วิวาห์เลี้ยงเดี่ยว ตอนที่ 1 มรสุมชีวิต (4)
เรื่องนี้อัปไม่จบนะคะ อัปให้อ่านเป็นตัวอย่างถึงตอนที่ 13 เท่านั้น
Ebook ฉบับสมบูรณ์มีให้ดาวโหลดแล้ว
อ่านล่วงหน้าที่เว็บอื่น ๆ
ธัญวลัย : https://www.tunwalai.com/story/604304
เด็กดี : https://writer.dek-d.com/kesmani/writer/view.php?id=2271834
Readawrite : https://www.readawrite.com/a/5e596cf1b2c61bcfe164112da000b3a2
+++++++++
“ไม่เอา เดี๋ยวฉันจ่ายเอง” มัตสยารีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธหน้าตาตื่น ไม่คิดว่าเพื่อนรักจะช่วยเธอมากมายขนาดนี้ ซึ่งเธอคิดว่ามันมากเกินจะรับไว้ได้
“เล็กน้อยน่า แกช่วยฉันกับน้องนาเดียร์มากกว่านี้อีก อย่าเกรงใจเลย” ญารินดาโอบไหล่กอดกระชับเพื่อนรักอย่างไม่คิดว่าเรื่องที่ตัวเองเสนอไปมันจะมากมายอะไร
“แต่ว่าพี่แดน...” มัตสยาเอ่ยอย่างเป็นกังวล กับญารินดาก็ยังพูดได้ว่าเป็นเพื่อน แต่กับแดนไท แม้จะรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย แต่ยังไงในความเป็นจริงเธอก็ยังถือว่าเป็นคนอื่นสำหรับชายหนุ่มอยู่ดี กลัวว่าเรื่องนี้จะมาทำให้ผัวเมียเขาทะเลาะกัน
“พี่เขาแหละที่ออกปากเองว่าจะจ่ายเงินเดือนพี่อ้อยให้แก พี่แดนเขาอยากตอบแทนแกกับทุกคนมาก ๆ เลยนะ รับน้ำใจเขาไว้เถอะ” ญารินดาตบที่หลังมือเพื่อนรักพร้อมกับพยักหน้ายิ้ม ๆ ย้ำให้รู้ว่านี้คือสิ่งที่เธอสมควรได้รับมันอย่างแท้จริง
“ขอบใจแกกับพี่แดนมาก ๆ เลยนะ พวกแกดีกับฉันมากจริง ๆ บุญคุณนี้ฉันจะไม่ลืมเลย แต่ยังไงฉันก็ให้เธอจ่ายให้ตลอดไปไม่ได้หรอก จ่ายแค่เดือนแรกนี้ก็พอ” มัตสยาบอกเพื่อนรักอย่างเกรงใจ
“ไม่พอ” ญารินดาส่ายหน้า
“น่า เดือนหนึ่งก็เยอะแล้ว เดือนต่อไปฉันมีเงินเดือนก็จ่ายเองได้แล้ว”
“สามเดือน ไม่ต้องต่อรองเลยนะ เดือนเดียวแกจะทันได้ตั้งตัวอะไร โอเค” ญารินดาบอกเสียงเข้ม
“อื้อ ก็ได้ ขอบใจแกมาก ๆ เลยนะ ไม่ได้แกกับพี่แดนฉันคงตายอย่างเขียดแน่ ๆ” มัตสยากอดเพื่อนรักอย่างซึ้งในน้ำใจ ที่ชาตินี้จะหาคนที่มีน้ำใจกับเธอมากขนาดนี้ได้ที่ไหนอีก
“แล้วเรื่องงานล่ะเป็นไง”
“บริษัทใหญ่โตมาก ใหญ่กว่าบริษัทเก่าฉันมาก ๆ ฉันงี้ตื่นเต้นเลย แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี คิดไว้ว่าถ้าไม่ได้ที่นี่จะไปสัมภาษณ์อีกทีที่โทรมานัดสัมภาษณ์มะรืนนี้”
“เพื่อนฉันเก่งอยู่แล้ว อยู่นานไม่ได้ใช่ไหม”
“อื้อ ฝากแม่ดูให้ โทรหาตอนก่อนจะออกจากบริษัทบอกว่ายัยหนูหลับอยู่” ถึงจะถามไปแล้วจนตอนนี้ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ ทั้งที่อยากอยู่เม้าท์มอยกับญารินดาต่อนานแต่ก็ทำไม่ได้
“จะให้พี่อ้อยไปด้วยเลยไหม”
“ไปเลย พรุ่งนี้ฉันต้องไปเริ่มงานแล้ว ได้ใช่ไหมคะพี่อ้อย” หญิงสาวหันไปถามหญิงวัยน่าจะสี่สิบปลาย ๆ อย่างเกรงใจเพราะทุกอย่างเหมือนจะกะทันหัน
“ได้ค่ะ”
“งั้นพี่ไปเตรียมตัวเถอะนะคะ”
“ค่ะ” รับปากแล้วก็รีบเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง เพื่อเตรียมเก็บข้าวของไปอยู่ที่บ้านนายจ้างคนใหม่
“แล้วน้องนาดาล่ะ” ญารินดาพยักพเยิดไปยังเปลที่อยู่ในโซนหนึ่งของบ้านที่เธอทำเป็นโซนของลูก ๆ ที่มีทั้งของเล่นเพื่อความสนุกและของเล่นเสริมจินตนาการ
มัตสยาลุกขึ้นเดินไปส่องแล้วยิ้มอย่างเอ็นดูในความน่ารักน่าชังของหลานที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ในเปล “อดขยำเจ้าก้อนเนื้อนุ่มนี้เลย” หญิงสาวพูดยิ้ม ๆ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โซฟาเพื่อคุยกับญารินดาต่อระหว่างรอพี่อ้อยไปเก็บของ
ไม่นานพี่อ้อยก็กลับมาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าเพียงใบเดียว “พร้อมแล้วค่ะ”
“งั้นฉันกลับก่อนนะแก ไว้ว่าง ๆ จะแวะมาเล่นด้วย” มัตสยาลุกขึ้นสะพายกระเป๋าพร้อมกับบอกลาเพื่อนรักที่เป็นธุระจัดการให้เธอทุกอย่างจนผ่านไปได้ด้วยดี
“อื้อ ขอให้พรุ่งนี้แกเจอเจ้านายที่ดีนะ” ญารินดาอวยพร เพราะแม้จะเป็นบริษัทที่แดนไทแนะนำมาแต่เธอก็ไม่รู้เลยว่าคนที่มัตสยาจะได้ทำงานด้วยเป็นคนยังไง
“สาธุ เจ้านายดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” มัตสยายกมือไหว้ท่วมหัวขำ ๆ
“เจอผู้ชายใหม่ด้วยนะ” ญารินดาพูดสัพยอก
“ถ้ามีเวลานะ” มัตสยาบอกอย่างไม่ได้หวังอะไรอย่างที่ญารินดาว่ามาเลย เพราะงานเลขาฯ เป็นงานที่ตัวติดกับเจ้านายตลอด ยิ่งทำงานกับประธานบริษัทใหญ่ขนาดนี้คงหนักและยุ่งกว่าที่เธอเคยทำมาแน่นอน
ผู้ชายเหรอ ที่จะได้เจอคงมีแต่ท่านประธานล่ะมั้ง
“ไปล่ะ ไว้เจอกัน”
“จ้า โชคดีนะ” ญารินดาโบกมือยืนมองเพื่อนที่เดินไปขึ้นรถพร้อมกับพี่อ้อยแล้วได้แต่ภาวนาให้จากนี้ไป ขอให้เพื่อนของเธอได้เจอแต่สิ่งดี ๆ และคนดี ๆ เข้ามาในชีวิตทีเถอะ