วิธีรักษาไมเกรนมีวิธีใดบ้าง การป้องกันโรคไมเกรนทำได้อย่างไร
ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในปัจจุบันมักจะมีแต่เรื่องให้ต้องปวดหัวได้ตลอดเวลา ซึ่งบางคนแค่ใช้เวลานอนหลับพักผ่อน รับประทานยาแก้ปวดก็หาย แต่สำหรับใครที่มีปัญหาปวดหัวมากๆ ปวดหัวสะสมมาเป็นเวลานาน ปวดหัวตุบๆ หรือที่เราเรียกกันว่า อาการปวดหัวไมเกรน
ซึ่งหากคุณอาจจะปวดหัวในลักษณะนี้ คุณรีบหาวิธีรักษาไมเกรนไม่ควรปล่อยเรื้อรัง ซึ่งบทความนี้ก็ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับไมเกรนรักษาอย่างไรได้บ้าง ไมเกรนเกิดจากอะไร จะแก้ไมเกรนด้วยตัวเองทำได้อย่างไร รวมถึงอาการไมเกรนรักษาหายไหมเรามีคำตอบ
โรคไมเกรน (Migraine)
หากคุณได้รู้สาเหตุที่มาของการเกิดโรคไมเกรน ก็จะสามารถป้องกันได้ในเบื้องต้น ซึ่งสาเหตุ อาการต่างๆ มีดังนี้
ทำความรู้จักโรคไมเกรน
หากคุณรู้สึกมีปวดหัวแบบตุบๆ สามารถเกิดขึ้นได้ข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้างก็ได้ หากคุณเป็นผู้ที่มีความเครียดทางอารมณ์สูง มีโอกาสเสี่ยงที่คุณจะปวดหัวไมเกรนได้บ่อย
สาเหตุของไมเกรน
สาเหตุของการปวดศีรษะไมเกรน หลักๆ จะมาจากการมีความเครียดสูงแล้ว ยังเกิดจากอาการปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อเกร็ง ซึ่งผู้ป่วยโรคไมเกรนส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการครั้งแรกตอนช่วงวัยรุ่นถึงวัยกลางคน
และพบได้บ่อยในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ
อาการไมเกรนเป็นอย่างไร
อาการไมเกรนช่วงแรกจะเริ่มจากการปวดหัวปวดศีรษะ และจะเริ่มรุนแรงมากขึ้น เช่น มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนแรง ตาไวต่อแสง เสียง และกลิ่นมากขึ้น เป็นต้น
การวินิจฉัยโรคไมเกรน
การรักษาไมเกรน แพทย์จะซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด ตั้งแต่การเจาะเลือด เอกซเรย์ และการตรวจวินิจฉัยสมอง หากยังไม่สามารถแก้ไมเกรนให้หายหรือเบาลงได้ แพทย์จะทำการวินิจฉัยแยกโรคปวดศีรษะอื่นอีกที่มีอาการเกี่ยวข้องกับการปวดไมเกรน
วิธีรักษาไมเกรนมีอะไรบ้าง
หากคุณเริ่มมีอาการปวดไมเกรน คุณควรรีบแก้ไมเกรนแต่เนิ่นๆ ซึ่งวิธีรักษาไมเกรนนั้นมีทั้งการแก้ปวดหัวไมเกรนด้วยตัวเองในเบื้องต้น แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นแนะนำว่าให้รักษาโรคไมเกรนโดยการพบแพทย์ทางเลือก โดยรายละเอียดอยู่ของการรักษาไมเกรนจะอยู่ในหัวข้อต่อๆ ไป
วิธีรักษาไมเกรนเบื้องต้นด้วยตัวเอง
1.ปรับพฤติกรรมรักษาไมเกรน
วิธีการรักษาไมเกรนเบื้องต้น คุณควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ ตั้งแต่การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงผ่อนทำจิตใจให้ปล่อยวาง เพื่อลดความเครียด หากิจกรรมผ่อนคลาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และแนะนำให้คุณหลีกเลี่ยงอาหารที่มีการผสมไนไตรท์ เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน น้ำตาลเทียม เป็นต้น
2.การประคบเย็นรักษาไมเกรน
รักษาไมเกรนด้วยตัวเองง่ายๆ ด้วยการประคบเย็น เพียงแค่ใช้ผ้ามาจุ่มน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์หรือมาร์จอแรม หลังจากนั้นก็นำมาประคบเย็นที่หน้าผากหรือคอ หรือคุณจะเลือกใช้เป็นแบบ เจลแก้ปวดไมเกรนก็มีขายตามร้านยาทั่วไป
3.วิธีนวดกดจุดรักษาไมเกรน
หากคุณรู้สึกปวดไมเกรนขึ้นมากะทันหัน วิธีการแก้ปวดไมเกรนเร่งด่วนคือ การกดจุดรักษาไมเกรน โดยการใช้น้ำมันหอมระเหยเปเปอร์มินต์ และลาเวนเดอร์ อย่างละ 1 หยดมาผสมในน้ำมันอัลมอนด์หอม 2 ช้อนชา หลังจากนั้นนำมานวดบริเวณขมับและต้นคอ เพียงเท่านี้ก็สามารถรักษาไมเกรนเบื้องต้นได้แล้ว
4.สมุนไพรรักษาไมเกรน
การรักษาไมเกรนธรรมชาติที่คุณก็สามารถทำได้ โดยการใช้สมุนไพรรักษาไมเกรน อย่างเช่น การรับประทานน้ำขิงผสมน้ำตาลทรายแดง เพราะขิงมีฤทธิ์ในการลดการอักเสบ ลดอาการปวดเมื่อยในร่างกาย และยังสามารถขยายหลอดเลือด ให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
นอกจากการรับประทานน้ำขิงแล้ว ก็ยังมีน้ำมันหอมระเหยกลิ่นมะกรูด หรือกลิ่นสะระแหน่ เพื่อช่วยผ่อนคลายความตึงเครียด คลายความกังวล ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย สมองปลอดโปร่งกว่าเดิมอีกด้วย
วิธีรักษาไมเกรนทางการแพทย์
1.ใช้ยาแก้ปวดไมเกรน
สำหรับใครที่มีอาการปวดเบื้องต้น การรักษาไมเกรนโดยการรับประทานยารักษาไมเกรน เช่น พาราเซตามอล, ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) พอนสแตนแก้ไมเกรน เป็นต้น
ข้อดีของการรักษาไมเกรนด้วยยาแก้ปวดคือ สามารถชะลออาการปวดได้อย่างรวดเร็ว แต่ข้อเสียคือ คุณอาจได้รับอาการข้างเคียงจากการรับประทานยาเป็นเวลานาน หากคุณรับประทานยาเหล่านี้แล้วอาการยังไม่บรรเทาลง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรีบทำการรักษาให้ถูกต้อง
2.ฉีดยารักษาไมเกรน
หากคุณลองรับประทานยารักษาไมเกรนแล้วยังไม่ดีขึ้น แพทย์จะแนะนำให้ฉีดยาแก้ปวดไมเกรน โดยแพทย์จะฉีดโบทูลินัมทอกซินรอบๆ ศีรษะ โดยประมาณ 30 - 40 จุด ฉีดทั้ง 2 ด้านในปริมาณเท่าๆ กัน หากฉีดแล้วยังไม่บรรเทาลง แพทย์จะนัดให้มาฉีดยาแก้ปวดไมเกรน 2 ถึง 3 สัปดาห์
ซึ่งเป็นวิธีรักษาไมเกรนเรื้อรัง เพราะสามารถลดอาการปวดหัวได้มากถึง 50-75% ข้อดีของการรักษาไมเกรนด้วยการฉีดยาแก้ปวดไมเกรนคือ ช่วยคุณบรรเทาอาการปวดได้มากเลยทีเดียว ส่วนข้อเสียคือ ต้องฉีดต่อเนื่องหากอยากรักษาให้หายไว และมีค่าใช้จ่ายที่ราคาค่อนข้างสูง
3.ฝังเข็มรักษาไมเกรน
การรักษาไมเกรนด้วยการฝังเข็มรักษาไมเกรน ซึ่งเป็นวิธีมาจากแพทย์แผนจีน โดยจะฝังเข็มไปตามจุดต่างๆ ประมาณ 8 - 10 ครั้ง เพื่อให้เลือดลมในร่างกายของคุณจะได้ไหลเวียนสะดวกมากขึ้น แต่วิธีนี้แพทย์จะวินิจฉัยให้เหมาะสำหรับแต่ละบุคคล
ข้อดีของการรักษาไมเกรนด้วยการฝังเข็มรักษาไมเกรนคือ จะกระตุ้นระบบไหลเวียนมากขึ้น ส่วนข้อเสียคือ วิธีนี้ค่อนข้างใช้ระยะเวลานาน เพราะช่วยบรรเทาอาการให้ลดลงได้เพียงทีละเล็กน้อยเท่านั้น จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดขั้นรุนแรง
4.โบท็อกรักษาไมเกรน
การรักษาไมเกรนเรื้อรังอีกวิธีหนึ่ง คือ การฉีดโบท็อกรักษาไมเกรน โดยสารที่ฉีดคือ Botulinum toxin ชนิด A โบท็อกตัวนี้ ช่วยลดอาการปวดศีรษะไมเกรน และบรรเทาอาการกล้ามเนื้อแข็งเกร็งผิดปกตินอกจากจะช่วยรักษาไมเกรนและยังสามารถบำบัดผู้ป่วยโรคออฟฟิศซินโดรมได้อีกด้วย
ข้อดีของการรักษาไมเกรนด้วยโบท็อกรักษาไมเกรนคือ ช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ค่อนข้างเร็วรวด แต่ยังมีราคาที่ค่อนข้างสูง และมีเพียงบางคลินิกที่มีให้บริการ
ไมเกรนรักษาให้หายขาดได้ไหม
แม้ว่าในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีมากมาย แต่ก็ยังไม่สามารถรักษาไมเกรนให้หายขาดได้ มีเพียงแต่วิธีต่างๆ ช่วยบรรเทาอาการให้กับผู้ป่วยลงเท่านั้น ซึ่งการรักษาจะเน้นไปที่การบรรเทาอาการ และป้องกันไม่ให้อาการปวดไมเกรนกลับมา หากคุณรักษาไมเกรนด้วยวิธีเบื้องต้นแล้ว แต่อาการยังไม่บรรเทาลง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
แนะนำวิธีป้องกันโรคไมเกรน
แม้ว่าการรักษาไมเกรนอาจจะยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็มีวิธีต่างๆ ป้องกันโรคไมเกรนที่คุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองง่ายๆ ซึ่งมีวิธีดังต่อไปนี้
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน โดยนอนในห้องที่มืด เงียบสงบ เข้านอนไวกว่าปกติสักครึ่งชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่
- หากิจกรรมผ่อนคลายบ้าง เพื่อลดความเครียด เช่น เล่นโยคะ วาดรูป ฟังเพลง อ่านหนังสือ เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ยังช่วยให้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ
- ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
- หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่กระตุ้นให้เกิดการปวดศีรษะไมเกรน
รักษาไมเกรนที่ไหนดี
การเลือกใช้บริการกับศูนย์รักษาไมเกรน หรือ คลินิกรักษาไมเกรน เราก็แนะนำให้คุณเลือกแพทย์ที่มีความรู้เฉพาะทาง มีเทคโนโลยีที่ปลอดภัยทันสมัย มีใบรับรองจากมาตรฐานสากล คุณถึงจะได้รับการรักษาไมเกรนที่มีประสิทธิภาพ แก้ไมเกรนได้ตรงจุด
ข้อสรุป
การรักษาโรคไมเกรนนั้น สามารถทำได้เบื้องต้นด้วยตนเอง หากคุณลองปฏิบัติตามที่เรากล่าวไปเบื้องต้น ถ้าอาการขอคุณยังไม่ดีขึ้น แนะนำว่าให้คุณรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่ควรปล่อยเรื้อรังเป็นเวลานาน อีกทั้งหากคุณรักษาไมเกรนจนอาการดีขึ้นแล้ว คุณควรปฏิบัติตามวิธีป้องกันโรคไมเกรนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการป้องกันไม่กลับไปเป็นซ้ำอีกนั่นเอง