อาจารย์หมออายุ 28 ปี กำลังจะแต่งงานมีอนาคตที่สดใส กลับมาป่วยเป็นมะเร็งปอด
ชีวิตคนเรา มักมีเรื่องไม่แน่ไม่นอนเกิดขึ้นได้เสมอ
ทุก ๆ อย่างมันขึ้นอยู่ที่เรา ว่าจะมีสติกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากแค่ไหน
อาจารย์หมอวัย 28 ใช้ชีวิตมาอย่างดี มีอนาคตสดใส
และกำลังจะแต่งงาน…แต่พบว่าตัวเองเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย
“หมอกฤตไท” อายุ 28 ปี เรียนจบ ม.ปลายจาก รร.สวนกุหลาบ
แล้วสอบติดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
พอจบปริญญาตรีหมอก็เรียนต่อแพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัว
และเรียนเพิ่มอีกสาขาคือระบาดวิทยาคลินิก แล้วยังเรียนปริญญาโท
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ไปพร้อมกันด้วย
ผ่านไป 3 ปี หมอก็เรียนจบทั้งแพทย์เฉพาะทางและปริญญาโท
ได้บรรจุเป็นอาจารย์หมอที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ตามที่ฝันไว้ โดยเพิ่งเริ่มทำงานได้ 2 เดือน
หมอกฤตไทเป็นคนดูแลตัวเองดีมาก เขาเป็นนักกีฬา
ชอบออกกำลังกาย เข้ายิมสม่ำเสมอ ให้ความสำคัญกับอาหารและการนอนหลับ
ทานอาหารคลีน นอน 4 ทุ่ม ตื่น 6 โมงเช้า และทำงานในสภาพแวดล้อมที่ไม่เครียด
ด้านชีวิตส่วนตัว หมอกำลังจะแต่งงานกับผู้หญิงที่เขารักที่สุด
กำลังจะสร้างบ้านในฝัน และหลังจากนั้นเขาจะเดินตามแผนเกษียณที่วางไว้อย่างมั่นคง
เรียกว่านี่คือชีวิตที่เติบโตมาอย่างมีคุณภาพ หมอลงทุนในตัวเองมาอย่างหนักหน่วง
ตั้งเป้าหมายและวางแผนชีวิตมาอย่างดี และต่อไปนี้ก็ควรจะเป็นเวลาที่เขาได้โบยบินตามฝันอย่างเต็มที่
หมอเอ็กซเรย์ปอดครั้งล่าสุดเมื่อปี 2562 ซึ่งเป็นการตรวจสุขภาพเพื่อเริ่มงาน
ตอนนั้นทุกอย่างปกติดีและหมอเองก็มั่นใจในสุขภาพของตัวเองมาก
หลังเริ่มทำงานได้ไม่นานหมอมีอาการไอ ลองตรวจโควิดก็ไม่เจอ
ผ่านไป 2 เดือนก็ยังไอเรื้อรังอยู่ แต่เขายังคงทำงาน เล่นกีฬา
และใช้ชีวิตได้ตามปกติทุกอย่าง
วันที่ 3 ตุลาคม 2565 หมอไปตรวจสุขภาพอย่างจริงจัง
ผลเอ็กซเรย์ออกมาว่าปอดข้างขวาหายไปครึ่งหนึ่ง พบก้อนขนาดใหญ่ 8 ซม.
และมีน้ำในปอด ส่วนปอดข้างซ้ายก็มีก้อนเล็ก ๆ เต็มไปหมด
หลังผ่านการตรวจทุกอย่าง ทั้งเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ ผ่าตัดเพื่อเอาชิ้นเนื้อมาตรวจ
และตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สมอง ผลสรุปว่าหมอเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายแล้ว
นอกจากนี้มะเร็งยังกระจายไปที่เยื่อหุ้มปอดและสมองด้วย
ตอนนี้หมอกฤตไทกำลังรับการรักษาในทุกวิธี ทั้งการผ่าตัด
รับคีโม ภูมิคุ้มกันบำบัด การฉายแสง โดยมีคนรักอยู่เคียงข้าง
ซึ่งยังไม่รู้ว่ายาจะตอบสนองแค่ไหน จะมีผลข้างเคียงหรือไม่
และเขายังมีเวลาชีวิตเหลืออยู่เท่าไหร่
แต่หมอกฤตไทเข้มแข็งมาก เพื่อนของหมอเล่าว่า
เขาสามารถยอมรับข่าวร้ายของตัวเองได้ภายในเวลา 1 เดือน
จากนั้นเขาเปิดเพจ สู้ดิวะ ขึ้นเพื่อแชร์ประสบการณ์
ส่งต่อพลัง และเป็นกำลังใจให้กับคนอื่น ๆ
หมอเปิดเพจเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2565 บอกเล่าเรื่องราว
มุมมองการใช้ชีวิต ความเชื่อ ความฝัน และการเผชิญหน้ากับโรคร้าย
มีคนจำนวนมากเข้าไปให้กำลังใจ เพียงชั่วข้ามคืนก็มีผู้ติดตามเพจกว่า 2 แสนแล้ว
นอกจากนี้คนที่เข้าไปอ่านเรื่องราวในเพจของหมอก็ยังได้ข้อคิดต่าง ๆ ด้วย เช่น
- ถึงจะอายุน้อย สุขภาพแข็งแรง ปัจจัยเสี่ยงน้อย แต่ก็ควรตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี
- ความสำคัญของการทำประกันสุขภาพ โดยเฉพาะในยุคที่โลกไม่ปกติเช่นทุกวันนี้
- ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะชีวิตนั้นช่างเปราะบาง เราไม่รู้เลยว่ามันจะแตกสลายลงวันไหน
แล้วเมื่อวันนั้นมาถึงอย่างน้อยก็ไม่มีเรื่องให้เราต้องเสียดาย
เหมือนที่หมอกฤตไทบอกว่าเขาไม่เสียดายชีวิตที่ผ่านมาเลย และไม่มีอะไรที่อยากย้อนกลับไปทำ
เพราะเขาใช้ชีวิตมาอย่างดีที่สุดแล้ว
สู้ๆ นะคะ คุณหมอ