ตัวจัดการโฆษณา Facebook Ads Manager ใช้ยังไง อัพเดทปี 2023
อย่างที่พวกเราหลายคนรู้กันดีว่าในยุคปัจจุบันนี้นั้นผู้คนส่วนมากล้วนใช้เวลาว่างไปกับการท่องโลกออนไลน์ผ่านช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Youtube , Twitter , Line หรือ Instagram และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ Facebook นั่นเอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้น ๆ เลยทีเดียว
และแน่นอนว่าเมื่อผู้คนส่วนมากหันมาใช้เวลาส่วนมากบนสื่อออนไลน์มากขึ้น นักธุรกิจหรือผู้ที่ต้องการหารายได้จากช่องทางออนไลน์ก็เลือกที่จะหันมาทำการโฆษณาลงผ่านช่องทางนี้เช่นเดียวกัน แต่จะแค่โพสเฉย ๆ ก็อาจยังไม่ได้ผลดีเท่าที่ต้องการเท่าไหร่นัก จึงจำเป็นต้องมีการยิงแอดโฆษณาเข้ามาช่วยด้วยอีกแรง
ซึ่งสำหรับผู้ที่กำลังสนใจการยิงแอดโฆษณาทาง Facebook ก็ต้องอ่านบทความนี้เลย เพราะเราจะพาทุกคนไปรู้จักกับตัวจัดการโฆษณา Facebook หรือที่เรียกกันว่า Facebook Ads Manager (www.facebook/ads/manager) นั่นเอง เพื่อให้ทุกคนเข้าใจมากยิ่งขึ้นและสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจของคุณได้ง่าย ๆ
Facebook Ads Manager คืออะไร
ก่อนที่เราจะเริ่มการยิงแอดโฆษณาบน Facebook ก็จำเป็นที่จะต้องมาทำความรู้จักกับตัวจัดการโฆษณา Facebook หรือ Fb Ads Manager (www.facebook/ads/manager) กันเสียก่อน เพราะว่าเจ้าสิ่งนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อการทำโฆษณาของคุณ เนื่องจากจะทำให้การยิงแอดโฆษณาของคุณมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ตัวจัดการโฆษณา Facebook หรือ Facebook Ads Manager คือเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณสามารถจัดการหรือตั้งค่าโฆษณาของคุณได้อย่างละเอียดและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโฆษณา การแก้ไขเปลี่ยนแปลงโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การวิเคราะห์ผลลัพธ์จากโฆษณา รวมไปถึงการกำหนดงบประมาณที่ต้องการใช้ไปกับการยิงแอดโฆษณา
Facebook Ads Manager สำคัญต่อนักการตลาดอย่างไร
นักการตลาดบนสื่อสังคมออนไลน์ล้วนมีความเห็นตรงกันว่า Facebook เป็นสื่อออนไลน์ที่สามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุนได้ดีที่สุดเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับสื่อออนไลน์แพลตฟอร์มอื่น ๆ เนื่องจากเป็นสื่อออนไลน์ที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้ามาใช้งานโดยเฉลี่ย 35 นาทีต่อวัน นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้งานมากถึง 2,400 ล้านคนเลยทีเดียว
แต่การที่จะดำเนินธุรกิจหรือทำการยิงแอดโฆษณาบน Facebook ก็จำเป็นที่จะต้องใช้งานตัวจัดการโฆษณา Facebook หรือ Facebook Ads Manager มาเป็นตัวช่วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากตัวจัดการโฆษณา Facebook นั้นมีความสำคัญและมีประโยชน์ต่อคุณไม่น้อยเลย ดังนี้
- ช่วยให้คุณยิงโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Target) ได้อย่างตรงจุดหรือตรงกลุ่มมากยิ่งขึ้น
- ช่วยกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายมีการตอบสนองต่อโฆษณาของคุณ เช่น การสั่งซื้อสินค้า เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ยอดขายของคุณเกิดการเปลี่ยนแปลง (Conversion) หรือมียอดขายที่เพิ่มมากขึ้น
- ตัวจัดการโฆษณา Facebook จะช่วยให้คุณสามารถจัดการหรือตั้งค่าโฆษณาได้อย่างอิสระจนกว่าจะตรงกับวัตถุประสงค์ (Objectives) ของคุณ
- ช่วยให้คุณสามารถสร้างโฆษณาหรือสร้างแคมเปญ (Campaigns) ทางธุรกิจของคุณได้อย่างง่ายดาย
- ตัวจัดการโฆษณา Facebook สามารถช่วยเพิ่มยอดผู้เข้าชม (Audience) เว็บไซต์หรือเพจแบรนด์ของคุณได้
- ช่วยให้คุณสามารถวิเคราะห์ได้อย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายหรือการวิเคราะห์ผลลัพธ์การยิงแอดโฆษณา
- ช่วยให้คุณสามารถกำหนดหรือควบคุมงบประมาณที่ต้องใช้ไปกับการยิงแอดโฆษณาได้
Algorithm ของ Facebook Ads ทำงานอย่างไร
ระบบ Algorithm ของ Facebook Ads ในปัจจุบันนี้ได้มีการอัปเดตเพื่อลดการมุ่งเน้นไปที่บัญชีหรือเพจที่มีผู้ติดตามมาก และการจัดลำดับความสำคัญของโพสจากเพื่อนหรือครอบครัวผู้ใช้งาน เปลี่ยนมาเป็นการแสดงโพสที่ได้รับการแนะนำจากระบบของ Facebook มากขึ้น
และด้วยเหตุนี้เองการแสดงโฆษณาบน Facebook จึงมีการแข่งขันที่สูงมากขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าระบบ Algorithm ของ Facebook ในตอนนี้นั้นทำงานกันอย่างไรและใช้สิ่งใดบ้างในการตัดสิน
ระบบ Algorithm ของ Facebook Ads จะตัดสินจาก 4 อย่างหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่
1. สินค้าคงคลัง
เนื้อหาทั้งหมดที่มีความเป็นไปได้ว่าจะสามารถปรากฏบนหน้าฟีดของผู้ใช้งานหรือกลุ่มเป้าหมาย
2. สัญญาณ
ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับโพสที่ได้เลือกหรือกำหนดไว้ ซึ่งจะรวมไปถึงสัญญาณแบบพาสซีฟ (ช่วงเวลาในการโพส) และสัญญาณที่ใช้งาน (จำนวนไลก์ , ยอดการแชร์ , ความคิดเห็น)
3. การคาดการณ์
โอกาสที่ผู้ใช้งานหรือกลุ่มเป้าหมายจะมีการตอบโต้ในเชิงบวกกับโพส
4. คะแนน
การแสดงตัวเลขที่รวบรวมมาจาก 3 อย่างข้างต้น (สินค้าคงคลัง , สัญญาณ , การคาดการณ์) ซึ่งจะแสดงโอกาสการตอบโต้เชิงบวก
เตรียมตัวก่อนสร้าง Facebook Ads Manager
หลังจากที่รู้ถึงความสำคัญและประโยชน์ของตัวจัดการโฆษณา Facebook หรือ Facebook Ads Manager กันไปแล้ว บางคนก็อาจจะเริ่มสนใจและอยากลองใช้งาน แต่เดี๋ยวก่อน การที่จะใช้งานตัวจัดการโฆษณา Facebook ก็ต้องมีการเตรียมพร้อมหลาย ๆ อย่างก่อนเช่นกัน ได้แก่
1. Facebook Page
ก่อนที่จะอยากลองใช้ตัวจัดการโฆษณา Facebook ก็จำเป็นที่จะต้องมี Facebook Page ไว้สำหรับโพส (Post) หรือลงโฆษณาเสียก่อน และนอกจากจะเป็นที่ไว้ลงโฆษณาแล้ว ยังเป็นที่ไว้สำหรับติดต่อสื่อสารกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย (Target) อีกด้วย
2. ช่องทางการชำระเงิน
การจะยิงแอดโฆษณาได้นั้นนอกจากเราจะต้องมีเพจไว้สำหรับลงโฆษณาแล้ว เรายังจำเป็นต้องมีเงินไว้สำหรับจ่ายค่าโฆษณาอีกด้วย ซึ่ง Facebook ก็มีช่องทางการชำระเงินสำหรับผู้สนใจลงโฆษณาอยู่ 4 ช่องทางด้วยกัน คือ บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต , Paypal , Internet Banking และ Ad Credit
3. Content ที่จะลงโฆษณา
หลังจากที่ได้เตรียมเพจและเงินไว้เรียบร้อยแล้ว อีกสิ่งที่ต้องเตรียมก็คือคอนเทนต์รูปแบบต่าง ๆ ที่ต้องการลงโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ หรือแคมเปญ (Campaigns)
4. URL website หรือ Instagram Account
ถ้าหากใครที่มีวัตถุประสงค์ (Objectives) หรือต้องการให้เว็บไซต์ทางการมียอดการเข้าถึงที่มากขึ้น ก็สามารถที่จะใส่ URL website ไว้เพื่อที่จะให้ผู้ที่สนใจหรือกลุ่มเป้าหมายสามารถกดติดตามเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ได้สะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น
เริ่มต้นเปิดใช้งาน Facebook Ads Manager
ในการเริ่มต้นเปิดใช้งานตัวจัดการโฆษณา Facebook หรือ Facebook Ads Manager นั้นจะสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ส่วนหลัก ๆ ด้วยกัน นั่นก็คือส่วนของการเปิดใช้งาน Ads Manager และส่วนของการตั้งค่าชำระเงิน ซึ่งแต่ละส่วนมีวิธีการอย่างไรบ้างนั้นเรามาดูกันเลย
1. เปิดใช้งาน Ads Manager
- ทำการกดไปที่ Ads Manager ของ Facebook Business Manager
- เมื่อกด Ads Manager เข้ามาแล้วก็จะพบกับหน้าต่างของ Facebook Ads Manager หรือตัดจัดการโฆษณา Facebook นั่นเอง
2. ตั้งค่าการชำระเงิน
- กดไปที่สัญลักษณ์จุดไข่ปลาบริเวณด้านซ้ายมือของหน้าต่าง Facebook Ads Manager และเลือกไปที่ Ads Account Settings
- หลังจากเข้ามาที่ Ads Account Settings แล้ว ให้ไปคลิกปุ่ม Open Payment Settings ที่อยู่ในช่อง Business Payment
- เมื่อเข้ามาแล้วให้กดปุ่ม Add Payment Medthod ที่อยู่ในช่อง Payment Medthod
- เมื่อกดเข้ามาก็จะเจอกับหน้าต่างที่ให้เราสามารถตั้งค่าสถานที่ สกุลเงิน ภาษี และเลือกวิธีในการชำระเงิน
ส่วนประกอบที่ควรรู้บนหน้า Facebook Ads Manager
1. ปุ่มสร้างแคมเปญโฆษณา (Ads Campaign)
สำหรับปุ่มสร้างแคมเปญโฆษณาที่อยู่บนหน้าต่างตัวจัดการโฆษณา Facebook นั้นจะเป็นปุ่มที่เราสามารถใช้ในการกำหนดจุดประสงค์เพื่อใช้ในการสร้างแคมเปญ หรือสร้างโฆษณาได้นั่นเอง
- Campaigns
ในส่วนของหน้า Campaigns จะเป็นหน้าที่รวบรวมทุกแคมเปญที่เคยได้สร้างเอาไว้
- Ad Sets
ในส่วนของหน้า Ad Sets จะเป็นหน้าที่รวบรวมทุกชุดโฆษณาที่เคยสร้างเอาไว้
- Ads
ในส่วนของหน้า Ads จะเป็นหน้าที่รวบรวมทุกโฆษณาที่เคยสร้างเอาไว้
2. หน้า Search & Filter
สำหรับหน้าของ Search & Filter จะเป็นส่วนที่สามารถช่วยคัดกรองโฆษณาที่ต้องการค้นหาได้ ซึ่งสามารถที่จะค้นหาได้จากการใส่ชื่อโฆษณา วัตถุประสงค์ กลุ่มเป้าหมาย หรือประเภทต่าง ๆ
3. Columns Custom
สำหรับในส่วนของ Columns Custom จะช่วยให้สามารถเลือกหัวข้อหรือหมวดหมู่ เพื่อให้แสดงผลตรงตามที่ต้องการ
4. Breakdown
สำหรับในส่วนของ Breakdown นั้นเรียกได้ว่าเป็นเครื่องมือที่จะช่วยในเรื่องการ Optimize โฆษณาของคุณให้ดีขึ้นเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะช่วยหาช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลงโฆษณาแล้ว ยังสามารถช่วยหาช่วงอายุของกลุ่มเป้าหมายที่จะทำให้ผลลัพธ์จากการยิงแอดโฆษณาดีที่สุดอีกด้วย
5. Reports
สำหรับในส่วนของ Reports นั้นก็คือช่องที่ใช้ในการรายงานผลลัพธ์ของโฆษณาต่าง ๆ ของคุณ โดยสามารถที่จะเลือกใช้รายงานเฉพาะสิ่งที่คุณต้องการได้ เช่น เพศ อายุ หรือกลุ่มโฆษณา เป็นต้น
6. แถบแสดงผลคอลัมน์
สำหรับในส่วนของแถบแสดงผลคอลัมน์เป็นส่วนที่จะแสดงผลของเมนูต่าง ๆ ที่ได้เลือกไว้จากการเลือก Columns Custom เรียงกันอยู่บนแถบนี้
5 Tips การใช้ Facebook Ads ให้มีประสิทธิภาพที่สุด
1. กำหนดกลุ่ม Target Audience
ใช้ตัวจัดการโฆษณา Facebook ในการกำหนดกลุ่ม Target Audience หรือการกำหนดรายละเอียดของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้โฆษณาถูกส่งไปถึงผู้ใช้งานหรือกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มที่จะสนใจหรือซื้อสินค้ามากที่สุด ซึ่งการกำหนดรายละเอียดของกลุ่มเป้าหมายนี้สามารถกำหนดได้หลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเพศ ช่วงอายุ ถิ่นที่อยู่อาศัย ความสนใจ หรือพฤติกรรมต่าง ๆ
2. Facebook Pixel เครื่องมือช่วยวิเคราะห์
Facebook Pixel คือเครื่องมือที่จะช่วยวิเคราะห์หากลุ่มเป้าหมายของการสร้างโฆษณาในอนาคตได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยเมื่อคุณนำ Facebook Pixel ไปติดตั้งบนเว็บไซต์ของคุณ ก็จะทำให้คุณสามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ของผู้ที่กดเข้ามาชมเว็บไซต์ได้ รวมไปถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าเว็บไซต์ที่เข้าชม หรือว่าเลือกดูสินค้าชิ้นไหน
3. Remarketing Campaigns
ใช้วิธีการทำ Remarketing Campaigns หรือก็คือการสร้างแคมเปญเพื่อดึงดูดให้กลุ่มลูกค้าที่เคยสนใจหรือเคยซื้อสินค้าของคุณกลับมาซื้อซ้ำหรือกลับมาสนใจคุณอีกครั้ง โดยการทำให้กลุ่มเป้าหมายของคุณสามารถมองเห็นโพสหรือโฆษณาของคุณซ้ำอยู่บ่อย ๆ เพื่อให้เขาไม่ลืมคุณ และยังอาจช่วยกระตุ้นให้ตัดสินใจหันมาเบือกซื้อสินค้าเร็วขึ้นอีกด้วย
4. เลือก Campaign goals ที่ถูก
การเลือก Campaign goals หรือเป้าหมายของแคมเปญที่คุณต้องการสร้างได้อย่างถูกต้อง ก็จะทำให้แคมเปญหรือโฆษณาของคุณให้ผลลัพธ์ได้ตรงกับความต้องการและดีที่สุด
5. ติดตามประสิทธิภาพการโพส และมีการปรับแต่งอย่างสม่ำเสมอ
หมั่นติดตามรายงานผลของการโพสหรือโฆษณาต่าง ๆ ที่คุณได้ลงไว้ เพื่อที่จะได้รู้ผลลัพธ์และสามารถนำมาใช้ปรับแต่งโพสหรือโฆษณาให้เหมาะสมหรือดีมากยิ่งขึ้น
สรุป
สำหรับธุรกิจต่าง ๆ ในปัจจุบันนี้การตลาดออนไลน์ถือว่าสำคัญมากเลยทีเดียว แต่จะแค่โพสด้วยวิธีธรรมดาทั่วไปอาจให้ผลลัพธ์ได้ไม่ดีเท่าที่ควรนัก เนื่องจากการแข่งขันที่สูงขึ้นบนสื่อสังคมออนไลน์ ดังนั้นการเลือกใช้งานตัวจัดการโฆษณา Facebook หรือ Facebook Ads Manager จึงเป็นตัวช่วยที่ดีอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้คุณสามารถตั้งค่าหรือกำหนดรายละเอียดของโฆษณาได้มากยิ่งขึ้นแล้ว ยังสามารถช่วยวิเคราะห์และรายงานผลลัพธ์ของโฆษณาให้คุณได้อีกด้วย