งานแต่งงานที่ดูเหมือนจะไม่มีความสุขเลย
เข้าใจว่าการแต่งงานอาจจะเป็นความสุขของหลาย ๆ คน แต่บางครั้งก็ต้องดูความพอดีด้วย ความพอดีของจำนวนเงินที่เราต้องเสีย ถ้าเกินตัวไปถึงกับกู้ยืมมาแต่ง ก็จะลำบากภายหลังได้ เพราะเสร็จงานงานเเล้ว เเขกกลับไม่รับรู้อะไร เเต่บ่าวสาวนี่สิอาจจะต้องมาทุกข์กับการหาเงินเพื่อใช้หนี้ก็ได้
อย่างในกรณีนี้ เรื่องราวเกิดจากสาวราชการหญิงชาวมาเลเซียรายหนึ่ง เธอได้ออกมาเล่าประสบการณ์หลังแต่งงานที่เต็มไปด้วยความทุกข์ใจ เธอเป็นลูกที่เชื่อฟังพ่อแม่มาก พ่อแม่อยากให้จัดงานใหญ่ ซึ่งเดิมทีเธอและสามีแพลนกันว่าตัดงานเล็ก ๆ ก็พอ เชิญแขกมาไม่เกิน 100 คน ก็น่าจะพอ แต่พ่อแม่เธอไม่ยอม (เฮ่อ!) เพราะต้องเชิญญาติโกมาทั้งตระกูล ไหนจะเพื่อน ๆ พ่อแม่อีก ร่วม 1000 คน (กะจะเอาซองรึเปล่านิ 55555)
เจ้าบ่าวทำอะไรไม่ได้ค่ะ ก็ต้องฝืนใจยอม (เค้าคงรักเจ้าสาวมากนะคะ) เงินไม่พอก็ต้องไปกู้เอา (กู้เงินมาแต่งงาน แอดไม่เข้าใจจริง ๆ เลยข้อนี้ ความเห็นส่วนตัวนะ) จำนวน 40,000 ริงกิตหรือประมาณ 310,726 บาท พ่อแม่เจ้าสาวดูจะมีความสุขมาก เพราะเพื่อน ๆ (ได้หน้าไง)
หลังงานแต่งบ่าวสาวก็ต้องมาหาเงินใช้หนี้ ทั้งทำงานพาร์ทไทม์เพิ่ม ขายของออนไลน์บ้าง ขับรถส่งของบ้าง ทำทุกอย่างแทบไม่ได้พัก เธอเล่าว่า สามีเธอจากที่เคยร่าเริงเปลี่ยนเป็นคนเงียบไปเลย กลับบ้านปุ๊บก็อยากนอนอย่างเดียว ไม่มีกิจกกรรมใด ๆ เกี่ยวกับชีวิตคู่ทั้งสิ้น
เรื่องราวนี้มันเกิดความบกพร่องในหลายจุด จุดแรกเจ้าสาวไม่กล้าบอกพ่อแม่ว่าอยากแต่งงานเล็ก ไม่อยากสิ้นเปลือง ทั้ง ๆ ที่งบมีไม่พอ คุยแบบจริง ๆ อย่าคิดว่าการตามใจพ่อแม่และไม่ขัดคำสั่งท่านคือการตอบแทนหรือเป็นการกตัญญูอย่างหนึ่ง
จุดที่สองคือพ่อแม่ต้องรับฟังลูกด้วย ถ้าลูกถึงขนาดกู้เงินมาเพื่อแต่งงาน เพื่อทำให้ตัวเองได้หน้า มันก็ไม่ใช่แล้ว เพราะสุดท้าย ภาระก็ต้องตกอยู่กับลูก การที่เห็นลูกทุกข์ คนเป็นพ่อแม่ยิ่งทุกข์กว่าไม่ใช่เหรอ ทำไมดื้อรั้น เอาแต่หน้าตาทางสังคมแบบนี้ สุดท้ายแอดก็ขอเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่นะคะ