ความแตกต่างของ ยาชา ยาเบลอและยาสลบ
ความแตกต่างของ ยาชา ยาเบลอและยาสลบ ที่ควรรู้
แน่นอนว่าเรื่องของความสวยความงามเป็นสิ่งที่ทั้ผู้ชายและผู้หญิงต่างก็ให้ความสนใจเป็นอยากมาก แต่ในขณะเดียวกันก็ยังไม่มีใครมองข้ามเรื่องของความปลอดภัยของการใช้ยาประกอบกับการทำศัลยกรรม บ้างก็ตั้งคำถามเกริ่น ๆ ไว้ว่า แบบไหนดีกว่ากัน แบบไหนมีความอันตรายน้อยกว่า แบบไหนมีความเสี่ยงที่สุด จะส่งผลเสียร้ายแรงอย่างไรบ้าง
วันนี้เราจะมาไขคำตอบไปพร้อม ๆ กันนถึงความแตกต่างยาชา ยาเบลอ และยาสลบกัน
ปัจจุบันมี 3 รูปแบบ ยาชา ยาเบลอ และยาสลบ แต่แตกต่างกันตรงที่การให้ยา การให้ยาสลบจะยุ่งยากที่สุด!...
จำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ หรือวิสัญญีแพทย์ในการดมยาสลบ จะมีค่าใช้จ่ายในการดมเพิ่มเติม ฉะนั้นในปัจจุบันสถานประกอบการเลยลดต้นทุน โดยการใช้ยาเบลอหรือยาว่ายาชา ก็สามารถลดต้นทุนลงไปได้ ...
แต่แน่นอนว่าความรู้สึกของคนไข้ก็จะแตกต่างกันในเรื่องของความรู้สึกตัวระหว่างทำในเรื่องความปลอดภัยให้มองในประเด็นที่(ความอันตราย)
1.การใช้ยาชา
การให้ยาชาอย่างเดียว ความอันตรายคือ การได้รับมากเกินไป เพราะว่าในหลายๆครั้งการใช้ยาชาอย่างเดียวเพื่อระงับความรู้สึกของคนไข้จำเป็นจะต้องฉีดยาชาค่อนข้างเยอะ เพื่อให้คนไข้ไม่เจ็บหรือว่าเจ็บน้อยที่สุด เช่น การฉีดยาชายิ่งฉีดในปริมาณเยอะความเสี่ยงก็เยอะ คือ มีโอกาสฉีดเข้าเส้นเลือดมากขึ้น
เพราะจิ้มเข็มลงไปหลายครั้งฉีดยาชาเข้าเส้นเลือดขึ้นอยู่กับปริมาณยาชาที่เข้าเส้นเลือด ยิ่งเข้าเส้นเลือดมากก็จะเข้าไปที่ระบบประสาทส่วนกลางทำให้คนไข้ชักจากการฉีดยาชา คนไข้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ และเสียชีวิตได้ นี่คือความเสี่ยงของการฉีดยาชา(!)
***ถ้าฉีดยาชาแล้วไม่ครอบคลุม***
ในหลายๆครั้งคนไข้เจ็บไม่ทันตั้งตัว นอนแต่ไม่รู้สึกว่าเจ็บ แต่อยู่ดีก็รู้สึกเจ็บขึ้นมา เพราะว่ายาขาออกฤทธิ์ได้ไม่ดี แล้วคนไข้ดิ้น ดิ้นแล้วเครื่องมือแพทย์อยู่ด้านในอาจจิ้มทะลุปอด ทะลุหัวใจ หากทะลุหัวใจ คือ เสียชีวิตอย่างเดียว ส่วนทะลุปอดหากแพทย์รู้ทันก็ไม่เป็นไร แต่หากรู้ไม่ทันก็เสียชีวิตเช่นเดียวกัน นี่จึงเป็นความเสี่ยง แค่ฉีดยาชาก็เสียชีวิตได้
2. ยาเบลอ
เป็นการเพิ่มระดับของการระงับความรู้สึก จากเดิมที่เคยได้รับยาชา ก็เพิ่มยาให้เบลอ ๆ ไป ก็คือ รู้ตัวครึ่งไม่รู้ตัวครึ่ง
คนไข้จะเบลอ ๆ งง ๆ จะไม่รู้ว่าแพทย์ทำอะไรบ้าง ก็จะตื่นมารู้สึกตัวบ้างนิดหน่อย ซึ่งแน่นอนว่า
(ข้อเสีย)...ของยาเบลอ พี่จะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตก็คือ ยาเบลอมีการกดที่ประสาทพอกดประสาทแล้วทำให้มีอาการเบลอ การให้ยาเบลอก็มักที่จะให้โดยแพทย์ผ่าตัดเอง ถ้าเทียบกับให้วิสัญญีแพทย์มาดูเองมันค่อนข้างแตกต่างกัน เรียกว่าเป็นเสี้ยววินาที เช่น คนไข้โดนกดประสาทมากเกินไป แล้วคนไข้ไม่หายใจ หรือคนไข้สำลักน้ำลายตัวเองหรือคนไข้หลับลึกเกินไป คนไข้หายใจไม่ออก 4 นาที คนไข้เสียชีวิตได้ หากแต่หมอรู้ตัวคนไข้ก็สามารถลดภาวะความเสี่ยงนี้ได้ ซึ่งขึ้นอยู่ที่ความปลอดภัยในแต่ละสถานที่ประกอบการ
3.ยาสลบ
หลังจากยาสลบเริ่มหมดฤทธิ์คนไข้จะกลับมารู้สึกตัวและรู้สึกเจ็บปวดบริเวณที่ได้รับการผ่าตัด
รู้สึกง่วงนอน อ่อนเพลีย ไม่มีแรง รู้สึกสับสนมึนงง หรือสูญเสียความทรงจำชั่วคราว...
แต่ผู้ป่วยบางรายก็จะสูญเสียความทรงจำไปอย่างถาวร ซึ่งเป็นกรณีที่พบได้น้อยมากค่ะ
รู้สึกป่วย วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ซึ่งเป็นอาการที่มักเกิดในช่วงแรกที่ได้รับยาสลบ แต่อาจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปเป็นวันได้
ตัวสั่นหรือรู้สึกเหงาเศร้านานอาจเกิดขึ้นชั่วขณะนานหลายนาทีไปจนหลายชั่วโมง
ไม่ชำระความเจ็บปวดที่ถูกฉีด หากแต่ไม่มีอาการแพ้หรือผลข้างเคียงอื่นที่ไม่เป็นอันตรายรอยช้ำและความเจ็บปวดก็จะหายไป
เมื่อเวลาผ่านไป เสียงแหบ คอแห้ง เจ็บคอ เนื่องจากระหว่างผ่าตัด มีการสอดท่อช่วยหายใจ ผ่านทางปาก เข้าไปในลำคอ ปากแห้ง นี่เกิดความเสียหายในช่องปากและฟัน ในระหว่างทำการผ่าตัดเช่นกัน
ดังนั้นผู้ป่วยที่มีแผลหรือกำลังรักษาช่องปากและฟันควรที่จะแจ้งให้วิสัญญีแพทย์ทราบเรื่องก่อนเสมอ
ปัญหาของการปัสสาวะก็จะพบว่ามีความยากลำบากในการปัสสาวะ
Reference
1. References for Local AnesthesiaAuthor: Dr. Reeja Tharu / Rishika GuptaEditor: Suchitra ChariTechnically Checked by: Lingaraj Published on Apr 01, 2008Last Updated on Apr 15, 2021
2. Wollweber, Hartmund (2000). “Anesthetics, General”. Ullmann’s Encyclopedia of Industrial Chemistry. Weinheim: Wiley-VCH.
รูปภาพ:MiSuMi















