โซเชียลแฉ "ครูชายคว้ามีดทำร้ายครูหญิงกลางโรงเรียน" โดนไป 4 ข้อหา
จากกรณี โลกออนไลน์แชร์คลิปครูผู้ชายมีอาการคล้ายมึนเมา
อาละวาดโวยวายหาเรื่องครู และถือมีดดาบจะเข้าทำร้ายครูผู้หญิงในโรงเรียนเดียวกัน
ทั้งพยายามใช้มีดฟัน ตบหน้า กระชากผมต่อหน้าครูผู้หญิงอีก 2 คน
ที่เห็นเหตุการณ์และพยามเข้าไปช่วย เหตุเกิดบริเวณโรงจอดรถ
ภายในโรงเรียน จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยครูสาวผู้เสียหายระบุว่ายังไม่ทราบสาเหตุ
ว่าเพราะอะไรครูผู้ชายถึงถือมีดเข้ามาทำร้าย
แต่เบื้องต้นครูที่ถูกทำร้ายแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.หนองสองห้อง
เพราะกลัวจะไม่ปลอดภัยสำหรับความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 10 พ.ย.65 พ.ต.อ.อนันต์ ทองบรรเทิง
ผกก.สภ.หนองสองห้อง เผยว่า หลังรับแจ้งเหตุจากผู้เสียหายว่ามีคนเมา
ตามไปหาและอาละวาดหาเรื่องที่บ้าน ได้ให้กำลังตำรวจไปตรวจสอบและป้องกันเหตุ
พบว่ามีบุคคลอาการมึนเมาไปอาละวาดหาเรื่องจริง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวมาที่โรงพัก
เพื่อสงบสติอารมณ์ พร้อมแจ้ง 4 ข้อหา คือ
"เมาสุราประพฤติตนวุ่นวาย , พกพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร,
ข่มขู่ผู้อื่นให้ให้ตกใจกลัว และทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ"
พ.ต.อ.อนันต์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้สอบปากคำผู้เสียหาย ผู้ก่อเหตุ และ
พยานแวดล้อมไปแล้ว 5 ปาก รอเพียงเอกสารจากทางรพ.
เพื่อประกอบยืนยันว่าบาดเจ็บสาหัสหรือไม่ ก่อนจะรวบรวมพยานหลักฐาน
ซึ่งคาดว่าน่าจะสรุปสำนวนส่งอัยการได้ในสัปดาห์หน้า
เพราะคดีไม่ได้ซับซ้อนอะไรก็ได้มีการแฉคลิปพฤติกรรมของครูชายคนดังกล่าวเพิ่มเติมอีก
เป็นคลิปขณะที่ครูไปหาเรื่องครูผู้ชายคนหนึ่งในโรงเรียนเดียวกัน
เหตุเกิดเมื่อปี 2564 โดยในคลิปมีการขี้หน้าครูผู้ชายและพูดว่า
"มึงไปแจ้งความกูทำไม ทำไมไม่ถามเหตุผลก่อนว่าเป็นอะไรวันนั้น
เดี๋ยวตายตรงนี้แหละ หรือจะให้กูยิง ติดคุกไม่ถึง 5 ปีหรอกยิงคนนะ
ซึ่งขณะนั้นมีครูและเด็กนักเรียนอยู่คน เพราะกำลังทำกิจกรรมในโรงเรียน
ทำให้ครูและนักเรียนต่างตกใจเดินแยกย้ายออกไปคนละทาง
จากการสอบถามน.ส.นิด เพื่อนครูในโรงเรียนเดียวกัน บอกว่า
ไม่ทราบว่าครูผู้ชายกับครูผู้หญิงที่ปรากฏในคลิปทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายกัน
มีปัญหาอะไรกัน แต่ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นทะเลาะกัน แต่ในฐานะเพื่อนร่วมงานทั้งคู่ก็นิสัยดี
เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสองฝ่ายเป็นครูและเกิดขึ้นในโรงเรียน
มองว่าไม่เหมาะสมและรู้สึกไม่สบายใจ เพราะไม่อยากให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับ
เด็กๆ และในฐานะเพื่อนร่วมงานก็อยากพูดคุยทำความเข้าใจกัน