มีคำถามเรื่องดูดไขมัน อ่านได้ในบทความนี้
คุณกำลังกังวลเกี่ยวกับไขมันส่วนเกินตามส่วนต่าง ๆ บนร่างกายอยู่ใช่หรือไม่ เพราะนอกจากจะทำให้บางคนสามารถแต่งตัวได้ยากแล้ว ยังอาจทำให้สูญเสียความมั่นใจอีกด้วย แล้วกว่าจะลดหรือกำจัดไขมันส่วนเกินพวกนี้ออกไปก็ช่างยากลำบากเหลือเกิน
และด้วยเหตุนี้เองการดูดไขมันจึงได้รับความนิยมค่อนข้างมากในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะสามารถลดไขมันส่วนเกินในบริเวณที่เราต้องการออกได้อย่างปลอดภัยแล้ว ยังเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วทันใจ ทั้งยังมีขนาดแผลที่เล็กอีกด้วย
ถ้าหากใครที่กำลังสนใจหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการดูดไขมัน ในบทความนี้ก็ได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ไว้ให้คุณแล้ว ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ของการดูดไขมัน บริเวณที่นิยมดูดไขมัน วิธีการดูดไขมัน การเตรียมตัวและดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังดูดไขมัน รวมไปถึงข้อจำกัดต่าง ๆ
การดูดไขมัน คืออะไร
การดูดไขมัน หรือ Liposuction คือการกำจัดหรือลดไขมันส่วนเกินออกเฉพาะจุด เช่นการดูดไขมันต้นขา การดูดไขมันหน้าท้อง หรือการดูดไขมันต้นแขน เป็นต้น ซึ่งการดูดไขมันจะช่วยให้สัดส่วนในบริเวณที่ดูดไขมันนั้นมีขนาดเล็กลงได้อย่างรวดเร็ว
และถ้าหากถามว่าการดูดไขมันดีไหม ก็ขอบอกได้เลยว่าการดูดไขมันสามารถตอบโจทย์คุณได้แน่นอนถ้าคุณกำลังเผชิญกับปัญหาไขมันส่วนเกินที่ลดยากหรือไม่สามารถลดได้ด้วยการคุมอาหารหรือการออกกำลังกายต่าง ๆ แต่ถ้าหากใครต้องการดูดไขมันเพื่อลดน้ำหนัก ถือว่ายังไม่ใช่วิธีที่ตรงจุดมากนัก
ประโยชน์ของการดูดไขมัน
- ช่วยให้สัดส่วนในบริเวณที่ต้องการมีขนาดที่เล็กลงได้อย่างรวดเร็ว
- การดูดไขมันสามารถที่จะใช้ลดหรือกำจัดไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดใดจุดหนึ่งได้
- ช่วยปรับสัดส่วนหรือสรีระร่างกายของคุณให้เป็นไปตามต้องการหรือดูเป๊ะมากยิ่งขึ้น
- เมื่อได้ทำการดูดไขมันแล้วจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจในรูปร่างของตัวเองมากขึ้น
- และเมื่อสัดส่วนร่างกายมีขนาดที่เล็กลงแล้ว ก็ยังทำให้คุณสามารถเลือกซื้อเสื้อผ้าแต่งตัวได้ง่ายมากขึ้น เนื่องจากคุณสามารถใส่เสื้อผ้าที่มีไซส์เล็กลงได้นั่นเอง
- เมื่อคุณมีไขมันส่วนเกินสะสมในบางจุดมาก ๆ ก็อาจทำให้การเคลื่อนไหวของคุณลำบากขึ้นตามไปด้วย เช่น ไขมันสะสมบริเวณต้นขา เป็นต้น เพราะเมื่อต้องเดินติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ๆ ก็อาจทำให้ต้นขาด้านในเกิดการเสียดสีจนเป็นแผลได้ ดังนั้นการดูดไขมันส่วนเกินจึงช่วยให้คุณสามารถเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
- การดูดไขมันนอกจากจะเป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินออกแล้ว ยังสามารถทำการดูดไขมันในบริเวณที่ไม่ต้องการออกมาเพื่อนำไปเสริมในส่วนที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนได้ด้วย
ข้อจำกัดดูดไขมัน
การดูดไขมันนั้นมีข้อจำกัดในการทำอยู่เล็กน้อย ซึ่งก็คือผู้ที่มีโรคประจำตัวบางโรคนั่นเอง ได้แก่ ผู้ที่เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจ ผู้ที่เป็นเส้นเลือดสมอง ผู้ที่เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเอง ผู้ที่เป็นโรคไทรอยด์ และผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โดยผู้ที่เป็นโรคเหล่านี้จะไม่สามารถทำการดูดไขมันได้ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง
นอกจากนี้แล้วการดูดไขมันยังจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้น ทั้งยังมีโอกาสเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยและปัญหาผิวไม่เรียบได้อีกด้วย ทั้งนี้ปัญหาผิวที่อาจเกิดนั้นก็ขึ้นอยู่กับรายละเอียดต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพร่างกาย ปริมาณของไขมันที่ดูด เครื่องมือที่ใช้ในการดูดไขมัน ฝีมือหรือเทคนิคของแพทย์ วิธีการรักษา รวมไปถึงการดูแลตัวเองหลังจากทำการดูดไขมัน
ผู้ชายดูดไขมันได้ไหม?
โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ชายมักมีสัดส่วนที่ใหญ่จากไขมันภายในช่องท้อง ซึ่งจะไม่สามารถใช้วิธีดูดไขมันเพื่อลดไขมันในช่องท้องได้ แต่ถ้าหากผู้ชายคนไหนที่แพทย์ได้ตรวจสอบดูแล้วว่าเป็นไขมันใต้ชั้นผิวหนัง ก็สามารถที่จะลดสัดส่วนด้วยดูดไขมันได้ ไม่ว่าจะเป็นการดูดไขมันหน้าท้อง การดูดไขมันเหนียง หรือการดูดไขมันต้นขาก็ตาม
จุดดูดไขมัน
การดูดไขมันสามารถที่จะทำได้ทุกจุดที่มีไขมันส่วนเกินสะสมอยู่บริเวณชั้นใต้ผิวหนัง ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่ต้นแขนไปจนถึงข้อเท้าเลยทีเดียว และถ้าหากใครที่ยังสงสัยว่าจะดูดไขมันในจุดไหนได้บ้างล่ะ หัวข้อนี้เราจะมาแนะนำจุดต่าง ๆ ที่สามารถดูดไขมันได้กัน
1.ดูดไขมันนมน้อย
นมน้อย คือเนื้อใต้รักแร้ ซึ่งการที่จะดูดไขมันนมน้อยจำเป็นต้องให้แพทย์ตรวจสอบเสียก่อนว่าส่วนเกินจุดนี้เกิดมาจากไขมันหรือเป็นเต้านมส่วนเกินกันแน่ โดยถ้าหากตรวจสอบออกมาแล้วเป็นไขมันสะสม ก็สามารถที่จะดูดไขมันนมน้อยได้เลย
2.ดูดไขมันต้นแขน
การจะดูดไขมันที่ต้นแขนก็จำเป็นต้องให้แพทย์ตรวจสอบเช่นเดียวกัน ว่าสัดส่วนที่มากนี้เกิดจากไขมัน กล้ามเนื้อ หรือว่าเกิดจากผิวหนังที่มีการหย่อนคล้อย ซึ่งถ้าหากว่าเกิดจากไขมันสะสมก็สามารถทำการดูดไขมันได้ค่ะ โดยการดูดไขมันต้นแขนนั้นเป็นบริเวณที่ต้องเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ
3.ดูดไขมันทั้งตัว
การดูดไขมันทั้งตัวสามารถทำได้ทั้งในผู้ที่มีปริมาณไขมันน้อยและผู้ที่มีปริมาณไขมันมาก แต่ทั้งนี้ก็อาจมีจำนวนครั้งในการดูดไขมันที่ไม่เท่ากัน เนื่องจากการดูดไขมันครั้งเดียวในปริมาณที่เยอะมากเกินไปก็อาจทำให้เกิดอันตรายได้ เนื่องจากยิ่งต้องดูดไขมันออกมามาก ก็ต้องใช้ระยะเวลานานและใช้ยาชาในปริมาณมากขึ้นตามไปด้วย จนอาจทำให้ใช้ยาชาเกินปริมาณที่กำหนดได้
4.ดูดไขมันแผ่นหลัง
บริเวณแผ่นหลังเป็นบริเวณที่มีพังผืดค่อนข้างมาก อีกทั้งยังมีไขมันสะสมน้อย เมื่อทำการดูดไขมันจึงอาจมีความเจ็บปวดมาก อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะเสียเลือดในปริมาณมาก ดังนั้นการดูดไขมันแผ่นหลังจึงควรเลือกใช้ยาสลบมากกว่าเลือกใช้ยาชา
5.ดูดไขมันเหนียง
การดูดไขมันเหนียง หรือการดูดไขมันบริเวณใบหน้านั้นจำเป็นต้องเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมากประสบการณ์เท่านั้น เนื่องจากว่าบริเวณใบหน้าเป็นบริเวณที่มีเส้นประสาทอยู่มากนั่นเอง จึงจำเป็นต้องระมัดระวังค่อนข้างมากกว่าบริเวณอื่น ๆ
6.ดูดไขมันต้นขา
ต้นขาใหญ่จากการที่มีไขมันส่วนเกินสะสมในตำแหน่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นต้นขาด้านใน ต้นขาด้านนอก ต้นขาด้านหน้า หรือแม้แต่ใต้ก้นก็ตาม สามารถที่จะใช้วิธีดูดไขมันเพื่อลดสัดส่วนได้ทั้งหมด แต่ทั้งนี้ก็ต้องผ่านการตรวจสอบโดยแพทย์เสียก่อนว่าสัดส่วนที่มากนี้เกิดจากไขมัน ไม่ใช่เกิดการกล้ามเนื้อ
7.ดูดไขมันข้อเท้า
การที่มีไขมันส่วนเกินบริเวณข้อเท้าจะทำให้ข้อเท้าดูบวมไม่สวยงาม ซึ่งอาจทำให้ผู้ที่ชื่นชอบการใส่รองเท้าส้นสูงขาดความมั่นใจได้ ดังนั้นการดูดไขมันข้อเท้าจะช่วยให้ข้อเท้าดูเรียวสวยมากยิ่งขึ้น
8.ดูดไขมันหน้าท้อง
ก่อนที่จะดูดไขมันบริเวณหน้าท้องได้นั้นแพทย์จะตรวจสอบดูก่อนว่าไขมันบริเวณหน้าท้องของคุณนั้นเป็นไขมันใต้ชั้นผิวหนังหรือเป็นไขมันภายในช่องท้อง เนื่องจากการดูดไขมันจะสามารถลดหรือกำจัดไขมันได้แค่ไขมันใต้ชั้นผิวหนังเท่านั้น ถ้าหากผู้ที่มีไขมันภายในช่องท้องมากกว่าไขมันใต้ชั้นผิวหนัง หลังการทำการดูดไขมันไปแล้วอาจมองเห็นผลลัพธ์ได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก
9.ดูดไขมันเอวเอส
การดูดไขมันเอวเอสเป็นที่นิยมกันมากในหมู่สาว ๆ ที่ต้องการให้มีเอวคอดเพรียวสวย โดยการดูดไขมันเอวเอสนี้จะเป็นการดูดไขมันส่วนเกินตั้งแต่บริเวณช่วงเอวด้านหน้าไปจนถึงบริเวณเหนือสะโพก
10.ดูดไขมันน่อง
โดยส่วนใหญ่แล้วบริเวณน่องนั้นมักจะมีกล้ามเนื้อเป็นส่วนใหญ่ จะมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เป็นไขมันส่วนเกินสะสม ซึ่งก่อนที่จะทำการดูดไขมันน่องแพทย์ก็จะตรวจสอบดูเสียก่อนว่าสัดส่วนน่องที่ใหญ่เกิดจากอะไร และควรใช้วิธีใดในการลดสัดส่วน
การเตรียมตัวเพื่อดูดไขมัน
วิธีการเตรียมตัวเพื่อดูดไขมันก็จะมีวิธีการที่แตกต่างกันไปตามการใช้ยาในการดูดไขมัน ได้แก่ การใช้ยาชา และการใช้ยาสลบ แล้วแต่ละอย่างควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เรามาดูกันเลย
วิธีการเตรียมตัวก่อนดูดไขมันโดยใช้ยาชา
- งดการดื่มเครื่องดื่มต่าง ๆ ก่อนที่จะเข้ารับการดูดไขมัน ไม่ว่าจะเป็นชา กาแฟ หรือน้ำอัดลมก็ตาม
- นอนหลับหรือพักผ่อนมาอย่างเต็มที่และเพียงพอแล้ว
- สวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีเข้ม และมีความหลวมหรือสวมใส่ได้สบาย
- พาคนรู้จักหรือคนในครอบครัวมาด้วย เพื่อให้พากลับบ้าน เนื่องจากห้ามขับรถกลับเอง
วิธีการเตรียมตัวก่อนดูดไขมันโดยใช้ยาสลบ
- งดการดื่มเครื่องดื่ม การรับประทานอาหาร และการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 8 ชั่วโมงก่อนที่จะได้รับการวางยาสลบ
- นอนหลับพักผ่อนมาอย่างเต็มที่และเพียงพอแล้ว
- สวมใส่เสื้อผ้าที่มีสีเข้ม และมีความหลวมหรือสวมใส่ได้สบาย
- งดแต่งหน้า ทาครีม ทาเล็บ และควรตัดเล็บให้สั้น เพื่อให้แพทย์ใช้สังเกตอาการต่าง ๆ
- งดการสวมใส่ฟันปลอมและเครื่องประดับ
- ถ้าหากกรณีที่มีฟันโยก ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเสียก่อน
- พาคนรู้จักหรือคนในครอบครัวมาด้วย เพื่อให้พากลับบ้าน เนื่องจากห้ามขับรถกลับเอง
วิธีดูดไขมัน
วิธีหรือขั้นตอนในการดูดไขมันจะมีอยู่ 3 ขั้นตอนหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่
- ทำการใส่ Tumescent ที่ใต้ผิวหนังเสียก่อน โดย Tumescent จะทำให้เส้นเลือดและเส้นประสาทลอยตัวอยู่ในน้ำ ส่งผลให้ลดโอกาสการกระทบจากเข็มดูดไขมันได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเจ็บปวด รวมไปถึงช่วยให้เสียเลือดน้อยลงอีกด้วย
- แยกเซลล์ไขมันด้วยพลังงานต่าง ๆ ตามเครื่องดูดไขมันที่ได้เลือกไว้ เช่น เครื่องดูดไขมัน Body-jet ก็จะใช้พลังงานน้ำในการแยกเซลล์ไขมัน หรือเครื่องดูดไขมัน Vaser ก็จะใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ในการแยกเซลล์ไขมัน เป็นต้น
- หลังจากที่ทำการแยกเซลล์ไขมันด้วยพลังงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ทำการดูดไขมันออกมาด้วยเข็มดูดไขมัน โดยไขมันที่ดูดออกมาก็จะเก็บอยู่ในถังเก็บไขมันที่เตรียมไว้
หลังดูดไขมันดูแลตนเองอย่างไร
- หลังจากที่ทำการดูดไขมันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรงดการอาบน้ำ 1 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนหรือสัมผัสกับน้ำ
- หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดส่องโดยตรง เพราะอาจทำให้แผลมีสีคล้ำได้
- งดการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และของหมักดองต่าง ๆ เพื่อให้แผลหายได้รวดเร็วขึ้น
- สวมใส่ชุดที่มีความกระชับ เพื่อให้อาการบวมหลังจากที่ดูดไขมันลดน้อยลง และยังช่วยผิวในบริเวณที่ดูดไขมันกระชับเข้าที่ได้เร็วยิ่งขึ้น
- รับประทานยาที่จ่ายให้ครบตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- ทำความสะอาดแผลทุกวันอย่างสม่ำเสมอ จนกว่าจะถึงวันตัดไหม
- ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ วันละประมาณ 1-2 ลิตร เพื่อลดอาการข้างเคียงจากการดูดไขมัน
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารรสเค็มจัด อาหารดิบ และอาหารทะเล
- หลังจากดูดไขมัน 2 สัปดาห์แรกควรงดยาหรืออาหารเสริมต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด
- หมั่นเคลื่อนไหวหรือมีการขยับร่างกายทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อให้เลือดไหลเวียดได้ดีและป้องกันไม่ให้แผลตึง ถ้าหากต้องการออกกำลังกายหนักควรออกหลังจากที่ดูดไขมันไปแล้ว 1 เดือน
ผลลัพธ์การดูดไขมัน
หลังจากทำการดูดไขมันแล้ว จะสามารถสังเกตได้เลยว่าสัดส่วนร่างกายในบริเวณที่ดูดไขมันนั้นมีขนาดที่เล็กลง และยังมีสัดส่วนหรือสรีระที่สวยงามมากยิ่งขึ้น เพิ่มความมั่นใจไม่ว่าจะสวมใส่ชุดใดก็ตาม นอกจากนี้ยังช่วยให้การเคลื่อนไหวสะดวกมากขึ้นในบางคนอีกด้วย
สรุปเรื่องดูดไขมัน
ถึงแม้ว่าการดูดไขมันจะไม่ใช่วิธีในการลดน้ำหนัก แต่ก็ช่วยลดสัดส่วนที่เกิดการไขมันส่วนเกินสะสมให้กับคุณได้ ซึ่งสามารถที่จะเลือกดูดไขมันในจุดที่อยากลดสัดส่วนได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นหน้าท้อง ต้นขา หรือต้นแขน นอกจากนี้การดูดไขมันในปัจจุบันยังมีความปลอดภัยสูง เจ็บน้อย และมีแผลเล็กอีกด้วย