พะโล้ มีที่มาอย่างไร
วิถีชีวิตของคนไทยเป็นแบบเรียบง่าย อาหารที่เรานิยมตั้งสำรับกันถ้าไม่เป็นน้ำพริก ผักต้ม ปลาทอด ก็คงไม่พ้นพะโล้อย่างแน่นอน เพราะพะโล้เป็นเมนูเด็ดที่มีกลิ่นหอมชวนกิน รสชาติกลมกล่อมอร่อย กินได้ทุกเพศทุกวัย วิธีทำก็ไม่ซับซ้อน แถมยังเก็บไว้ได้หลายมื้อ ยิ่งเคี่ยวน้ำบ่อยครั้งก็ยิ่งงวด จนน้ำพะโล้ซึมซาบลงไปในเนื้อหมู ไข่ และเต้าหู้ยิ่งขึ้น เพิ่มความอร่อยแบบทบทวีคูน แหม แค่นึกถึงแค่นี้บางคนก็ถึงกับน้ำลายสอขึ้นมาแล้วใช่ไหมคะ แต่ก่อนจะไปรับประทานพะโล้กันให้หนำใจ เรามาดูที่มาที่ไปของพะโล้กันก่อนดีกว่า มาดูกันซิว่า อาหารคุ้นลิ้นนี้มีประวัติความเป็นมาเป็นอย่างไรกันบ้าง
ที่มาของพะโล้เริ่มต้นมาจากความคั่งแค้นของเจ้าพ่อไผ่สุ่ยเอี้ยที่มีต่อภรรยาชื่อไผ่เสี่ยวเมิ่น และชายชู้ของนางชื่อว่าฮัวซวี่เฉิน เนื่องจากเจ้าพ่อไผ่สุ่ยเอี้ยทั้งรัก ทั้งดูแล และทะนุถนอมภรรยาคนนี้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง แต่นางไผ่เสี่ยวเมิ่นก็ยังแอบไปคบชู้สู่ชายกับฮัวซวี่เฉิน เมื่อเจ้าพ่อไผ่สุ่ยเอี้ยรับรู้เข้าก็โกรธคนทั้งสองมาก จึงสาปส่งให้กลายเป็นเป็ดด้วยกันทั้งคู่ จากนั้นก็นำเป็ดไปต้มกับเครื่องเทศหลายชนิด และซีอิ๊วหวานจนกลายเป็นพะโล้ในที่สุด
หลังจากนั้นเป็นต้นมา หากใครอยากจะบนบาลหรือขอพรจากเจ้าพ่อไผ่สุ่ยเอี้ยก็ต้อง ต้มเป็ดพะโล้มาถวาย จนมีเป็ดพะโล้อยู่มากมาย ทั่วทั้งศาลเจ้าพ่อไผ่สุ่ยเอี้ย จนกระทั่งเวลาผ่านไปรุ่นต่อรุ่น ผู้คนก็เริ่มเบื่อกับเป็ดพะโล้กันแล้ว จึงดัดแปลงนำไข่ หมู และเต้าหู้มาใส่ เปลี่ยนแนวให้พะโล้แบบเดิม ๆ น่ากินมากยิ่งขึ้น
ส่วนคำว่าพะโล้เป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว ซึ่งมีความหมายประมาณว่ามีอะไรก็ใส่ลงไปรวม ๆ กัน ซึ่งอาจจะดูเหมือนสไตล์เดียวกันกับจับฉ่าย แตกต่างก็ตรงที่พะโล้มีเครื่องเทศ 5 เซียน อย่างดอกโปยกั๊ก อบเชย และซีอิ๊วหวานรวมอยู่ด้วย อีกทั้งรสชาติก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/100044739000097/posts/pfbid0r3r7JMiev3i1wk8Nzj9ov1Eg8cYuvJt6pd6TsKpFdanxSmkfsWNd4HvA2WMF5hQxl/