แชร์(แฉ)ประสบการณ์โดนเอาเปรียบจากนายจ้างกัน
สวัสดีค่ะ คันปากยิบๆอยากเล่าและอยากถามค่ะ เราทำงานในสถาบันเสริมความงามแห่งหนึ่งค่ะ ที่ทำงานที่นี่รุ่นพี่เป็นคนแนะนำให้ค่ะ เพราะรุ่นพี่ทำพาทไทม์อยู่ที่นี่แล้วบอกว่าดี ที่สำคัญเค้าสนิทสนมกับพนักงานและเจ้าของกิจการ น้องที่นี่ก็น่ารักดี
แรกเริ่มเลยเราหยุดพักงานประมาณ1ปีค่ะ ด้วยเหตุผลเกี่ยวกับครอบครัว ช่วงที่หยุดคือเบื่อมาก คนเคยทำงานมาแล้วไม่ได้ทำ จิตตกจริงๆค่ะ จะเป็นบ้าเอา จนวันหนึ่งรุ่นพี่แนะนำที่ทำงานที่ใหม่ให้ บอกที่นี่เหมาะกับเรามาก เราดี๊ด้าจริงๆ อยากทำมาก ทำก็เลยทำเรซูเม่แล้วส่งมาให้ที่คลินิก จนกระทั่งทางคลินิกนัดสัมภาษณ์กับเจ้าของคลินิกทางซูม เพราะเราอยู่ต่างจังหวัด ทีนี้ก็มีการถามเรื่องรายได้ที่เราต้องการ เรามีประสบการณ์งานด้านนี้มาแล้วประมาณ3ปี (แต่ไม่ใช่เกี่ยวกับธุรกิจคลินิกเค้า) มีไลเซนส์ มีใบเซอร์ที่หน่วยงานเก่าส่งไปเรียนและที่เราจ่ายไปเองก็มี
และด้วยเพราะเราหยุดงานไป 1 ปี เราเลยเรียกไป18,000 (ช่วงทดลองงาน หลังจากนั้นเพิ่มตามความสามารถ) เพราะเราก็เห็นว่าใบเซอร์ที่เรามีมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรมากกับธุรกิจเค้า คิดแค่ว่าขอให้ได้ออกไปทำงานเถอะ เดี่ยวที่เหลือค่อยหาข้างนอกเอาเพิ่มเติม ทางคลินิกเค้าก็บอกขอไปคุยกันก่อน ว่าจะยังไง เราก็โอเค และคิดว่าคงไม่ได้ แต่ตกมาอีกวัน หนึ่งในหุ้นส่วนเค้าติดต่อกลับมาแล้วบอกว่ารับเข้าทำงาน พอคุยรายละเอียดแล้วกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ เค้าดันสนิทกับรุ่นพี่เราด้วย เค้าบอกทำงาน 8 โมงถึง 2 ทุ่ม สัปดาละ 6 วัน วันหยุดนักขัต 13 วันต่อปี ลาพักร้อน 10 วันต่อปี แต่อารมณ์ตอนนั้นคิดว่าทำไงก็ได้ขอให้ได้ออกไปทำงาน เค้าให้เพิ่มจากที่เรียกมาอีก 1,500 เราก็อะเคร เอาไว้ก่อนละกัน
พอเริ่มทำงาน เพื่อนร่วมงานดีเวอร์อะในครั้งแรกที่เจอ หัวหน้าก็ใจดี ก็ทำงานเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอหนึ่งในหุ้นส่วนของเค้า ซึ่งก็เป็นแพทย์ในที่นี่ มาถึงก็เรียกเราไปคุยส่วนตัวด้วยสีหน้าตึงเครียดและน้ำเสียงที่....."ขู่" ตำหนิตั้งแต่หัวถึงเท้า เราก็ตายๆ จะอยู่รอดไหม แต่เราลงทุนมาเยอะทนๆปล่อยผ่านไปและไปทำตามที่เค้าต้องการ "ได้ค่ะ เดี่ยวจะแก้ไขค่ะ ขอโทษค่ะ" พูดอยู่แค่นี้จริงๆ 555555 และช่วงทำงานแรกๆมันก็เหมือนต้องปรับตัว เรียนรู้โพรเซสของคนไข้เค้า เรียนรู้บริการเค้ามีอะไรบ้าง จากที่เราอยู่แต่กับคนไข้เบาหวาน ความดัน ไขมันอะ มันก็คือความรู้ใหม่ โชคดีเป็นคนหัวไวปรับตัวได้ทันภายใน1อาทิตย์
ทีนี้มาดูที่จ๊อบงาน ตอนแรกคุยเรื่องการเตรียมเครื่องมือสเตอไลซ์เราก็โอเคทำให้ได้ แต่ที่ไหนได้ให้ทำไปจนถึงปัดกวาดเช็ดถูเลยจ้า แล้วสมัครเข้ามาไม่ใช่ตำแหน่งเด็กน้อยเริ่มงานใหม่ด้วยนะ แม่บ้านก็ไม่มี ไม่มีแบ่งเวรด้วยนะ
มาตั้งแต่แปดโมง มาคนแรก แต่คนอื่นมาอีกช่วงเวลาหนึ่ง น้ำตาตกเลยไม่เคยเจอแบบนี้ งงมาก แต่สู้ทนเพราะลงทุนย้ายมาที่นี่เยอะ คิดไว้ว่าเดี่ยวขยับขยายเอา เดี่ยวหาที่ใหม่ไปเอา น้องที่ตำแหน่งต่ำกว่าแต่อยู่นานก็ไม่ให้ความสำคัญเลย อ้างเจ้าของคลินิกตลอด ถ้าโดยเรื่องส่วนตัวน้องๆเป็นคนน่ารักนะ แต่พอทำงานไม่ไหวจริงๆ ชอบข้ามหน้าข้ามตา ชอบฟ้องกันเองเอาหน้า แต่พอปล่อยให้ทำงานเองเละเป็นอึหมาที่ท้องเสียเลย ที่มองแล้วดีๆมีสองสามคนจากจำนวนคนเป็นสิบ จ๊อบงานคือแม่บ้านยันผู้จัดการจริงๆ ส่วนเรื่องเวลาพักคือ....ไม่มีจ้า ไม่มีเวลาตายตัว สลับกนัไปกินข้าวเอาเลย 5555555
พอทำได้สองสามเดือนได้งานที่ใหม่ เป็นหน่วยงานรัฐ แต่เป็นลูกจ้าง เราก็พร้อมทำตามกฎคือเขียนใบลาออก 30 วันให้เค้าหาคนใหม่มา แต่....เค้ายื้อ เพิ่มเงินให้ ขอให้ช่วย จะรับคนใหม่มาช่วยเพิ่ม เราก็เลยสู้อีกรอบ ทนอยู่ไปห้าเดือนจุกๆ น้ำหนักหายไปห้ากิโล เพราะเลิกงานดึก ช่วงกินข้าวพักเที่ยงก็ไม่ค่อยอยากกิน เพราะพะวงหน้าพะวงหลัง สุขภาพจิตมาเสียอีก เพราะหมอดูไม่ค่อยปกติ เคยตอบรับคำสั่งแบบ "ค่ะ ค่ะ ได้ค่ะ" เค้ากลับถามกลับ "ค่ะๆที่พูดนี่หมายความว่าอะไร" เคยทำผิดพลาดไหมยอมรับเราเคย แต่เรา "ขอโทษค่ะ จะไม่ให้เกิดอีก" แต่สิ่งที่เราทำพลาดไปเพราะเราทำตามออเดอร์แพทย์ที่ได้แพลนไว้ครั้งก่อนไง ไม่ได้พลาดเพราะทำนอกเหนือคำสั่งเลย ทั้งๆที่ทำตามคำสั่งแล้วแต่ไม่มีโอกาสจะพูด เพราะถ้าพูดคือเถียง ประสาทจะกิน ไหนจะมาเจอน้องๆฟ้องกันอีก คนไข้เงียบก็โดนฟ้อง คนไหนอยากได้หน้าก็ฟ้องเอาๆ เห้อ....พอกันทีลาออกจ้า ทำงานวงการนี้มาพึ่งเคยเจอ สังคมแบบนี้นึกว่าจะมีแต่สมัยทำงานร้านอาหาร ไม่คิดว่าจะมีกับกลุ่มทำงานวิชาชีพ
แล้วทุกๆคนมีประสบการณ์เลวร้ายสุดๆที่เคยเจอมาอย่างไรบ้างคะ