ดึงนักท่องเที่ยวได้แค่ไหน กับนโยบายรัฐ
โครงการดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยใหม่ล่าสุด กับการขยายระยะวีซ่าการอาศัยอยู่ในประเทศไทย
โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มที่เป็นเป้าหมายที่ประเทศไทยจะดึงดูดให้มาถือ LTR Visa ได้แก่
- กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง
- กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ
- กลุ่มผู้ที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย
- ผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ โดยจะให้สิทธิประโยชน์ ประกอบด้วย สิทธิพำนักในประเทศไทย 10 ปี สามารถใช้ช่องทางพิเศษ (Fast Track) ในการเข้าออกราชอาณาจักร ณ ท่าอากาศยานระหว่างประเทศ รายงานตัวทุก1 ปี (จากเดิมทุก 90 วัน) และไม่ต้องยื่นขออนุญาตกลับเข้ามาในราชอาณาจักร (Re-entry permit) อนุญาตให้ทำงานในประเทศไทย โดยลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือร้อยละ 17 สำหรับกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ และมีผู้ติดตามได้ 4 คน
หากวิเคราะห์จากกลุ่มนี้ บอกได้เลยว่าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยากเข้ามาพำนักในไทย อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งแนวคิดอันชาญฉลาดของรัฐบาล แต่ช่วยธุรกิจท่องเที่ยวได้จริงมั้ย เพราะความจริงประเทศเราต้องการนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยในวันพักผ่อน พวกเค้าเหล่านี้จะหอมเงินมาใช้จ่ายกันโดยไม่ได้คิดมาก
ยกตัวอย่างเช่น ยุโรป จะมีเทศกาลหยุดงาน 1เดือนในช่วง กรกฎาคม – สิงหาคม ในทุกๆปี กลุ่มนี้ก็จะรอเวลาเพื่อพักผ่อนอย่างเต็มที่ หรือวันหยุดยาวของประเทศจีนที่นักท่องเที่ยวจะชอบมาเมืองไทยกิน เที่ยวและซื้อของฝากกลับไป
ปัจจุบันหลังเปิดประเทศ กลุ่มโรงแรม สายการบิน ร้านค้าในสนามบิน หรือ ธุรกิจเล็กๆ ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าน่าแปลกที่มีนักท่องเที่ยวมาเพิ่มขึ้น แต่ฉไหนเงินไม่สะพัด รู้สึกเงียบเหงากว่าแต่ก่อน สิ่งที่หน้ากังวลใจคือ หากสายป่านด้านการเงินของพวกกลุ่มธุรกิจนี้หมดลงจะเป็นอย่างไร การเลิกจ้างงานจะเกิดขึ้นให้เห็นอีกครั้งหรือไม่ ภาครัฐควรเข้ามาดูแลในเรื่อง เงินสมทบช่วยเหลือ ทั้งกลุ่มลูกจ้างและนายจ้าง การมองไปถึงการเก็บค่าเช่า การขึ้นดอกเบี้ยของกลุ่มธนาคารต่างๆเพราะถ้าไม่ใช่รัฐบาลใครกันที่จะสามารถทำให้ประเทศไทยรอดจากวิกฤตินี้
ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเร็ววัน และประเทศไทยของเราคงไม่ต้องเจอกับวิกฤตโรคติดต่อใหม่ๆ หรือภัยจากธรรมชาติ ที่เรียกได้ว่าถ้าหลังจากนี้เราเจอวิกฤต เศรษฐกิจไทยคงไม่มีวันกลับมาแข็งแรงได้อย่างเดิม