สัตว์มายา-สัตว์ผี
สัตว์มายา
สิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้มีพื้นเพดั้งเดิมเป็นสัตว์ป่าธรรมดาทั่วไป ทว่าได้รับตัวแปรสำคัญบางอย่างจึงทำให้มีอายุขัยยืนยาวกว่าปกติและมีความสามารถในการสะกดจิตสร้างภาพลวงตาแบบง่ายๆ เอาไว้หลอกพวกมนุษย์ได้
ซึ่งตัวแปรสำคัญที่ทำให้สัตว์ป่าธรรมดามีอายุขัยยืนยาวกว่าปกติและมีกำลังจิตสูงขึ้นจนกลายเป็นสัตว์มายาได้นี้ คาดว่าเป็นผลมาจากการได้รับสารบางอย่างรึหลายอย่างจากกลุ่มพืชสมุนไพรชนิดพิเศษจำพวกว่านมงคล ว่านผี ว่านปิศาจ ซึ่งเป็นพืชอาถรรพ์ป่า ที่มีสรรพคุณช่วยบำรุงสุขภาพและเสริมสร้างกำลังฤทธิ์ทางจิตได้ เมื่อสารหลากชนิดในพืชเหล่านี้ได้ผสมรวมกันจึงทำให้เกิดปฏิกิริยาขึ้น คล้ายการผสมสารตั้งแต่ ๒ ชนิดขึ้นไปเพื่อให้ได้สารผสมตัวใหม่ที่มีสรรพคุณแตกต่างจากเดิม และวิธีการรับสารหลักๆ น่าจะมีได้ ๒ แบบ คือ
๑ ทางตรง คือ การกินเข้าไปเลย ซึ่งพวกสัตว์กินพืชสามารถทำได้ง่ายที่สุด
๒ ทางอ้อม คือ การได้รับสารจากวิธีอื่นซึ่งไม่ใช่การกิน เช่น การได้กินเนื้อรึเครื่องในของสัตว์ที่มีสารผสมอยู่ในตัวเข้าไปจึงเกิดการดูดซึมสารผสมนั้นเข้าตัวบ้าง รึการดื่มน้ำจากแหล่งที่มีราก ดอก ใบ ผล เปลือก ฯลฯ ของพืชอาถรรพ์ผสมเจือปนอยู่(คล้ายการหมักดองที่สารในต้นพืชซึมออกมาผสมเจือปนผสมอยู่ในน้ำ) ซึ่งน่าจะเป็นวิธีรับสารผสมของพวกสัตว์กินเนื้อ
เมื่อกลายเป็นสัตว์มายาแล้ว จุดประสงค์รึเจตนาในการใช้ทักษะการสะกดจิตสร้างภาพลวงตาหลอกมนุษย์ของสัตว์แต่ละชนิดก็จะแตกต่างกันออกไปอีก เช่น พวกสัตว์กินพืชรึสัตว์กินเนื้อขนาดเล็ก เช่น จิ้งจอกรึทานุกิ ซึ่งเป็นสัตว์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และค่อนข้างจะหวาดกลัวมนุษย์ด้วยซ้ำ ดังนั้นจุดประสงค์ในการสร้างภาพลวงตาหลอกมนุษย์ของบรรดาจิ้งจอกและทานุกิเฒ่าที่เป็นสัตว์มายา จึงเป็นเรื่องของการปกป้องอาณาเขต ฝูง รึครอบครัวจากการถูกรุกรานรึล่าโดยมนุษย์ด้วยการสร้างภาพเป็นภูตผีปิศาจสารพัดรูปแบบขึ้นมาหลอกหลอนให้มนุษย์ตกใจกลัวและหนีออกไปจากอาณาเขตของพวกตน เพราะสัตว์พวกนี้มีขนาดเล็กและไม่มีศักยภาพพอที่จะสังหารมนุษย์เองได้ จึงต้องขับไล่มนุษย์ออกจากอาณาเขตของพวกตนด้วยอุบายนี้ (แต่ถ้ามนุษย์ที่ถูกหลอกเกิดตกใจจนหัวใจวายตายรึวิ่งเตลิดไปตกหน้าผาตายเองจนบานปลายกลายเป็นความเข้าใจผิดว่าถูกปิศาจฆ่าเอา นั่นก็คงเรียกได้ว่าเป็นความผิดพลาดทางเทคนิคเล็กน้อยละมั้งนะ)
ซึ่งภาพลวงตาที่พวกสัตว์มายาสร้างขึ้นก็ได้มาจากการสะสมประสบการณ์ชีวิตและสิ่งที่พวกมันพบเจอในแต่ละวัน เมื่อนำสิ่งเหล่านั้นมาตัดต่อผสมรวมกันก็จะได้เป็นภาพลวงตาที่ดูผิดธรรมชาติเกินจริงเอาไว้หลอกพวกมนุษย์ เช่น ผีไร้หน้าที่มนุษย์เชื่อกันว่าเป็นร่างจำแลงของมุจินะ ซึ่งพวกนี้ก็น่าจะเป็นภาพลวงตาของพวกมุจินะมายาที่ถูกตัดต่อออกแบบขึ้นมาใช้หลอกมนุษย์โดยเฉพาะ รวมถึงพวกภูตผีปิศาจตามป่าเขาในตำนานญี่ปุ่นซึ่งมีสารพัดรูปแบบเป็นร้อยเป็นพันชนิด พวกนี้แท้จริงแล้วก็อาจเป็นภาพลวงตาที่พวกสัตว์มายาอย่างจิ้งจอกเฒ่า ทานุกิเฒ่า มุจินะเฒ่า ฯลฯ ตัดต่อสร้างขึ้นมาทั้งหมดเลยก็เป็นได้(คงแนวๆเดียวกับเอไอที่สร้างภาพวาดจากการประมวลผลภาพวาดของมนุษย์หลายๆภาพรวมกันอีกที)
โดยทั่วไปสัตว์มายาไม่นับว่าอันตราย ถ้าไม่ใช่สัตว์ดุร้ายมาก่อน พวกนี้ก็แค่พยายามเอาชีวิตรอดและปกป้องสิ่งสำคัญของตนก็เท่านั้น
สัตว์ผี
สิ่งมีชีวิตกลุ่มนี้พัฒนาขึ้นมาจากสัตว์มายาอีกทีหนึ่ง พวกมันมีทักษะความสามารถในการสะกดจิตสร้างภาพลวงตาที่สูงกว่าสัตว์มายา และเจตนาในการสร้างภาพมายาก็ไม่ใช่แค่ขับไล่มนุษย์ แต่เป็นการใช้ล่อมนุษย์มาเป็นอาหาร ซึ่ง ๑ ในสัตว์ผีที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด มีปรากฏอยู่ในตำนานหลายชนชาติก็คือ เสือผี(เสือเฒ่า)
เมื่อครั้งเป็นเสือมายา เสือเฒ่าเหล่านี้ก็สูญเสียทักษะสำคัญในการล่าไปหลายอย่างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว การปีนป่าย ฯลฯ แต่เพราะได้ทักษะการสะกดจิตสร้างภาพลวงตาช่วยชดเชยพวกมันจึงยังสามารถมีชีวิติยู่ต่อไปได้เรื่อยไ
คาดว่าเดิมทีเสือมายาก็เหมือนสัตว์มายาชนิดอื่นๆ ที่ใช้ภาพมายาเพื่อปกป้องตนเองจากการถูกล่าโดยมนุษย์และอาจใช้เพื่อหลอกสัตว์อื่นมาเป็นอาหารบ้าง ทว่าด้วยความที่เป็นสัตว์ใหญ่ แม้จะแก่แต่ก็ยังมีกำลังมาก เสือมายาบางตัวจึงเกิดไอเดียบรรเจิดนำเอาทักษะการสะกดจิตสร้างภาพมายามาปรับใช้เพื่อจับมนุษย์เป็นอาหารแทน โดยคะเนว่าพวกมันอาจเริ่มจากการสร้างภาพลวงตาเป็นสัตว์ต่างๆ เพื่อหลอกพวกพรานให้หลงกลไล่ตามแล้วจับกิน ซึ่งช่วงแรกก็อาจลำบากอยู่บ้างเพราะภาพลวงตายังไม่แนบเนียนสมจริงมากพอ แต่เมื่อได้กินมนุษย์มากเข้า สัมภเวสีจากเหยื่อที่กินและผูกจิตสุดท้ายกับเสือเฒ่านั้นไปแล้วก็จะเข้าสิงสู่ในร่างของมันและเปลี่ยนให้เสือมายาตัวนั้นกลายเป็นเสือผี(เสือเลี้ยงผี)ในที่สุด
เมื่อเสือเฒ่ากลายเป็น ๑ ในสัตว์ผี วิธีสร้างภาพลวงตาของพวกมันก็เปลี่ยนแปลงไป มีการพัฒนาให้ดูเป็นธรรมชาติสมจริงมากยิ่งขึ้นเพื่อหลอกให้มนุษย์ยอมเข้าใกล้แทนที่จะหนีออกห่างรึหยิบอาวุธขึ้นสู้ เดิมทีสัตว์มายาจะใช้พื้นฐานจากสิ่งที่ตนพบเจอในการตัดต่อสร้างภาพลวงตา ซึ่งเสือผีก็ยังใช้พื้นฐานเดียวกัน ทว่า นอกจากจะใช้ประสบการณ์ของตัวเองแล้ว พวกมันยังใช้ประสบการณ์จากสัมภเวสีของเหยื่อที่กินเข้าไปมาช่วยเสริมด้วย ทำให้ภาพลวงตามีความคมชัดดูสมจริงยิ่งกว่าเดิม ว่าง่ายๆ คือ เสือผีเป็นผู้ตั้งโจทย์และออกแบบเบื้องต้น แล้วให้สัมภเวสีที่เลี้ยงไว้ในตัวเป็นลูกทีมช่วยเก็บรายละเอียดเนื้อตัวงานให้อีกที(แรงงานนรกชัดๆ) แต่ก็ด้วยเหตุนี้เอง สัมภเวสีที่ช่วยเก็บงานจึงมีโอกาสแอบแทรกสัญญาณภาพเพื่อบอกใบ้ชี้จุดอ่อนจุดตายของเสือผีเอาไว้ในรูปของโคมไฟบ้าง คบไฟบ้าง ห่อผ้าบ้าง ย่ามบ้าง ฯลฯ ได้นั่นเอง
ข้อสังเกตเรื่องจุดบอดในภาพลวงตาของสัตว์มายาและสัตว์ผี
การสร้างภาพลวงตาเป็นภูตผีปิศาจ เช่น ผีไร้หน้า อาจมีนัยยะได้ ๒ แบบ
๑ คือเจตนาสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกมนุษย์ให้หนีไปโดยตรง ตามแบบฉบับสัตว์มายาทั่วไป ซึ่งจะเน้นไปที่ความผิดธรรมชาติเกินจริงเพื่อทำให้มนุษย์ที่ได้เห็นหวาดกลัวจนต้องหนีไป
๒ เป็นการหลอกล่อมนุษย์มาฆ่ากินของพวกสัตว์ผี แต่ดันเกิดอาการติดบั๊ก เพราะพวกสัมภเวสีที่เลี้ยงไว้แทรกสัญญาณภาพเข้ามาแบบเข้มข้นจนทำให้แทนที่จะได้ภาพมนุษย์เป็นธรรมชาติสมจริงก็เลยกลายเป็นภาพผีไร้หน้าที่ผิดธรรมชาติเกินจริงทำให้มนุษย์ตกใจกลัวจนต้องหนีไป เพื่อขัดขวางไม่ให้สัตว์ผีนั้นได้กินเหยื่อสมใจ ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ ก็อาจตีความได้ว่าสัมภเวสีมีอำนาจเหนือกว่าสัตว์ผีและไม่เต็มใจร่วมมือด้วย แต่พวกสัตว์ผีจะหาวิธีกำราบสัมภเวสีที่เลี้ยงไว้ให้ยอมจำนนร่วมมือได้รึเปล่า นั่นก็เป็นเรื่องของมัน
จะว่าไปพวกสารพัดภูตผีปิศาจลักษณะพิสดารแปลกประหลาดของทุกชนชาติ แท้จริงอาจเป็นภาพลวงตาติดบั๊กที่สัตว์มายาสร้างขึ้นมาก็ได้นะนี่ ลดจำนวนลงไปได้เยอะเลย
อนึ่ง สารผสมจากสารพัดพืชอาถรรพ์ที่เป็นตัวแปรสำคัญทำให้เกิดพวกสัตว์มายานี้ อาจไม่เป็นที่รู้จักของมนุษย์มาก่อน รึอาจรู้จักแต่ไม่ดีพอ รึอาจกลายเป็นของหายาก เสื่อมสรรพคุณ ไม่ก็สูญพันธุ์ล้มหายตายจากกันไปหมดแล้วเพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมไปในทางลบ บรรดาสัตว์มายาและสัตว์ผีจึงค่อยๆเลือนหายไปไปตามกาลเวลา ไม่ปรากฏข่าวคราวอีกเลย เพราะทั้งหมดมีความสัมพันธ์ร่วมกันในเชิงระบบนิเวศน์ที่เชื่อมโยงถึงกันเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปจนทำให้พืชอาถรรพ์หายากขึ้นรึหาไม่ได้อีกแล้ว บรรดาสัตว์มายาจึงลดจำนวนลงเรื่อยๆ และเมื่อไม่หลงเหลือสัตว์มายาใดๆ อีก พวกสัตว์ผีจึงเกิดขึ้นไม่ได้ด้วยเช่นกัน