อ.เจษฏา โพสแจง.."ปลาช็อต จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ด ฆ่าพยาธิข้างในไม่ได้นะครับ"
คนไทยเรานี่ก็ช่างสรรหาอะไรมากินกันแปลกๆ เสี่ยงๆ อยู่เรื่อยเลย อย่างพวกเอาเนื้อสัตว์ดิบๆ มาจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดกินกัน ตั้งแต่ ปลาหมึกช็อต อึ่งช็อต หนอนช็อต ฯลฯ ต้องคอยเตือนกันอยู่เรื่อยว่ามันอันตรายต่อสุขภาพ อย่างล่าสุดนี่ มี "ปลาช็อต" ออกมาอีกครับ
มีการเผยแพร่คลิปยูทูป แบบสั้น ที่เหมือนติดตามชายคนหนึ่ง ไปจับปลาน้ำจืด มาจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดกินดิบๆ สดๆ พร้อมถามว่าไม่กลัวพยาธิเหรอ ชายคนนั้นตอบว่ากินมานานแล้วไม่เห็นเป็นอะไร (ดู https://www.youtube.com/shorts/BkbhqLgsPVM) ประเด็นปัญหาตามมาของในคลิปคือ มีการเอาปลาน้ำจืดดิบนั้นมาจิ้มกับกระจกสไลด์ แล้วส่องกล้องเห็นหนอนตัวกลม (ที่ในคลิปสื่อว่าเป็นพยาธิในปลา) ที่พอหยดน้ำจิ้มซีฟู้ดลงไป ก็ตายใน 5 วินาที !? จะสื่อว่า "ปลาน้ำจืดดิบๆ จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดก็ฆ่าพยาธิได้ กินแล้วปลอดภัย" อย่างนั้นหรือ ?
ไม่ได้นะครับ !! ในปลาน้ำจืด มีพยาธิอยู่มากมายหลายชนิดเลย และก่อโรคที่อันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ดังเช่น พยาธิตัวจี๊ด พยาธิใบไม้ตับ พยาธิใบไม้ลำไส้ ฯลฯ และนอกจากพยาธิแล้ว ก็ยังมีเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคที่มากับเนื้อปลาน้ำจืดดิบๆ ไม่ปรุงสุกนี้ได้อีกครับ
... การไปจิ้ม ไปราดน้ำมะนาว หรือน้ำจิ้มซีฟู้ด ไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้อย่างที่เชื่อกันด้วยครับ เพราะพยาธินั้นฝังตัวอยู่ลึกเข้าไปในเนื้อปลา (ดังนั้น คลิปที่ทำเหมือนเอามาส่องกล้องดูว่าพยาธิตายจากน้ำจิ้ม ก็เป็นการทำให้คนหลงเข้าใจผิดกันว่าเอาปลาไปจิ้มน้ำจิ้ม พยาธิก็ตายได้ ซึ่งไม่จริง)
ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้เคยออกมาเตือนประชาชนอยู่หลายครั้งว่า อย่ากินปลาน้ำจืดเกล็ดขาวที่ปรุงดิบ หรือดิบๆ สุกๆ ตามที่มีคนมาทำคอนเท้นต์รีวิวกัน เพราะเสี่ยงต่อโรคพยาธิใบไม้ตับ พยาธิใบไม้ตับเรื้อรัง และมีการติดโรคซ้ำบ่อยๆ อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งท่อน้ำดี และเสียชีวิตได้
ดูรายงานข่าวเก่าด้านล่างนี้ครับ
----------------
(รายงานข่าว) "ระวัง! “กินปลาน้ำจืดเกล็ดขาว ดิบๆ สุกๆ” เสี่ยงโรคพยาธิใบไม้ตับ"
เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2565 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สาเหตุของโรคพยาธิใบไม้ตับเกิดจากกินปลาน้ำจืดเกล็ดขาว เช่น ปลาแม่สะแด้ง ปลาตะเพียนทุกชนิด ปลาขาวนา ปลาแก้มช้ำ ปลาสร้อย ปลาซิว ปลากระสูบ ปรุงแบบดิบๆ หรือสุกๆ ดิบๆ โดยทำเมนู ก้อยปลา ปลาส้ม ลาบปลาดิบ พล่าปลาดิบ ปลาร้าดิบ ส้มตำปลาร้าดิบ ปลาหมกไฟ
สำหรับความเชื่อที่ว่า การบีบมะนาวเป็นการฆ่าตัวอ่อนพยาธินั้น เป็นความเชื่อที่ผิด ตามหลักความจริงแล้วจะไม่มีผลในการทำลายตัวอ่อนพยาธิเลย น้ำมะนาว แค่ทำให้เนื้อสัตว์เปลี่ยนสีเท่านั้น ซึ่งปลาดิบเหล่านี้จะมีตัวอ่อนพยาธิใบไม้ตับอาศัยอยู่ที่เนื้อปลา ครีบอก และเกล็ดใต้ครีบปลา
นพ.ธเรศ กล่าวอีกว่า เมื่อคนกินอาหารที่ปรุงจากปลาดิบเข้าไปจะได้รับตัวอ่อนพยาธิระยะติดต่อเข้าไป เมื่อถึงลำไส้เล็กตัวอ่อนพยาธิจะไชออกจากถุงหุ้มตัวอ่อน เดินทางไปถึงท่อน้ำดีส่วนปลายที่อยู่ในตับเจริญเป็นตัวเต็มวัย และวางไข่พยาธิขับออกมากับน้ำดีและปนออกมากับอุจจาระ
ผู้ที่เป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ หากไม่ถ่ายอุจจาระลงส้วม จะแพร่ไข่พยาธิลงไปในดินและน้ำ และเข้าไปอยู่ในเนื้อปลา ครีบปลา หรือที่เกล็ดของปลาน้ำจืดเป็นวงจรต่อเนื่อง
อาการของผู้ที่ติดโรคพยาธิใบไม้ตับ เริ่มตั้งแต่ไม่มีอาการอะไรเลย เพราะมีจำนวนพยาธิไม่มากนัก หรืออาจมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อเป็นครั้งคราว อาการร้อนท้อง อาการต่อมาที่พบคือ เบื่ออาหาร ท้องอืดมาก ตับโต และกดเจ็บบริเวณชายโครงขวา
ในรายที่อาการที่รุนแรงมักพบอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ท้องมาน บวม มีไข้ต่ำ ๆ หรือไข้สูงจนมีอาการหนาวสั่น ซึ่งมักเกิดจากอาการแทรกซ้อน เช่น ท่อทางเดินน้ำดีอุดตันจากตัวพยาธิ การอักเสบติดเชื้อของท่อทางเดินน้ำดีหรือถุงน้ำดี หรือมะเร็งของท่อน้ำดี (Cholangiocarcinoma) ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงที่สุด
ทั้งนี้การตรวจอุจจาระแล้วพบไข่พยาธิ มีรูปร่างคล้ายหลอดไฟฟ้า สีเหลืองน้ำตาล ไข่ของพยาธิมีฝาปิด มีไหล่และติ่งอยู่ด้านตรงข้ามฝา เราสามารถตรวจพบไข่พยาธิได้จากอุจจาระ กรณีทางเดินน้ำดีอุดตัน หรือ การตรวจยืนยัน โดยวิธีตรวจทางอิมมิวโนวินิจฉัย หรือ วิธี PCR พยาธิชนิดนี้อยู่ในร่างกายคนได้นานถึง 30 ปี
ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ประชาชนควรตระหนักถึงการกินอาหาร หลีกเลี่ยงอาหารที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคพยาธิใบไม้ตับ อาหารเมนูปลาน้ำจืดเกล็ดขาว ปรุงดิบ หรือ สุกๆ ดิบๆ เช่น ก้อยปลา ปลาส้ม ลาบปลาดิบ ปลาจ่อม หม่ำปลา ปลาหมกไฟ ปลาปิ้ง
นอกจากนี้การใช้ของเปรี้ยว เช่น น้ำมะนาว มะขาม หรือการใช้ของเค็ม เช่น น้ำปลา เกลือ น้ำปลาร้า ปรุงอาหารนั้น ไม่ทำให้อาหารสุกและไม่สามารถฆ่าพยาธิได้
วิธีที่จะทำให้อาหาร “สุก” นั้น ต้องสุกด้วยความร้อนเท่านั้นจึงสามารถฆ่าตัวอ่อนพยาธิได้ และควรเสริมสร้าง บัญญัติ 4 ประการของการป้องกันตัวเองจากโรคพยาธิใบไม้ตับ ดังนี้
1. สู้กับตัวเองที่จะไม่กินปลาดิบ หรือ ปรุงดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ หรือถ้าจะกินให้ปรุงโดยให้ผ่านความร้อนให้สุกเสียก่อน
2. ถ่ายอุจจาระลงในส้วม ไม่ควรถ่ายลงในน้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง
3. หากเคยกินปลาดิบ ควรไปตรวจอุจจาระหาไข่พยาธิตามสถานบริการสาธารณสุข หากมีพยาธิให้รักษาด้วยยาและเลิกกินอาหารปรุงดิบหรือสุกๆ ดิบๆ
4. ไม่หัดให้เด็ก หรือชักชวนผู้อื่นกินปลาดิบ ร่วมกันบอกต่อๆ แก่ญาติ พี่น้อง ผู้เฒ่าผู้แก่ เพื่อนฝูง ให้เลิกกินปลาดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ เพื่อหลีกเลี่ยงจากโรคพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี
ดังนั้น หากเริ่มมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด ท้องอืด ตับโต อาหารไม่ย่อย จุกเสียดและรู้สึกแน่นท้องที่ใต้ชายโครงขวา มีอาการรู้สึก “ออกร้อน” ที่ผิวหนังหน้าท้องด้านขวาหรือที่หลัง ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาโดยเร็ว
ที่สำคัญคือเน้นการป้องกันโรคพยาธิใบไม้ตับ ส่งเสริมให้ประชาชนรับประทานอาหารเมนูปลาที่ปรุงสุกด้วยความร้อน ล้างมือ ล้างผักให้สะอาดก่อนรับประทาน ถ่ายอุจจาระในส้วมหรือขุดหลุมฝังกลบหากจำเป็นต้องถ่ายนอกส้วมบนพื้นดินโดยขุดหลุมลึก 50 ซม. ห่างแหล่งน้ำ 30 เมตร และตรวจอุจจาระค้นหาไข่พยาธิปีละ 1 ครั้งทุกปี หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422