พลูฉลุ ต้นไม้แปลก มีสเน่ห์ ทำไมถึง ราคาแพง
พลูฉลุต้นไม้ แปลก มีสเน่ห์ ทำไมถึง ราคาแพง
ช่วงนี้เทรนด์การ "ปลูกต้นไม้" จำพวกไม้ประดับ เป็นที่นิยมเป็นวงกว้าง วันหยุดพักผ่อน อยู่บ้านปลูกต้นไม้แล้วโพสต์ลงสื่อออนไลน์ อวดโชว์ความสวยงาม ทำให้ต้นไม้หลายชนิดราคาพุ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
👉🏿หลายคนหันมานิยมซื้อต้นไม้เพื่อประดับตกแต่งบ้าน ห้อง ต่างๆ รวมไปทั้งการเลี้ยงเพื่อขายต่อให้ได้ราคา ทำกำไรเป็นอาชีพ
ซึ่งหนึ่งในต้นไม้ที่ทำราคาได้ดีไม่แพ้ “บอนไซ” และถือเป็นต้นไม้มาแรงราคาสูงในปัจจุบัน คือ “พลูฉลุ” วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเจ้าต้นไม้ต้นนี้ไปพร้อมกัน
🍃“พลูฉลุ” คือต้นอะไร ?
พลูฉลุธรรมดา นั้นเป็นต้นไม้ประดับ ที่มีราคาเริ่มต้นแค่เพียงหลักสิบ แต่ด้วยรายละเอียดของพลูฉลุที่มีใบด่างที่มีความแตกต่าง ทำให้ต้นพลูฉลุนั้นมีราคาที่พุ่งทะยานขึ้นมาสูงมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เป็นเพราะโอกาสในการเกิดใบด่างนั้นมีเพียง 1 ใน 1,000 หรือ 1 ใน 10,000 ต้นเท่านั้น
👉🏿ราคาและวิธีที่ใช้ซื้อขายใบด่างของต้นพลูฉลุ
ส่วนใหญ่ทางร้านที่ทำการขาย จะนับใบในการขาย โดยราคานั้นจะเริ่มขายต่อใบ อยู่ที่หลักหมื่น ถึงหลักแสนบาท
“พลูฉลุ” ที่เหล่าสาวกคนรักต้นไม้ควรรู้จัก
🍃 - Monstera Adansonii พลูฉลุ ที่มีราคาเพียงหลักสิบ ไปจนถึงหลักร้อย มีชื่ออื่นว่า พลูฉลุญี่ปุ่น พลูฉลุอินโด คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่ามีราคาสูง แต่ราคาไม่ได้สูง ยกเว้นจะมีใบด่างปรากฏ การเติบโตจะเป็นไปค่อนข้างเร็ว ขนาดใบสามารถโตได้กว่า 2 ฟุต ทั้งนี้ต้องเลี้ยงในสภาพอากาศที่เหมาะสม
🍃 - Monstera Acuminata เป็นหนึ่งในสายพันธุ์พลูฉลุยักษ์ ลักษณะคล้าย M.Adansonii แต่จะขนาดใหญ่มากกว่า และเติบโตได้ง่าย เมื่อได้เกาะเสาหรือหลักจะมีขนาดใบใหญ่
🍃- Mosnsterra Epipremiodes หรือ Monstera SP ESQUELETO พลูฉลุยักษ์ ที่ราคานั้นเริ่มต้นสูง ด้วยขนาดที่มีความใหญ่มากๆ โดยผู้สะสมไม้ใบ มักจะพบกับปัญหาที่อยากจะได้พลูฉลุยักษ์ แต่เจอแค่พลูฉลุธรรมดา ทั้งนี้เป็นเพราะ พืชทั้ง 2 ชนิดมีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ช่วงที่มีใบขนาดเล็ก
ดังนั้น หากเราต้องการจะซื้อพลูฉลุยักษ์ ควรจะหาซื้อต้นที่มีช่วงใบเริ่มขยายใหญ่โต จึงจะสามารถแยกได้ โดยสังเกตจากระยะห่างของรูที่กว้างมากกว่าพลูฉลุแบบธรรมดา และสามารถใหญ่ได้กว่า 2 - 3 ฟุต
🍃- Monstera obliqua (Super Rare) เป็นพลูฉลุที่หาได้ยากมากที่สุด และมีราคาสูงมากที่สุด เพราะเติบโตได้อย่างช้ามากๆ ในระยะเวลา 5 ปี โตได้เพียงแค่ 2 ฟุตเท่านั้น ทำให้การขยายพันธุ์ยิ่งทำได้น้อย เป็นพันธุ์ที่พบเจอได้ยาก ลักษณะใบจะมีรูที่ค่อนข้างกว้างมาก จนเกือบถึงขอบใบ ยิ่งรูมีความกว้างเท่าใด ราคาของต้นนั้นๆ จะเพิ่มขึ้นสูงมากเท่านั้น
👉🏿🍃ใบของต้นพลูฉลุแบบใดที่ทำราคาได้สูง
🍃 - Philodendron bilitea biliten variegated ฟิโลเดนดรอน ก้านส้มด่าง เป็นต้นไม่หายาก ราคาแพง มีถิ่นกำเนิดแถบอเมริกาใต้ บราซิล หากมีใบด่างร่วมราคาจะยิ่งสูง 20,000 บาท ต่อใบ
🍃 - Monstera Obliqua มอนสเตอร่า โอบี กัว เป็นไม้พลูฉลุที่หายากมากที่สุด และราคาแพงมากที่สุด เติบโตได้ยากมาก 5 ปี โตได้เพียง 2 ฟุต ราคา 80,000 บาท
🍃- Homalomena cf. aromatica (Spreng.) Schott เสน่ห์จันทร์ดำด่าง ต้นไม้ราคาแพง เป็นพืชที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรม สีสันของใบมีความพิเศษ มีลายด่างสีขาว ปนชมพู เรียกว่า “ใบด่าง” หาได้ยากมาก ยิ่งลวดลายแปลก ราคาจะยิ่งสูง ราคาต่อใบ 125,000 บาท
🍃 - Monstera MintMonstera มอนสเตอร่า มิ้นท์ ราคาต่อใบ 120,000 บาท เป็นต้นไม้ที่ได้รับฉายา “ราชินีแห่งใบไม้” รูปทรงของใบนั้นมีขนาดใหญ่ มีรอยฉีกเป็นลวดลายราวกับฉลุ
🍃- Monstera Adansonii Variegate พลูฉลุธรรมดา เริ่มหลักสิบ แต่หากมีใบด่างราคาจะสูงมากยิ่งขึ้น เพราะโอกาสเกิดมีน้อยมาก ราคาต่อใบ 125,000 บาท
🍃 - Philodendron Rojo Congo Yellow Variegated ฟิโลเดนดรอน เรดคองโก เหลืองด่าง กำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ ต่างจากฟิโลตระกูลเดียวกัน เพราะต้นนี้เติบโตได้ปกติไม่ต้องอิงอาศัย ใบค่อนข้างใหญ่ยาว 20 เซนติเมตร มีลายเหลืองด่าง ราคาต่อใบ 140,000 บาท
👉🏿🍃สำหรับใครที่สนใจอยากจะซื้อหา “พลูฉลุ” มาเลี้ยงจะต้องดูแล ตั้งแต่เรื่องแสง เพราะเติบโตได้ช้า ใบมีคลอโรฟิลล์น้อย ต้องไม่ให้โดนแดดจัด การให้น้ำไม่ว่าต้นจะเกิดมาจากเมล็ด หรือการขยายพันธุ์ด้วยวิธีอื่น
👉🏿ไม่ควรให้น้ำมากจนเกินไป เพราะใบคายน้ำได้ยาก และดินที่ปลูกจะต้องเน้นดินโปร่ง ระบายน้ำได้ดี ถ้าให้ปุ๋ยก็ต้องเลือกชนิดสลายตัวช้า หากเราทำความเข้าใจวิธีดูแลต้นไม้ชนิดที่เราอยากจะปลูกได้อย่างถูกต้อง การปฏิบัติเพียงแค่ใส่ใจ เราก็จะเป็นหนึ่งในคนที่เลี้ยงต้นไม้ได้สำเร็จเช่นกัน
อ้างอิงจาก: facebook ,วิกิพีเดีย และ YouTube