น่าสนใจทีเดียว คุคุคุ ข้าอยากจะเห็นอนาคตของประเทศนี้ภายใต้การปกครองของเขาเสียแล้วสิ”
“แล้วท่านจะถูกเรียกตัวเมื่อไหร่หรือ” เด็กสาวมองด้วยความใคร่รู้ ดวงตากลมโตของเธอไม่เคยเก็บอาการได้เลยเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้เป็นพ่อ
“อีก 3 วันข้าจะเข้าเมืองหลวง ดูเหมือนว่าพวกอู๋จะเริ่มรุกล้ำชายแดนฝั่งตะวันออกของพวกเราเข้ามาแล้ว” คำกล่าวของหวังซินทำให้อ้ายชะงัก ดวงตาใสนั้นไหววูบน้อยๆ รอยยิ้มบางเลือนหายจนสังเกตได้
“สีหน้าของเจ้าไม่สู้ดีเลยนะ เป็นอะไรหรือเปล่า” คำถามด้วยความเป็นห่วงของผู้เป็นพ่อ แม้แต่ถิงเซียวยังต้องมองตาม
“ไม่…ไม่มีค่ะ ข้าว่าข้าขอตัวก่อนดีกว่า รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย” สิ้นคำกล่าว อ้ายซินก็หันหลังเดินจากไปด้วยความรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงความสงสัยให้แก่สองร่างเบื้องหลัง
…สงครามหวนคืนของหลี่หวังซิน…เกิดขึ้นเมื่อซูอ๋องคนปัจจุบันขึ้นรักษาการณ์ได้ 1 ปี เขากลับสู่สนามรบได้อย่างภาคภูมิ แม้ 7 ยอดแม่ทัพแห่งซูจะเหลือเพียงแค่ชื่อเสียงของอดีตก็ตาม แม่ทัพ 4 ใน 7 เสียชีวิตจากการป่วยด้วยโรคร้าย ลอบสังหาร และตายในการรบ ส่วน 1 ใน 3 ก็คือหวังซินเกษียณตัวเอง ถึงอย่างนั้นฝีมือของเขาก็ไม่ได้ด้อยลงไปแม้แต่น้อย
3 ปีงั้นเหรอ ไม่ถึงสิ….คิดสิ...เนื้อเรื่องในนิยายที่อ่านมา ยัยบ้าเอส ถ้ามันเป็นในเรื่อง Romance Dawn จริง แม่ทัพหวังซิน…แต่มันอาจจะไม่เหมือนก็ได้ ใช่สิ! คงไม่ใช่หรอก พลันความคิด เด็กสาวก็ตัวสั่นสะท้านน้อยๆ เธอสับสนและทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าควรจะจัดการตัวเองอย่างไร
หลี่
อ้ายซิน หรือ เอส ชื่อในอดีตชาติของเธอ หรือจะบอกว่าเธอพลัดหลงเข้ามาในนิยายที่เคยอ่านก็ดูจะเป็นไปได้ที่สุด…หญิงสาวป่วยตายและกลับมาเกิดใหม่ในโลกของนิยาย…มันช่างน่าเหลือเชื่อเสียเหลือเกิน! แน่ล่ะ ตัวเธอเองก็ยังทำใจเชื่อไม่ลงเลย! ความทรงจำในชาติที่แล้วค่อยๆ ผุดขึ้นเมื่อเธอเริ่มจำความได้ นี่คือโลกของ Romance Dawn และสาบานได้ว่าในนิยายไม่มีตัวละครชื่อ อ้ายซิน เธอเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ถูกเพิ่มเข้ามาอย่างนั้นสินะ…แล้วอะไรคือเหตุผลที่ทำให้ต้องกลับชาติมาเกิดในโลกแห่งนี้กันล่ะ?
หรือพระเจ้าอยากให้เธอมาเปลี่ยนแปลงอนาคตของนิยาย…ไม่มีทางหรอกน่ะ พระเจ้าไม่มีจริง และเธอก็ไม่เชื่อในพระเจ้า ถ้าอย่างนั้นที่นี่ก็ไม่ใช่ในหนังสือ แต่เป็นโลกที่มีอยู่จริงต่างหาก ในเมื่อเธอไม่ได้เกิดมาพบกับพระเอกหรือเป็นนางเอกของเรื่องนี้นี่สิ คิดได้แบบนั้นก็ทำให้เจ้าตัวรู้สึกสบายใจขึ้นได้ในทันที…จนลืมไปว่า บางอย่างดำเนินไปเหมือนกับเนื้อเรื่องที่เคยได้อ่านมา…สิ่งที่เธอกลัวที่สุดกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ พ่อบุญธรรมของเธอ…
“เอาล่ะ ฉันตัดสินใจแล้ว” เด็กสาวสูดลมหายใจลึกๆ แล้วรีบลุกขึ้นคว้าเสื้อคลุมตัวหลวมโคร่งมาสวมทับชุนนอนสีขาวแบบจีนโบราณ เธอมุ่งตรงไปยังเรือนพักของแม่ทัพใหญ่ที่ยังคงมีแสงเทียนริบหรี่ลอดผ่านหน้าต่าง เธอหยุดยืนอยู่หน้าประตูเพียงชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยขึ้น
“ท่านพ่อ ข้าขอรบกวนเวลาสักครู่”