ร็อด..สิ่งมีชีวิตลึกลับมันคืออะไร จะปรากฏตัวจับภาพได้ด้วยกล้องที่มีความเร็วสูง เชื่อว่าหลังที่มันปรากฏตัวแล้ว สถานที่นั้น ๆ จะพบกับเหตุวิบัติต่าง ๆ
😬ร็อด..สิ่งมีชีวิตลึกลับมันคืออะไร จะปรากฏตัวจับภาพได้ด้วยกล้องที่มีความเร็วสูง เชื่อว่าหลังที่มันปรากฏตัวแล้ว สถานที่นั้น ๆ จะพบกับเหตุวิบัติต่าง ๆ
🥺ร็อดสิ่งมีชีวิตลึกลับมีทฤษฎีสมคบคิดต่างๆที่ออกมาแสดงความคิดบ้างก็ว่าเป็นแมลงหรือว่าเป็นสัตว์ที่มาจากอินมิติหนึ่ง บ้างก็ว่าอาจจะเป็น ufo เอเลี่ยนมนุษย์ต่างดาว หรือแม้ภาพสลักหินอายุราว 1,000 ปี ที่อาร์เจนตินา มีรูปของสิ่งที่มีลักษณะใกล้เคียงกับร็อด
..แต่ก็ต้องยอมรับนะครับว่ามันเป็นปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดที่เกิดบนโลกนี้ ส่วนนักวิทยาศาสตร์หรือใครๆที่มีส่วนรู้เห็นหรือนักถ่ายภาพต่างๆก็ต้องหาข้อพิสูจน์ให้ได้ว่ามันคือตัวอะไรกันแน่
เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะครับ
👉🏾ร็อด หรือ ร็อดส์ (อังกฤษ: rod, rods) สิ่งมีชีวิตลึกลับที่ยังไม่มีการยืนยันว่ามีจริงหรือไม่ คืออะไร แต่เชื่อว่ามักจะปรากฏตัวตามสถานที่ต่าง ๆ และสามารถจับภาพได้ด้วยกล้องที่มีความเร็วสูง และเชื่อว่าหลังที่มันปรากฏตัวแล้ว สถานที่นั้น ๆ จะพบกับเหตุวิบัติต่าง ๆ เสมือนหนึ่งว่า ร็อด ได้มาเตือนให้ทราบล่วงหน้าก่อน
🦋ผีเสื้อกลางคืนเล่นไฟ เมื่อถ่ายภาพออกมาทำให้เชื่อว่าเป็นร็อด
ลักษณะ
👉🏾ร็อดมักถูกบรรยายว่ามีลำตัวทรงกระบอก มีความยาว 1–6 ฟุต บินด้วยความเร็วประมาณ 135–200 ไมล์ต่อชั่วโมง และอาจมีปีกหลายชุดหรือมีเยื่อปีกบาง ๆ ตลอดลำตัว บินเป็นเส้นตรงหรือทแยงมุมเหมือนขีปนาวุธด้วยความเร็วสูงจนไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
🌠เป็นที่รู้จัก
ร็อด เป็นที่รู้จักเป็นครั้งแรกเมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 1994 จากโฮเซ เอสกามียา โดยนำรูปถ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่ได้ไปถ่ายรูปที่ทะเลทราย ในรัฐนิวเม็กซิโก และติดภาพร็อด นำออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงท้องถิ่น จากนั้นเอสกามียาได้จัดทำเว็บไซต์เกี่ยวกับร็อดขึ้นมา และจากนั้นร็อดก็ค่อย ๆ เป็นที่รู้จักมากขึ้น
👉🏿ซึ่งเอสกามียาได้รวบรวมภาพถ่ายของร็อดได้มากกว่า 2,000 ภาพจากทั่วโลก และอ้างว่าร็อดปรากฏบนโลกมานานแล้ว โดยมีภาพถ่ายในปี ค.ศ. 1910 ที่ฝรั่งเศส ระหว่างการแข่งขันรถยนต์ ที่มีลำตัวทรงกระบอก แม้จะมีการแย้งจากผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ว่าร็อดอาจจะเป็นเพียงแมลงหรือนกที่ทำให้ถูกบิดเบือนจากการถ่ายภาพ แต่เอสกามีญาแย้งว่า มีภาพของร็อดจำนวนมากที่ปรากฏในที่ที่สัตว์ไม่อาจจะอยู่ได้ เช่น ภาพของร็อดที่บินฝ่าพายุทอร์นาโดระดับเอฟ 5 ซึ่งเป็นระดับรุนแรงสูงสุด ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1999 ที่โอคลาโฮมาซิตี เป็นต้น
ซึ่งผู้ที่ถ่ายภาพของร็อดได้อ้างว่ามองไม่เห็นขณะที่กำลังถ่ายภาพ แต่สังเกตเห็นหลังจากที่ถ่ายภาพได้แล้ว นอกจากนี้แล้วยังมีภาพที่เชื่อว่าเป็นร็อดที่โผล่มาจากทะเลด้วย โดยชาวประมงที่นอร์เวยเมื่อเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1957 ด้วยฟิล์มขนาด 35 มิลลิเมตร
👉🏾ภาพสลักหินอายุราว 1,000 ปี ที่อาร์เจนตินา มีรูปของสิ่งที่มีลักษณะใกล้เคียงกับร็อด และปรากฏหลักฐานที่เกี่ยวกับร็อดในยุคสมัยใหม่ที่เก่าสุด ตามรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ในครอฟอร์ดวิลล์ รัฐอินดีแอนา ในปี ค.ศ. 1891 ว่าชายสองคนเห็นสิ่งหนึ่งบินผ่านเหนือโรงปศุสัตว์พวกเขา ในเวลาประมาณ 02:00 น. เขาบรรยายว่า มันเป็นสัตว์ประหลาดที่ดูเหมือนไม่มีหัวหรือหาง ยาวประมาณ 20 ฟุต กว้าง 8 ฟุต ขับเคลื่อนด้วยครีบที่ติดอยู่ เรียกกันว่า "สัตว์ประหลาดบนฟ้า" และเล่ากันว่าว่ายผ่านอากาศไป
👉🏾นอกจากภาพถ่ายแล้ว ยังมีผู้บันทึกภาพเคลื่อนไหวหรือภาพวิดีโอของร็อดได้ด้วย เช่น ในวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 2002 นักถ่ายภาพท้องถิ่นคนหนึ่งถ่ายวิดีโอการขึ้นลงของเครื่องบินภายในสนามบินนานาชาติอัลบานี ในรัฐนิวยอร์ก ก็พบเห็นสิ่งที่คล้ายร็อดบินผ่านหน้ากล้องไปเพียงไม่กี่เฟรมระหว่างที่ทำการตัดต่อเทป เมื่อปรากฏเป็นข่าว วิดีโอชุดนี้เอฟบีไอได้ทำการยึดเอาไปตรวจสอบ เพราะเป็นเหตุการณ์หลังจากเหตุการณ์ 911 ไม่นาน เนื่องจากเรดาร์สนามบินไม่สามารถตรวจพบเจอ รวมถึงมีการบันทึกภาพร็อดบินเหนือน่านฟ้ากรุงแบกแดกได้ ในช่วงสงครามอิรัก ค.ศ. 2003 และมีการบันทึกภาพวิดีโอร็อดได้ขณะมีผู้กำลังทำการดิ่งพสุธาสู่ถ้ำแห่งหนึ่งในเม็กซิโก เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1996 ซึ่งผู้ที่ทำการบันทึกและดิ่งพสุธานั้นยืนยันว่า ขณะนั้นเขาไม่เห็นร็อดจริง ๆ ซึ่งภาพชุดนี้ถือได้ว่าเป็นภาพร็อดที่สมบูรณ์มาก ๆ เพราะมีร็อดปรากฏอยู่อย่างน้อยสามตัว อีกทั้งยังมีนกและแมลงอีกด้วย
👉🏿จึงสามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ อีกทั้งยังมีภาพวิดีโอของที่สิ่งที่เหมือนกับร็อดบินเข้าไปในถ้ำ โดยผ่านข้างชายคนหนึ่ง ที่ปากถ้ำแห่งหนึ่งในจีน เมื่อปี ค.ศ. 2005 ภาพนี้มีรายละเอียดที่ต่างออกไปจากร็อดที่เห็นกันส่วนใหญ่ เพราะดูว่าจะไม่ได้บินเป็นเส้นตรง แต่โค้งลงไปในถ้ำ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนกและนักเลี้ยงนก ได้ร่วมกันพิจารณาภาพวิดีโอนี้แล้ว ลงความเห็นว่ามีลักษณะคล้ายกับนกฮัมมิงเบิร์ด หากแต่นกฮัมมิงเบิร์ดนั้น เป็นนกที่มีเฉพาะในทวีปอเมริกา ทั้งอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ไม่มีในทวีปเอเชีย และนกฮัมมิงเบิร์ดก็ไม่น่าจะอาศัยอยู่ในถ้ำ รวมถึงไม่น่าจะใช่แมลงด้วย เพราะชายคนดังกล่าวไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีอะไรบินผ่านข้างตัวเขา
👉🏿โดยร็อดตัวนี้ได้มีการประเมินแล้วพบว่า มีความเร็วในการบินที่ 30 ฟุตต่อวินาที หรือ 20.4 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งอยู่ในขอบข่ายของนกหรือแมลง หรือค้างคาวบินได้ แต่ทว่าทั้งหมดก็ไม่มีสัตว์ตัวใดที่มีปีกสามชุดเหมือนดังนี้
😬ผู้เชี่ยวชาญเรื่องอากาศพลศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยไอโอวา ได้ทำการทดสอบเรื่องของร็อดร่วมกับนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ด้วยการสร้างวัตถุที่คล้ายกับร็อดขึ้นมาสองชิ้น ชิ้นแรกเป็นวัตถุที่ทำจากวัสดุที่มีความนุ่ม และนำไปทดสอบในอุโมงค์ลม พบว่าประสิทธิภาพในการบินนั้นสู้วัตถุที่มาจากวัสดุที่มีความแข็งไม่ได้
การอธิบาย
🌀ปัจจุบัน เรื่องของร็อดได้กลายเป็นทฤษฎีสมคบคิดไปอย่างหนึ่ง มีผู้ที่เชื่อไปต่าง ๆ นานา บ้างก็เชื่อว่า ร็อดอาจจะเกี่ยวข้องกับจานบินหรือมนุษย์ต่างดาว หรือเป็นปฏิบัติการทางทหารที่รัฐบาลไม่อยากให้ประชาชนรับรู้
หรือแม้แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากอีกมิติหนึ่ง เช่น มิติที่สี่ เป็นต้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเรื่องชีวกลศาสตร์ของแมลงและบรรพชีวินวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเอ็กซิเตอร์ เห็นว่าร็อดมีรูปร่างคล้ายกับแมลงในยุคก่อนประวัติศาสตร์อายุราว 360 ล้านปี ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของแมลงในยุคปัจจุบัน และเป็นแมลงบินได้ยุคแรก คือ พเทอเทอโรเกส
👉🏿ซึ่งจะบินร่อนไปโดยใช้ปีกเล็กเพื่อปรับการตกให้สมดุล แต่พเทอเทอโรเกสก็ไม่น่าจะอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน และเป็นสัตว์ที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายรูปร่าง ซึ่งทำให้ไม่สามารถบินได้ดีนัก อีกทั้งแมลงทั้งหมดในยุคปัจจุบันก็ไม่มีชนิดใดที่มีปีกสามชุด ซึ่งจากภาพรวมถึงวิดีโอของร็อดทั้งหมดที่เขาได้เห็น พบว่าไม่มีภาพใดตรงกับแมลงเลย อีกทั้งเขาเห็นว่าสิ่งที่เชื่อว่าเป็นร็อดนั้นไม่กระพือปีกเลยด้วยซ้ำ
👉🏿😄วิศวกรด้านกล้องถ่ายรูปของพานาโซนิค เชื่อว่าภาพถ่ายหรือวิดีโอที่ติดร็อดนั้นอาจจะมาจากการเคลื่อนที่หรือกระพือปีกของสิ่งต่าง ๆ เช่น นกหรือแมลง ที่ถูกบิดเบือนของกล้องเอง ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าของมนุษย์ เช่น กล้องซีซีดีที่มีความเร็วมากกว่า 60 ช็อตต่อวินาที ซึ่งเวลานกหรือแมลงกระพือปีกก็จะถูกบันทึกไว้ด้วยความเร็วสูงของกล้อง จนทำให้เกิดภาพต่อเนื่องขึ้นและกลายเป็นรูปร่างของสิ่งที่คล้ายร็อดไป
สรุปตอนจบ rods สิ่งมีชีวิตลึกลับ ไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไรกันแน่ แต่เราก็ตั้งสมมติฐาน เอาว่ามันต้องเป็นสิ่งที่ธรรมชาติได้สร้างสรรค์แน่นอน เพราะมันเห็นได้แล้วพิสูจน์ได้เพียงแต่เรายังไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไรแต่เราก็ตั้งสมมติฐานต่างๆนานากันไปจนกว่านักวิทยาศาสตร์จะพิสูจน์ได้เท่านั้นเอง
ลองชมคลิปประกอบบทความนี้นะครับ
อ้างอิงจาก: วิกิพีเดีย google และ YouTube