6 หนังดัง จากประเทศเกาหลี ต้องรีบไปดูแล้ว สนุกมากกก!! อัพเดทปี 2022
1.ด่วนนรก ซอมบี้คลั่ง (Train to Busan)
เรื่องราวของคุณพ่อวัยกลางคน ซอกอู (กงยู) ที่กำลังพาลูกสาว ซูอัน (คิมซูรัน) ไปเยี่ยมแม่ของเธอที่ปูซาน แต่แล้วในเช้าวันเดียวกันนั้นก็เกิดไวรัสซอมบี้ระบาด ทำให้รถไฟ KTX ที่เขานั่งไปปูซานนั้นกลายเป็นรถไฟสายมรณะที่เต็มไปด้วยฝูงซอมบี้ เขาจึงพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องตัวเองและลูกสาวให้ปลอดภัยให้ได้ ซึ่งในขบวนก็ได้มีสองสามีภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ ซังฮวา (มาดงซอก) ซองกยอง (จองยูมี) และคนอื่น ๆ ที่ต้องมาร่วมมือกันเพื่อเอาตัวรอดให้ได้
ถึงจะเคลมว่า เป็นแอ็กชันแนวซอมบี้ก็จริง แต่แก่นสารของเรื่องกลับนำเสนอว่า สิ่งที่น่ากลัวกว่าซอมบี้ก็คือ จิตใจอันดำมืดและความเห็นแก่ตัวของมนุษย์เมื่อตกอยู่ในยามคับขันที่ต้องการหาทางรอดให้ตัวเองมากกว่า ซึ่งทำให้คนดูลุ้นไปตลอดทั้งเรื่องว่า พวกเขาจะต้องพลาดพลั้งให้กับซอมบี้หรือมนุษย์ร่วมขบวนด้วยกันเอง
2.ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด: อาชินแห่งเผ่าเหนือ (Kingdom: Ashin of the North)
หลังจากซีรีส์ซอมบี้ย้อนยุคจากประเทศเกาหลี Kingdom ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากใน 2 ซีซันแรก ทำให้ Netflix ปล่อยหนังภาคพิเศษที่มีความยาวถึง 1 ชั่วโมง 33 นาที โดยจะเล่าถึงเรื่องราวต้นกำเนิดของสมุนไพรคืนชีพที่ อาชิน (จอนจีฮยอน) หญิงสาวจากชนเผ่าหนี่ว์เจิน กำลังพบกับโศกนาฏกรรมหลังจากชนเผ่าของเธอถูกหลอกใช้จากโชซอน และเป็นเหตุที่ทำให้พ่อของเธอเสียชีวิต ซึ่งระหว่างที่กำลังเดินทางไปยัง พเยซากุน ถิ่นกำเนิดของสมุนไพรคืนชีพ เธอก็ได้ล่วงรู้ความลับของสมุนไพรนี้กับราคาที่ต้องจ่ายเมื่อฟื้นคืนชีพคน
เธอจึงวางแผนใช้สมุนไพรเพื่อเป็นเครื่องมือแก้แค้นโชซอน ด้วยการนำมันไปมอบให้กับหมออีซึงฮีที่ทำการรักษากษัตริย์โชซอน จนเป็นจุดกำเนิดของเรื่องราวในซีรีส์ 2 ซีซีนแรก โดยเป็นหนังซอมบี้ที่งานโปรดักชั่นยังคงยอดเยี่ยม ดำเนินเรื่องด้วยการล้างแค้น และมีการแฝงความขัดแย้งทางการเมืองไว้ครับ
3.Kim Ji-young: Born 1982
หนังเกาหลีที่สร้างขึ้นจากนวนิยายสะท้อนสังคมเรื่องคตินิยมสิทธิสตรี (Feminism) ที่มียอดจำหน่ายกว่า 1 ล้านเล่ม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ คิมจียอง (จองยูมี) ผู้ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความเหลื่อมล้ำทางเพศมาตลอด 30 กว่าปี ตั้งแต่เด็กจนโตเธอต้องพบเจอกับปัญหาจากภาวะสังคมชายเป็นใหญ่ พอนานวันเข้าความเครียดสะสมก็เริ่มส่งผลกระทบกับเธอ จนในที่สุดมันก็ทำให้เธอกลายเป็นผู้ป่วยทางจิตและจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาโดยมีสามีผู้แสนอบอุ่น ชองแดฮยอน (กงยู) คอยอยู่ข้าง ๆ และร่วมแก้ปัญหาไปพร้อมกับเธอ
ตัวหนังจะพาเราไปสัมผัสกับเรื่องราวแสนธรรมดาพร้อมกับนำเสนอประเด็นความเหลื่อมล้ำทางเพศมาให้เห็นอยู่ในทุก ๆ อย่างที่คิมจียองต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเป็นลูกสะใภ้ในครอบครัว สังคมการทำงานที่ผู้หญิงถูกมองว่าด้อยกว่า เป็นเรื่องที่หยิบเอาเรื่องจริงมาพูดและนำเสนอออกมาในรูปแบบที่ย่อยง่ายมาก ๆ
4.ซอ บก มนุษย์อมตะ (Seobok)
มินกีฮยอน (กงยู) อดีตสายลับที่กำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ได้ถูกจ้างให้ไปเป็นบอดี้การ์ดให้กับ ซอบก (พัคโบกอม) มนุษย์โคลนอมตะคนแรกของโลกจากโปรเจคลับ ที่ถูกตัดแต่งพันธุกรรมเพื่อทดลองการรักษาให้กับมนุษย์จนสามารถใช้ชีวิตได้อมตะ ทำให้ภารกิจหลักของมินกีฮยอน คือนำซอบกไปส่งฐานลับใหม่อย่างปลอดภัย และคุ้มครองซอบกจากการตามล่าของผู้ที่ต้องการชิงตัว เพื่อแลกกับการรักษาโรคร้ายของเขา อย่างไรก็ตาม ภารกิจก็มีอุปสรรคมากมาย และการตัดสินใจที่ไม่ง่ายอย่างที่หวัง
โดย Seobok ไม่ได้เป็นเพียงแค่หนังแอ็กชันไซไฟเท่านั้น แต่ยังมีการพูดเรื่องราวความหมายของชีวิตผ่านสองตัวละครจากนักแสดงชั้นนำ ที่คนหนึ่งกำลังจะตายจากโรคร้ายและต้องการมีชีวิตอยู่ กับอีกคนหนึ่งที่ยังไร้เดียงสาและไม่รู้สึกถึงคุณค่าของการมีชีวิต
5.รักจูงรัก (Love and Leashes)
ศเกาหลีที่จะโชว์ถึงรสนิยมทางเพศแบบ BDSM ที่จะมีผู้ออกคำสั่งและผู้ถูกกระทำที่หาความสุขจากการเจ็บปวด ซึ่งหนังเป็นความสัมพันธ์ระหว่างสองคนที่มีชื่อคล้ายกันคือ ชองจีอู (ซอฮยอน) พนักงานสาวประจำแผนก PR และชองจีฮู (อีจุนยอง) รองหัวหน้าทีม ซึ่งชองจีอูบังเอิญไปเปิดพัสดุของชองจีฮูและพบกับปลอกคอหนัง ซึ่งเป็นรสนิยมผู้ถูกกระทำของเขา ทำให้เกิดเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของพวกเขา
โดยหนังได้รับการดัดแปลงจากเว็บตูนเรื่อง Moral Sense ที่นำเสนอเอกลักษณ์ใหม่ ๆ ทั้งด้านรสนิยมทางเพศ และเพิ่มความหลากหลายของแนวหนังเกาหลี อย่างไรก็ตาม หนังยังคงความเป็นโรแมนติกคอมเมดี้ ที่เน้นความสัมพันธ์และความรักของสองตัวละครเป็นหลักครับ
6.รักหวานอมเปรี้ยว (Sweet & Sour)
อีกหนึ่งหนังความรักในสไตล์โรแมนติกคอมเมดี้กับความสัมพันธ์ในชีวิตที่ต้องพบกับอุปสรรคต่าง ๆ ของ จางฮยอก (จางกียง) พนักงานหนุ่มที่ทุ่มเทชีวิตให้กับการทำงาน ซึ่งเขาเพิ่งได้งานในตำแหน่งวิศวกร แต่เกิดอาการป่วยอย่างกะทันหัน ทำให้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและได้พบกับ ดาอึน (แชซูบิน) พยาบาลที่สาวดูแลเขาอย่างดี จนเกิดเป็นความรักระหว่างทั้งคู่ อย่างไรก็ตาม จางฮยอก ต้องย้ายไปทำงานที่สำนักงานใหญ่และได้พบกับ โบยอง (คริสตัลจุง) ที่ทั้งคู่โปรเจกต์ด้วยกัน จนเกิดความรักสามเส้าระหว่างพวกเขา
โดยเรื่องราวของหนังทั้งหมดจะเน้นการเล่าเรื่องของความสัมพันธ์ในชีวิตคู่ ที่อยู่ในความเป็นจริงของสังคมปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม หนังยังมาพร้อมกับประเด็นที่หลากหลายของตัวละครในแต่ละมุมมอง ที่ทำให้ตอนจบสามารถคาดเดาได้ยากครับ