พ่อค้าชาวอังกฤษระบุนิสัยคนไทย “พวกเขาคุ้นเคยกับการนอนถึง 14 ชั่วโมงต่อ 1 วัน”
พ่อค้าชาวอังกฤษระบุนิสัยคนไทย “พวกเขาคุ้นเคยกับการนอนถึง 14 ชั่วโมงต่อ 1 วัน”
มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Siam เขียนโดยพ่อค้าชาวอังกฤษที่มาไทยในรัชกาลที่ 4 ไล่ ๆ กับนายมูโอต์…หนังสือนี้เป็นรายงานการสำรวจเศรษฐกิจและผลผลิตของไทย รวมทั้งลักษณะนิสัยของประชากร เป็นการสำรวจที่ล้วงลึกละเอียดถี่ถ้วนน่าสนใจ เขาคือนายมัลล้อก (D.E. Malloch) นี่คือรายงานของเขา
ลักษณะนิสัยของประชากร
ขี้ขลาด หัวอ่อน
“ชาวสยามนั้นดูคล้ายชาวเบงกาลี (อินเดีย) ตรงความเงียบขรึมและรักสงบ อีกทั้งยังขี้ขลาดและหัวอ่อนเหมือนกันด้วย ชาวจีนนั้นหมกมุ่นแต่ในเรื่องธุรกิจของตน และวิธีหาเลี้ยงครอบครัว ชอบคิดถึงแต่เรื่องการต่อสู้ หรือแสวงหาอาชีพอื่น ๆ เป็นชนชาติที่ขยันขันแข็ง เงียบขรึมและสู้งานหนัก สำหรับสยามเองคงไม่ก้าวหน้ามาได้อย่างทุกวันนี้ หากปราศจากชาวจีนในประเทศ”
เกียจคร้าน
“ชาวสยามเป็นชนชาติที่มีนิสัยเฉื่อยชามากที่สุดชาติหนึ่ง นิสัยเช่นนี้จึงส่งผลให้คนในชาติยากจน และมีกำลังซื้อที่ต่ำมาก พวกเขาคุ้นเคยกับการนอนถึง 14 ชั่วโมงต่อ 1 วัน แล้วก็ตระหนี่ถี่เหนียวที่สุด จะเห็นได้จากการที่พวกเขาไม่เคยซื้อหาสิ่งใดเลย หากไม่ต้องการจริง ๆ
ชาวสยามไม่เคยคิดที่จะเรียนรู้เรื่องค้าขายและไม่ได้รับการสืบทอด หรือสั่งสอนในวิชาชีพใด ๆ เลย นอกจากการบวชเป็นพระ อันอาจเนื่องมาจากต้องการหลีกเลี่ยงการทำงานที่ต้องใช้แรงกายนั่นเอง
ดังที่ได้กล่าวข้างต้นแล้ว ชาวสยามเป็นชนชาติที่แสนจะเฉื่อยชาและเกียจคร้าน ไม่ชอบงานที่ต้องใช้แรงกาย เรียกร้องแต่การพักผ่อนนอนหลับ ชอบทำงานที่ไม่ต้องรับผิดชอบมาก ชาวสยามไม่เคยรู้คุณค่าของเวลา
ชาวสยามนั้นดูจะแตกต่างจากชาวเบงกาลี ตรงที่ชาวเบงกาลีนั้นเป็นชนชาติที่โลภและขาดแคลน ทั้งยังจับจ่ายเงินทองตามสบายทุกครั้งเมื่อพึงประสงค์” (น. 103)
รักสงบ
ชาวสยามนั้นเงียบขรึมมาก และรักสงบ ไม่เหมือนกับเพื่อนบ้าน คือ พวกมลายู ที่มีจิตใจผูกพยาบาทและกระหายเลือด เราไม่ค่อยพบคดีฆาตกรรมเกิดขึ้นในสยามบ่อยนัก เพราะพวกเขาเป็นคนใจอ่อนและพร้อมที่จะให้อภัย
จัดได้ว่าชาวสยามนั้นขี้ขลาดอย่างแท้จริง สมดังที่ Laboure ได้กล่าวไว้เมื่อสมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่เมื่อ 100 กว่าปีมาแล้วว่า “แค่เพียงชาวยุโรปถือไม้เท้าเพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้ว ที่ทำให้ชาวสยามกลัวจนลืมคำสั่งที่ได้รับมาจากเจ้านายจนหมดสิ้น
ชาวสยามนั้นไม่เคยใช้วิธีรบซึ่ง ๆ หน้า ด้วยการใช้ปืน หรือดาบปลายปืน แต่จะลอบหาโอกาสเวลาที่ศัตรูเผลอ และไม่ทันได้ระวังตัว จากนั้นจึงบุกเข้าจับกุมเป็นเชลย เป็นเรื่องธรรมดายิ่งที่จะได้เห็นชาวพม่าเพียงคนเดียวเข้าตีสยามพร้อม ๆ กันทีเดียว 3 ถึง 4 คน เพื่อฉกชิงสิ่งของต่าง ๆ ธาตุแท้แห่งความแข็งแรงและกระตือรือร้นของชาวพม่า ก็ยังปรากฏให้เห็นเด่นชัด พวกเขานั้นกล้าหาญอย่างชนิดที่ยอมตายเสียดีกว่าต้องล้มเหลวในบั้นปลาย”
ไม่รังเกียจศาสนาอื่น
“ไม่เคยเลยที่ชาวสยามจะแสดงอาการรังเกียจผู้ที่นับถือศาสนาแตกต่างจากตน ในราชสำนักก็มีทั้งชาวจีน แขก มลายู คริสตังลูกหลานชาวโปรตุเกสที่เกิดในสยาม มีญวน ลาว เขมร และ อื่น ๆ ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งบางคนได้รับการแต่งตั้งให้มีตำแหน่งใหญ่โต และเป็นที่รักใคร่โปรดปรานขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยิ่งนัก
ที่กรุงเทพฯ นั้น ข้าพเจ้าได้พบชาวจีนหลายคนทีเดียวที่ได้กลายเป็นชาวสยาม และยอมตัดหางเปียของตัวเองทิ้ง พวกชาวจีนเริ่มที่จะซึมซับเอาบุคลิกลักษณะหลาย ๆ อย่างของชาวสยามเข้าไว้ในตัวทันทีที่เดินทางมาถึง รวมทั้งการแต่งงานกับหญิงชาวสยามด้วย”
ขาดการศึกษา
“สยามนั้นขาดแคลนผลงานด้านวรรณกรรมมาก ที่เห็นจะมีเพียงบทเพลงโง่ ๆ ไร้สาระปราศจากเรื่องราวซาบซึ้งใจ ประชาชนทุกคนไร้การศึกษา ทั้งในเรื่องภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สถาปัตยกรรม งานแกะสลัก และการก่อสร้างอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง”
(ภาพประกอบ : จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถวัดทองธรรมชาติ แสดงเรือนแถวการค้าขายของชาวจีน (ภาพจาก ศิลปวัฒนธรรม ฉบับมิถุนายน 2550)
.
อ้างอิง :
หนังสือ Siam เขียนโดย นาย D.E. Malloch พ่อค้าอังกฤษ ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อ พ.ศ. 2395 กรมศิลปากรได้จัดแปลเป็นภาษาไทย และตีพิมพ์ใน พ.ศ. 2538 ในชื่อ “รวมเรื่องแปลหนังสือและเอกสารทางประวัติศาสตร์ ชุดที่ 3” มีความยาว 122 หน้า มีรายละเอียดของสินค้านำเข้าและส่งออกของสยาม แสดงมูลค่ารวมทั้งภาษี ตอนที่อ้างอิงอยู่ระกว่าง น. 85-203
หมายเหตุ : คัดเนื้อหาบางส่วนจากบทความ “จุดอ่อนของคนไทย ในสายตาต่างชาติ (8) นายมัลล้อก พ่อค้าอังกฤษ” เขียนโดย จำนง เทพหัสดิน ณ อยุธยา ในศิลปวัฒนธรรม ฉบับมิถุนายน 2550
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/groups/852534415338281/permalink/1193432087915177/
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
ทนายสายหยุด ยอมรับสลิปโอนเงินของ "นานา" เป็นของปลอม
ปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get out
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
เพื่อนสนิทเปิดใจหลังเกิดเหตุ! เผย 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา' หลับไม่ตื่น-ไม่ขอตอบปมทะเลาะในวงเหล้า ขณะผลชันสูตรชี้ชัดพบ "ไซยาไนด์"
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
ตุ๋นลงทุนทิพย์: ไว้ใจ เชื่อใจ หรือเกรงใจ… สุดท้ายใครคือเหยื่อ?



