วิวาห์เลี้ยงเดี่ยว ตอนที่ 13 ผู้หญิงปากแข็ง (3)
ตอนนี้ลงให้อ่านเป็นตัวอย่างเป็นสุดท้ายนะคะ
อ่านฉบับเต็มได้ในฉบับ Ebook หรือ เว็บอื่น ๆ ที่ได้แจ้งเอาไว้นะคะ
ดาวโหลด Ebook คลิ๊กที่ภาพด้านล่างนี้ได้เลยนะคะ
+++++++++
“คนกันเองเกรงใจทำไม อีกอย่างผมเต็มใจนะ” วาทีกระซิบที่ข้างใบหู ทำเอามัตสยาถึงกับขนลุกซู่ “ไม่เอาค่ะ มัทยังไม่ได้แปรงฟันเลย”
“ผมไม่ถือ” วาทีดึงมือที่ปิดปากตัวเองของมัตสยาออกแล้วออกแรงเพียงเล็กน้อยดึงหญิงสาวเขามาชิดขึ้นกว่าเดิม แล้วใช้ปากประทับลงบนปากเม้มเอาไว้แน่น เพียงเท่านั้นมันก็คลายออกให้เธอได้พิสูจน์ความหวานจากปากของเขาว่าจริงเท็จแค่ไหน
แม้จะไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาแค่เรื่องจูบมัตสยาผ่านมันมาแล้ว คิดเอาไว้ว่าถ้าโดนจริง คงพอรับมือได้ ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลย อ่อนระทวยกับสัมผัสและจุมพิตที่ชายหนุ่มมอบให้ จนเคลิบเคลิ้มตอบสนองกลับตามที่เขานำพา
“อยากไปต่อไหม”
มัตสยาพยักหน้า ก่อนจะเบิกตากว้างแล้วรีบส่ายหน้าพร้อมกับยกมือกุมแก้มที่ร้อนผ่าวของตัวเองอย่างเขินอายที่ร่างกายเผลอไปตอบรับเขาเสียอย่างนั้น
“ซื่อสัตย์กับตัวเองหน่อยสิ” วาทีบอกเสียงกลั้วหัวเราะ ขยับตัวลุกขึ้นแล้วก้มลงจูบที่มุมปากของหญิงสาวเบา ๆ “แต่วันนี้ไม่ได้หรอก บอกแล้วไงผมไม่ทำเรื่องแบบนั้นต่อหน้าเด็ก และที่สำคัญไว้เราแต่งงานกันก่อนดีกว่า ฉะนั้นถ้าอยากกินผมก็แต่งงานกับผมซะ”
“บ้า ใครอยากกินบอสกัน” มัตสยาผลักใบหน้าหล่อเหลาที่ดูมั่นอกมั่นใจในตัวเองเกินร้อยให้ออกห่างแล้วลุกขึ้นลงจากเตียง หันไปมองลูกสาวที่ยังคงหลับสบายก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ
“ยัยผู้หญิงปากแข็ง” วาทีส่ายหน้ายิ้ม ๆ “ยังไงผมก็ไม่ปล่อยคุณไปหรอก” ชายหนุ่มบอกอย่างหมายมาด ก่อนจะลุกขึ้นช้า ๆ เบาที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้อย่างกลัวหนูน้อยที่นอนอยู่บนเตียงตื่น จากนั้นก็เดินไปหยิบโทรศัพท์ต่อสายหาแดนไท เพื่อหาคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งให้กับตัวเอง
มัตสยาแอบปรายตามองวาทีที่ทำตัวปกติเป็นระยะ ๆ และรีบหลบตาทุกครั้งที่เขาหันมามองหรือไม่ก็หันหน้าหนีทำไม่รู้ไม่ชี้
“แอบมองแล้วทำเมิน มีอะไรจะพูดก็พูดมาสิ” วาทีที่นั่งเก้าอี้ริมสระว่ายน้ำโน้มตัวไปหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาจิบแล้วทิ้งตัวลงกลับไปพิงพนักเก้าอี้เหมือนเดิม
“เปล่าค่ะ” มัตสยาปฏิเสธทันที และแกล้งไปเล่นกับลูกสาว ด้วยการยกเจ้าตัวเล็กให้ขาทั้งสองข้างจุ่มไปที่สระน้ำส่วนตัวภายในห้องพัก
“เปล่านี่คือ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นมอง
“ไม่ได้แอบมองค่ะ แต่หน้าบอสมันอยู่ในระดับสายตา” มัตสยาหันไปมองวาทีแวบหนึ่งเท่านั้น ก่อนจะหันมาหยอกล้อกับลูกสาวต่อ
“อย่างนี้นี่เอง” วาทียกยิ้ม ยกแขนขึ้นวางศอกที่พนักเก้าอี้ ส่วนมือนั้นวางค้ำอยู่ที่แก้มด้านขวา และอยู่อย่างนั้นจนมัตสยารู้สึกได้ว่ามีคนจ้องและจ้องไม่เลิกจนเธอต้องหันไปถาม
“มีอะไรคะ”
“อะไรยังไง” ชายหนุ่มย้อนถามพลางกดยิ้ม โดยที่สายตาไม่ได้ละจากสองแม่ลูกที่นั่งเล่นน้ำริมสระเลย
“ก็บอสจะมานั่งจ้องหน้ามัทเพื่อ”
“ใครบอกว่าผมจ้อง ผมมองทั่วไปเรื่อยเปื่อย แต่หน้าคุณต่างหากที่มาอยู่ในระดับสายตาผมพอดี”
โดนย้อนเข้าแล้วไง มัตสยาถอนหายใจ พยักหน้ารับอย่างโต้แย้งอะไรไม่ได้ แล้วถามไปเรื่องอื่นแก้เขิน และเผื่อเขาจะได้เลิกจ้องเธอเสียที
“บอสไม่ออกไปไหนเหรอคะ”
“แล้วคุณล่ะ”วาทีที่ปฏิบัติการเอาคืนสำเร็จเอนตัวไปพิงพนักเก้าอี้แล้วหลับพักสายตาถามกลับ
“เมื่อวานก็ไปมาแล้ว ของฝากก็ได้ครบแล้ว เลยว่าจะเดินเล่นในรีสอร์ตนี่แหละค่ะ และจะออกไปเดินเล่นที่ชายหาดตอนเย็นทีเดียว”
“ซื้อแต่ของฝากฝากคนอื่น แล้วของตัวเองกับลูกล่ะ ได้อะไรบ้างหรือเปล่า” เพราะเท่าที่เห็นที่หญิงสาวแยกของฝากว่าของใครถุงไป เหมือนจะไม่มีของตัวเองเลย
“ยัยหนูได้ของเล่น ส่วนมัทก็ได้หมวกจากบอสไปแล้วนี่คะ” หญิงสาวบอกอย่างไม่ได้ใส่ใจ
“แค่นั้น” วาทียืดตัวขึ้นนั่งหลังตรงอีกครั้งถามพลางขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าหญิงสาวจะพอใจกับอะไรแบบนั้นเลย
“ค่ะ”
“แล้วไม่อยากได้อะไรอย่างอื่นเลยหรือไง” ชายหนุ่มถามอย่างสงสัย เพราะปกติผู้หญิงที่เขารู้จักถ้าพูดถึงของที่อยากซื้ออยากได้ละก็ร่ายยาวเป็นหางว่าวเลยทีเดียว แม้บางอย่างจะมีอยู่เยอะแล้วก็ตาม
“อู้ยยย มันก็มีอยากได้แหละค่ะ แต่เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน” มัตสยาบอกเสียงกลั้วหัวเราะและทำหน้าเขิน ๆ เธอก็ผู้หญิงแหละเนาะ เห็นอะไรสวย ๆ งาม ๆ ก็อยากได้เป็นธรรมดา แต่ก็อย่างว่าเงินในกระเป๋าไม่อำนวย ก็ได้แค่ชื่นชม และถ้าให้ซื้อก็ซื้อได้ทีละอย่าง ยิ่งตอนนี้ที่มีภาระเยอะแยะเต็มไปหมด อันไหนพักได้ก็คงต้องพักไปก่อน “อ้อ ลืมไปเลย ยังไม่ได้ใช้หนี้บอสเลย” เอ่ยขึ้นอย่างคนที่เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้
ทว่า...
“ไม่เอา” วาทีปฏิเสธสั้น ๆ
“แต่มัทใช้บัตรบอสรูดของนะคะ” มัตสยาแย้งอย่างรู้สึกไม่สบายใจ
“ผมมีเยอะแล้ว แค่เงินไม่กี่พันคุณเก็บไว้ใช้เถอะ”
“ได้ไง” หญิงสาวคราง ถ้านี่คือญารินดาเธอจะไม่สงสัยเลย แต่นี่เจ้านายที่เพิ่งรู้จักและทำงานด้วยกันได้ไม่กี่เดือนจะใจดีกับเธอได้มากมายขนาดนี้เลยเหรอ
“ทำไมจะไม่ได้ ไม่คุยกับคุณแล้ว” วาทีตัดบท ยุติการสนทนาด้วยการลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปด้านใน ทะลุออกไปด้านหน้าที่เป็นชานระเบียงยื่นออกไป และที่นั่นมีเก้าอี้นอนวางอยู่ เขาจึงทรุดตัวลงนั่งแล้วเองตัวลงนอนรับบรรยากาศริมทะเลอย่างสบายอารมณ์
“อ้าว นึกว่าจะออกไปข้างนอกเสียอีก” มัตสยาที่ตามชายหนุ่มเข้าบอกด้วยน้ำเสียงติดผิดหวังเล็กน้อย
“แล้วก็บอกว่าไม่อยากออกไปไหน ไปไหมล่ะ” ชายหนุ่มส่ายหน้า นั่นทำให้มัตสยายิ้มแหย ๆ “เอาไว้ตอนเที่ยงดีไหมคะเราค่อยออกไปหาอะไรกินกัน”
วาทีพยักหน้าแล้วเอนตัวกลับลงไปนอนที่เดิม “คิดไว้แล้วกันว่าอยากกินอะไร”
“ค่ะ” มัตสยาบอกก่อนจะอุ้มลูกสาวเดินเข้าไปข้างใน
“มีอะไรที่ต้องทำหรือเปล่า ฝากน้องของขวัญไว้ที่ผมก็ได้นะ” วาทีเอี้ยวตัวตะโกนบอกหญิงสาวที่เดินเข้าไปข้างในแล้วโผล่หน้ามาบอกเขา “ไม่มีค่ะ ขอไปเดินเล่นรอบ ๆ นี้ก่อนนะคะ”
“อื้อ” วาทีกลับมาทิ้งตัวลงนอน พักสายตาอย่างสบายใจในรอบหลายเดือนที่เขาทำงานแทบไม่ได้พักเลย
++++++++
อ่านล่วงหน้าที่เว็บอื่น ๆ
ธัญวลัย : https://www.tunwalai.com/story/604304
เด็กดี : https://writer.dek-d.com/kesmani/writer/view.php?id=2271834
Readawrite : https://www.readawrite.com/a/5e596cf1b2c61bcfe164112da000b3a2