หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

คุณไสย "ผ่าจ้าน" คน มนต์ดำ ตัดสวาท เป็นความเชื่อของชาวล้านนา

โพสท์โดย Man

คุณไสย "ผ่าจ้าน" คน มนต์ดำ ตัดสวาท
เป็นความเชื่อของชาวล้านนา

ผ่าจ้านคน มนต์ดำตัดสวาท
(เป็นความเชื่อของชาวล้านนา โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

ผ่าจ้านคน มนต์ดำตัดสวาท
ก็พูดให้ถูกต้องก็คือคุณไสยชนิดหนึ่งเช่นการทำเสน่ห์ยาแฝดทำให้ผัวรักผัวหลงครับแต่มันเป็นความเชื่อของชาวล้านนา คำว่าผ่าจ้านคืออะไร และ มีคุณลักษณะพิเศษอย่างไรเกี่ยวกับด้านคุณไสย

เดี๋ยวเรามาดูรายละเอียดกันเลยนะครับจะมีทั้งตำนานและประวัติอ้างอิง

👉🏿เราต้องมาทำความเข้าใจคำว่าไสยศาสตร์กันก่อน
ไสยศาสตร์ หมายถึง วิชาทางไสย อันเป็นลัทธิเกี่ยวกับเวทมนตร์คาถาที่เชื่อว่ามาจากศาสนาพราหมณ์ โดยเฉพาะจากคัมภีร์อถรรพเวท การสมาธิ การลงเลขยันต์ ที่มีพิธีเพื่อให้เกิดสิริมงคลป้องกันอันตรายต่อตนเองหรือทำอันตรายต่อผู้อื่น

👉🏿อิทธิฤทธิ์ของมนต์ดำที่คนเมืองเรียกว่า “ผ่าจ้าน” ผ่านพิธีกรรมและเครื่องรางหลายประเภท ทั้งตะกรุดยันต์ เทียนขี้ผึ้ง หรือหุ่นปั้น มีอำนาจลึกลับถึงขั้นทำให้ชาย – หญิงที่เคยรักใคร่ ต้องพรากจากกันได้จริงหรือ??

อะไรคือ “ผ่าจ้าน” ? สังคมล้านนายุคใหม่อาจจะหลงลืมคำนี้ไปนานแล้ว หลายคนไม่รู้จัก แต่ก็ยังพอมีบางคนที่เข้าใจว่า “ผ่าจ้าน” คือมนต์ดำที่ใครก็ตามที่กระทำเข้าไปแล้วจะมีแต่การจากพราก เบาะแว้ง และเต็มไปด้วยทุกข์!!

ขนบธรรมเนียมเรื่องคุณไสยในล้านนามีปรากฎเป็นหลักฐานไว้หลายกรณีแต่ที่เล่าขานกันมาสืบต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันเห็นจะไม่มีตำนานไหนร่ำลือเด่นชัดเท่ากรณีของ

👉🏿พระนางจามเทวีใช้ชายผ้าถุงพันรอบหมวกให้ขุนหลวงวิลังคะใส่ และใช้เหล้าใส่กระบอกลอดหว่างขาเพื่อข่มคาถาอาคม ทำให้ไม่สามารถพุ่งหอกไปถึงนครลำพูนได้หรือในตำนานสิบห้าราชวงศืตอนพระยาร่วมจำแลงกายหลบหนีการจับกุมและตอนพระเจ้าติโลกราชสามารถจับตัวหมอไสยศาสตร์ที่เข้ามาทำพิธีได้ ไปจนถึงยันต์เทียนของกษัตริย์เชียงใหม่ที่ปรากฎอยู่ในสมัยพระเมืองแก้ว ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ.2503 – 2064

โดยการสู้รบกับพม่า นอกจากจะใช้กำลังทหารแล้วยังใช้พลังไสยศาสตร์ ทำให้ไม่เสียเมืองแก่พม่าอีกด้วย

👉🏿ไพฑูรย์ พรมวิจิตร จากสถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศึกษาเรื่องยันต์ล้านนาระบุว่า ไสยศาสตร์ คือศาสตร์ที่ว่าด้วยการใช้พลังลึกลับให้เกิดประโยชน์แก่คน ทั้งทางสร้างสรรค์และทำลาย เป็นศาสตร์ว่าด้วยพลังของเวทย์มนต์และคาถาอาคม ตลอดถึงเครื่องรางของขลัง คนไทยน่าจะได้ศาสตร์นี้มาจากอาถรรพเวทของอินเดียและพุทธศาสนาแบบตันตระในยุคหลัง

ไสยศาสตร์มีทั้งขาวและดำ มีการกระทำทั้งสร้างสรรค์และทำลาย มักกระทำเลียนแบบของจริง โดยอาศัยหลักการเปรียบเทียบความคิด เช่น เมื่อชายต้องการให้หญิงรักตน อาจไปว่าจ้างหมอไสยศาสตร์ให้นำดินเหนียวมาปั้นหญิงและชายหันหน้าเข้าหากันและมัดติดกัน เสกคาถาแล้วนำไปฝังไว้ใต้บันไดบ้านหญิงสาว และเชื่อว่าหญิงจะรักชายทันที หรือในทางตรงกันข้าม ต้องการกระทำสิ่งร้ายต่อบุคคลใด ก็ทำหุ่นและสาบแช่งเข็มแทง ตัดคอ เผาไฟให้บุคคลนั้นตายในสามวันเจ็ดวันเป็นต้น

นอกจากการใช้คาถาอาคมเพื่อข่มหรือทำลายแล้ว ในล้านนายังมีความเชื่อและพิธีกรรมปรากฏออกมาในรูปการใช้ยันต์เทียนตะกรุดและผ้ายันต์ที่หลากหลาย รวมทั้งยันต์และพิธีผ่าจ้านด้วย

👉🏿ศัพท์ “ผ่าจ้าน” ออกสู่สาธารณะผ่านภาพความทรมานในการพรากลูกช้างออกจากอกแม่ แต่คำว่า “ผ่าจ้าน” อันหมายถึงการทำให้แยกออกจากกันนั้น มิได้จำกัดเพียงเฉพาะช้างหรือสัตว์นั้น กับ “คน” ก็มีพิธีกรรมนี้ และไม่ได้ตีกรอบเฉพาะการพรากลูกออกจากแม่

ตรงกันข้าม การผ่าจ้านคน กลับมีข้อห้ามในเรื่องของการแยกแม่จากลูก แยกพี่จากน้องเสียด้วยซ้ำ หรือแม้แต่กับผัว–เมีย พิธีกรรมอันผสานกลมกลืนอย่างแยกไม่ออกกับวิถีพุทธ ยังมีคุณธรรมกำกับมิให้กระทำการผ่าจ้านความสัมพันธ์ทางสายเลือดและครอบครัวมิเช่นนั้นจะเป็นบาปหลวง

พระชื่อดังรูปหนึ่งในวัดกลางเมืองเชียงใหม่เล่าว่า การผ่าจ้านยังคงมีอยู่ในสังคมอยู่บ้าง เป็นพิธีกรรมที่เหมือนจะเป็นการปลดทุกข์ทางใจให้กับหญิงที่สามีนอกใจไปมีเมียใหม่ หากคนเป็นเมียหลวงมาขอให้หมอผ่าจ้านทำพิธีแยกผัวออกจากเมียน้อยกลับมาอยู่กับครอบครัวเดิม อาจมีเหตุผลเพียงพอต่อการประกอบพิธี แต่หากเมียน้อยมาขอให้แยกผัวออกจากเมียเก่า หมอที่มีคุณธรรมมักจะปฏิเสธ

แต่ทุกกติกาย่อมมีผู้แหกกฎ บางทีอามิสสินจ้างก็สามารถลบล้างคุณธรรมได้ ผ่าจ้านจึงกลายเป็นมนต์ดำ ที่เมียน้อยอาจใช้เป็นที่พึ่งเพื่อแย่งชิงของรักของผู้อื่นมาเป็นของตัว หรือพี่น้องต้องการแยกจากกันเพราะแคลงใจเรื่องมรดก ซึ่งถือเป็นการทำบาปใหญ่บาปหลวงถึงขั้นหมอผ่าจ้านจะต้องมีพิธีอีกพิธีหนึ่งขึ้นมาให้ผู้ว่าจ้างรับผลบาปของการกระทำนั้นตกอยู่แต่ที่ตัวเอง มิใช่ที่หมอและก่อนจะประกอบพิธีจะต้องมีการตรวจดูดวงชะตาของบุคคล ๆ นั้นด้วย หากเป็นผู้มีดวงแข็ง ทำผ่าจ้านไม่สำเร็จ มนต์ดำนั้นจะกลับมาถึงตัวผู้ว่าจ้าง ให้กลายเป็นคนบ้าใบ้เสียสติไปถึงขั้นนั้น

👉🏿สนั่น ธรรมมิ นักล้านนาคดีแห่งเมืองเชียงใหม่ เล่าถึงวิธีทำผ่าจ้านคนของล้านนาว่า มีลักษณะของการทำยันต์เทียนลงอักขระเขียนยันต์เป็นรูปหุ่นหญิงและชายเขียนชื่อและวันเดือนปีเกิดของแต่ละคนไว้

โดยเขียนชื่อหญิงไว้ที่หุ่นหญิง ชื่อชายไว้ที่หุ่นชาย บางหมอให้นำเศษเล็บ เศษผม หรือเศษเสื้อผ้าของคน ๆ นั้นมาใส่ไว้ด้วย บริกรรมคาถาแล้ว นำหุ่นทั้งสองหันหลังชนกัน เสกคาถากำกับ ตัดแยกเอาเศษผู้ชายไปคลึงเป็นไส้เทียนของหญิง และนำเทียนไปจุดที่ปากแม่น้ำที่แยกจากกัน คนละฟากแม่น้ำ หรือจุดที่สองแพร่ง เพื่อให้คนทั้งสองเดินไปคนละทางโดยเชื่อกันว่าจะต้องจุดตอนกลางคืน ที่ขวัญของคนอ่อน พิธีกรรมจึงจะสัมฤทธิ์ผล


อีกวิธีหนึ่งคือวิธีตัดกระดาษ เช่น มีหญิงมาขอให้หมอผ่าจ้านประกอบพิธี แยกสามีของตนออกจากเมียน้อย หมอก็จะเขียนชื่อและวันเดือนปีเกิดของคนทั้งสองในกระดาษคนละฟาก และหมอถือส่วนที่เป็นชื่อของฝ่ายชายไว้ แล้วตัดกระดาษให้ขาดโดยให้ชื่อฝ่ายหญิงหล่นลงไป จากนั้นก็มอบกระดาษที่เป็นชื่อฝ่ายชายคืนให้แก่ภรรยานำไปไว้ใต้หมอน ส่วนชื่อของภรรยาน้อยที่หล่นลงไป หมอผ่าจ้านก็จะขยำ ๆ และเผาไฟเสีย

บางตำราก็ใช้วิธีผ่าจ้านด้วยผลไม้ที่สามารถตัดให้ขาดจากกันเป็น 2 ซีก ได้ เช่น มะนาว ส้ม ด้วยวิธีเขียนชื่อชายหญิงคนละฟากและบริกรรมคาถาตัดทั้งสองให้จากกันและบางตำราใช้ปู 2 ตัว โดยเขียนชื่อชายหญิงหลังกระดองปูแต่ละตัว นำด้วยสายสิญจ์มาผูกปูติดกัน ว่าคาถาเสร็จก็ตัดสายสิญจ์ให้ปูทั้งสองแยกจากกันไม่กลับมาหากันอีกเลย

เป็นที่สังเกตว่า พิธีกรรมผ่าจ้านไม่ว่าจะทั้งช้างหรือคน มีลักษณะการกระทำเลียนแบบของจริงที่อาศัยหลักการเปรียบเทียบความคิด มีการผ่าการแยกออกจากหนึ่งเป็นสองที่สร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ให้ประกอบพิธีรับรู้ถึงผลของการแบ่ง การแยกให้เห็นกับตา ส่วนผลที่ปรากฏจริงสืบเนื่องจากพิธีกรรมเสร็จสิ้นลงไปแล้ว ชายกลับมาหาหญิงเดิมหรือแยกจากอีกฝ่ายหนึ่งแท้จริงอย่างไร เมื่อใดและจริงหรือไม่นั้น เราคงมิอาจนำมายืนยันหรือสรุปได้ ณ ที่นี้

การนำเสนอพิธีกรรมผ่าจ้านคนครั้งนี้ เป็นเพียงการฉายปรากฎการณ์หนึ่งที่ยังมีอยู่ในความเชื่อของสังคมล้านนา ซึ่งได้คลี่คลายลงไปมาก แต่ก็ไม่อาจกล่าวได้ว่าลบหายไปจากระบบ เพราะทุกวันนี้ คนที่เชื่อและประกอบพิธีกรรมผ่าจ้านคน ยังคงมีอยู่ในบางซอกมุมของล้านนา และพร้อมจะออกมาทำหน้าให้ สำหรับผู้ที่ต้องการที่พึ่งทางใจและเรียกร้องหาของรักของตนคืนมา…..

😬บทสรุปสุดท้ายการทำคุณไสยใส่กัน ไม่ว่าผู้หญิงทำใส่ผู้ชาย   หรือ ผู้ชายทำใส่ ผู้หญิง มันก็คือสิ่งไม่ดี ล่ะครับถ้าจะเอาชนะใจของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ว่าเป็นหญิงหรือชาย ถ้ารักกันชอบกันก็ใช้ความสามารถ ความดีเอาชนะจะดีกว่า การใช้คุณไสยน้ำมันพราย เสน่ห์ยาแฝดหรืออะไรต่างๆมันคือสิ่งไม่ดีและสุดท้ายสิ่งต่างๆเหล่านั้นมันจะเข้ามาในตัวคนที่กระทำเองหรือใครที่กำลังทำคิดจะทำคุณไสยก็ให้เลิก คิดจะทำเถอะครับ

โพสท์โดย: เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย man
อ้างอิงจาก: วิกิพีเดีย และ YouTube
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Man's profile


โพสท์โดย: Man
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 มาแน่! คนทั่วไปรับผ่านดิจิทัลวอลเล็ต กระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568เพจดังเปิดภาพพระสงฆ์ ควงแขนผู้ชาย ชาว เน็ตวิจารณ์ยับเชน ธนา การเงินวิกฤตหนัก ตัดใจประกาศขายออฟฟิศ 3 ตึก ราคารวมเกือบร้อยล้านโบราณสถานอายุกว่า 1,300 ปี แห่งไซบีเรีย ซึ่งเต็มไปด้วยปริศนาที่รอคำตอบคนดูยังท้อ!! หนุ่มทำคอนเทนต์ตามล่า “ ช็อกโกแลตดูไบ” ในเซเว่น หาทั้งจังหวัด 23 สาขา ก็ยังไม่มี แต่สุดท้ายได้ลองสมใจน้ำใจยิ่งใหญ่! หนุ่มไร้เงินขอติดรถกลับบ้าน เจอผู้ให้เต็มคันสุดอบอุ่น
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เฮ! เงินไร่ละพันยังมาต่อเนื่อง! ชาวนารับเงินช่วยเหลือ ธ.ก.ส. กันอยู่หรือเปล่า? มาอัปเดตกันหน่อย!รีบมา! คืนนี้วันสุดท้ายแล้ว "ตำรวจตกน้ำ" ไวรัลสุดเสียวกาชาด 2567 หล่อ เปียก ฮา พุ่งกระจาย!อย่าท้าทายระบบ! "สารวัตรแจ๊ะ" เผยสาเหตุที่ต้องใส่แมสก์ และสวมหมวกตลอดเวลาสั่งพักงานยกชุด! 18 ตำรวจจราจร ปมตั้งโต๊ะจับปรับ 'เจอจ่ายจบ'"ร่วมส่งใจ อาเป็ด เชิญยิ้ม แอดมิตด่วน เจอพิษ “โนโรไวรัส” ยังไม่มียา-วัคซีน ชวนป้องกัน กินสุกลดเสี่ยง ล้างมือบ่อย #ลดเสี่ยงโรค
กระทู้อื่นๆในบอร์ด รวมสาระบทความแบ่งปั่นกัน
หาดทรายแปลกๆแหวกธรรมชาติ หาดแก้วมหัศจรรย์แห่งอ่าว Ussuri รัสเซียดอกไม้ที่ชื่อว่า Puya berteroniana เป็น ดอกไม้สีแปลก เท่าที่เคยพบเห็นมารถตักดินยักษ์KRUPP BAGGER 288 รถตักดินขนาดใหญ่ที่สามารถขุดดินได้วันละ 240,000 ตันปรากฏการณ์ธรรมชาติแปลกๆครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยอัตราการตกของดาวตกที่ถี่มาก เฉลี่ยแล้วมากถึง 100,000 ดวงต่อชั่วโมง!
ตั้งกระทู้ใหม่