วันหยุดนี้ไปไหนดี
สวัสดีครับ
ท่านสมาชิกชาว PostJung.com
ถึงแม้ว่าเทศกาลแห่งการทำบุญสร้างกุศลเนื่องในวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ประจำปี 2565 ได้ผ่านมาแล้วนั้นแต่ด้วยพลังแห่งความศรัทธาของพุทธศาสนิกชนยังมีอยู่อย่างต่อเนื่องอีกทั้งในเดือนกรกฎาคมนี้เป็นเดือนที่มีวันหยุดยาวหลายวันนับตั้งแต่วันที่ 13-18 กรกฎาคม 2565และยังมีต่ออีกหนึ่งช่วงคือวันที่ 28-31 กรกฎาคม 2565 ที่รอให้การท่องเที่ยวกลับมาคึกคักอีกครั้ง
เดือนกรกฎาคมนี้ก็เป็นเดือนที่น่าท่องเที่ยวเนื่องจากสภาพอากาศก็ไม่ร้อนมากนักเพราะเป็นช่วงที่อยู่ในวัสสานฤดู (ฤดูฝน) เป็นโอกาสดีๆ ที่หลายคนได้มีเวลาพักผ่อน ทำบุญในช่วงกลางปีนี้สำหรับแหล่งท่องเที่ยวแรกที่ผมอยากจะหยิบยกขึ้นมาพูดถึงประเพณีวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาและสถานที่ที่สำคัญ..ที่เราควรต้องปักหมุดกันไว้ของ 4 จังหวัดในภาคอีสานก็คือ
1. ประเพณีตักบาตรบนหลังช้าง วันอาสาฬหบูชา แห่งเดียวในโลก ที่ จ.สุรินทร์
2. ประเพณีแห่เทียนพรรษา จ.อุบลราชธานี เก่าแก่กว่าร้อยปี
3. อลังการถ้ำพญานาค วัดป่าศรีมงคลรัตนาราม จ.ศรีสะเกษ
4. จุด Checkin แห่งใหม่ของเขาใหญ่ วิวสวย บรรยากาศดี ณ The Park Khaoyai จ.นครราชสีมา
การทำบุญตักบาตรนั้นเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวของพุทธศาสนิกชนอย่างเราๆที่ถือปฏิบัติโดยปกติกันอยู่แล้วหากแต่ทว่ามีจังหวัดนึงที่จัดประเพณีตักบาตรแบบที่ไม่เคยมีที่ใดมาก่อนสืบเนื่องจากเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันอาสาฬบูชาทางจังหวัดสุรินทร์ ถิ่นเมืองช้างเขาก็จัดงานตักบาตรบนหลังช้าง OMG. Amazing!! โดยในปี 2565 นี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 14 แล้วนะ ทางจังหวัดสุรินทร์นำโดยนายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส เปิดงานตักบาตรบนหลังช้าง ประจำปี 2565 โดยมี พระพรหมวชิรโมลี ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 11 เจ้าอาวาสวัดศาลาลอย พระอารามหลวง จ.สุรินทร์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายพรชัย มุ่งเจริญพร นายก อบจ.สุรินทร์ หัวหน้าส่วนราชการ เทศบาลเมืองสุรินทร์ร่วมทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง เวลา 7.20 น. วันที่ 13 กรกฎาคม 2565 ที่อนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง ถนนกรุงศรีนอก พระเถระชั้นผู้ใหญ่พร้อมด้วยพระสงฆ์ จำนวน 70 รูป นั่งหลังช้างจำนวน 36 เชือก เดินออกรับบิณฑบาตจากพุทธศาสนิกชนและนักท่องเที่ยวที่ยืนอยู่บนอัฒจันทร์จำนวน 4 ซุ้ม ทำบุญตักบาตรขอพรจากพระสงฆ์เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และเป็นการสืบทอดประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของจังหวัดสุรินทร์ ที่มีโลโก้ของจังหวัดก็คือช้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ซึ่งการจัดงานดังกล่าวนี้ถือเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของจังหวัดสุรินทร์ ถือได้ว่าอิ่มบุญด้วยการรักษาศีล ทำบุญก่อนวันเข้าพรรษา ให้อาหารแก่น้องช้างด้วยเช่นกันจ้าาาาาา
หากจะว่าไปแล้วประเพณีทางวัฒนธรรมที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่งที่ต่อเนื่องจากวันอาสาฬหบูชาก็คือวันเข้าพรรษา ในแต่ละปีจะมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่เดินทางไปทำบุญตามสถานที่ต่างๆ เป็นจำนวนมาก หนึ่งในภาคอีสานที่โด่งดังมาช้านานกว่า 118 ปี ก็คือประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ด้วยความปราณีตบรรจงของการแกะสลักเทียนเข้าพรรษาจึงเป็นจุดดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเป็นอย่างยิ่ง ทั้งนี้แล้วทางจังหวัดอุบลราชธานีโดยการสนับสนุนทุกภาคส่วนให้มีการจัดทำเทียนพรรษาตลอดทั้งเดือนโดยจะใช้ขี้ผึ้งในการทำเทียนการจัดทำเทียนถวายพระในสมัยก่อนนั้นเกิดจากการนำเทียนเล่มเล็กๆ โดยมีการมัดรวมกันให้เป็นเทียนเล่มใหญ่ และจัดขบวนแห่นำถวายพระ ต่อมาด้วยความเจริญทางวัฒนธรรมกอรปกับการแสดงออกถึงความศรัทธาของชาวพุทธที่มีต่อพระพุทธศาสนาและประเพณีจึงได้เริ่มมีการจัดทำเทียนให้มีความปราณีตบรรจงและแกะสลักของช่างฝีมือเป็นลวดลายต่างๆ ออกมาให้สวยงามและยิ่งใหญ่ตระการตามากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะลวดลายของอีสานดั้งเดิมที่ถ่ายทอดออกมาเป็นศิลปบนเล่มเทียน
การจัดขบวนแห่เทียนเข้าพรรษานั้นมีประวัติอยู่ว่า เมื่อปี พ.ศ.2444 กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์ของรัชกาลที่ 5 ผู้มาปกครองหัวเมืองมณฑลอีสานและอยู่พำนักที่เมืองอุบลราชธานีเป็นผู้คิดริเริ่มให้มีการจัดขบวนแห่เทียนเข้าพรรษารอบเมืองเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.2444 การจัดขบวนแห่ในครั้งแรกๆ นั้นก็ยังไม่ได้จัดการประกวดแต่อย่างใดหากเป็นเพียงแต่การร่ำลือของชาวบ้านที่ได้มาร่วมงานแห่กันไปว่าเทียนคุ้มวัดนั้นงาม เทียนคุ้มวัดนี้งาม ทำให้ปีต่อๆ มาเห็นควรให้มีการประกวดเทียนพรรษาแล้วแห่รอบเมืองก่อนจะนำไปถวายพระที่วัดนั่นเอง หลังจากที่มีการจัดงานดังกล่าวมาแล้ว 39 ปี ในพ.ศ.2483 นายโพธิ์ ส่งศรี บุคคลสำคัญที่เป็นผู้คิดประดิษฐ์
แม่พิมพ์ปูนซีเมนต์เพื่อหล่อขี้ผึ้งออกมาเป็นลวดลายไทยต่าง ๆ ไปประดับติดพิมพ์บนเทียนพรรษานับเป็นการจัดทำเทียนพรรษาแกะสลักของช่างราษฎร์เป็นครั้งแรกจนการประกวดแข่งขันได้ผู้ชนะเลิศคือนายสวน คูณผล ที่ทำลวดลายนูนสลับสีต่าง ๆ เข้าประกวด ด้วยความเป็นงานที่ยิ่งใหญ่มาเรื่อยๆ การจัดตกแต่งเทียนพรรษาจึงมีการประดับประดาอย่างวิจิตรอลังการในแต่ละปีไม่ซ้ำกันเช่นแกะสลักเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ ลงรายละเอียดเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ ตามแต่ช่างผู้แกะสลักอยากจะบรรจงเรียงร้อยเรื่องราวออกมาผ่านเล่มเทียนขนาดใหญ่และสวยงามไม่ใช่เพียงความงดงามของเล่มเทียนที่แกะสลักแล้วเท่านั้นการจัดขบวนแห่ก็ของแต่ละวัดแต่ละคุ้มก็มีส่วนช่วยให้ขบวนแห่มีความสวยสดงดงามสมแก่ประเพณีทางวัฒนธรรมทางอีสานด้วยเช่นกัน
การจัดงานแห่เทียนเข้าพรรษาได้จัดขึ้นทุกๆปี ณ บริเวณ ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานีเริ่มขบวนแห่เทียนตั้งแต่เวลา 8.00 นาฬิกา เป็นต้นไปถึงช่วงเย็นจนหมดขบวนแห่นักท่องเที่ยวเข้าชมขบวนแห่ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสองฟากฝั่งที่จัดเตรียมอัฒจันทร์ให้เข้าชมวัฒนธรรมประเพณีของการแห่เทียนพรรษานั้นสืบสานมาอย่างยาวนานซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความงดงามของประเพณีได้อย่างลึกซื้งหยั่งลึกลงไปถึงแก่นแท้ของวิถีชีวิตที่สอดแทรกหลักธรรมเอาไว้อย่างปราณีต
อย่างไรก็ตามหากไม่สามารถเข้าชมงานแห่เทียนพรรษาในวันที่กำหนดไว้แล้ว แต่ยังสามารถไปชมต้นเทียนพรรษาได้ตลอดทั้งเดือนกรกฎาคมนี้ได้เช่นกันครับ.
มาเอาใจสาวกมูเตลูกันบ้างครับ สำหรับใครที่สนใจกราบไหว้บูชาองค์พญานาค อย่าพลาดเด็ดขาดครับหลังจากทำบุญใหญ่กันแล้ววันนี้จะมาแนะนำอีกหนึ่งสถานที่น่าสนใจอีกแห่งคือ ถ้ำพญานาค วัดป่าศรีมงคลรัตนาราม ตำบลโคกจาน อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ กันบ้างครับ ด้วยพลังแห่งความศรัทธาขององค์พญานาค ทางเจ้าอาวาสวัดและผู้มีจิตศรัทธาจึงได้ร่วมกันสร้างโบสถ์ ที่ประดิษฐ์สถานพระพุทธรูปราวกับวังพญานาคในวรรณคดีมีความอลังการ สวยสดงดงามยิ่ง อีกทั้งภายในได้ตกแต่งจำลองหินงอกหินย้อยประดับด้วยหลอดไฟหลากสีทำให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในวังบาดาลยังไงยังงั้นเลยทีเดียว
วัดป่าศรีมงคลรัตนารามเป็นวัดสร้างขึ้นมาในปี พ.ศ.2536 ตั้งอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ เป็นสถานที่สำหรับปฏิบัติธรรมและกรรมฐาน เมื่อเดินทางมาถึงลานจอดรถหน้าวัดจะแลเห็นพระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่ประดิษฐานโดดเด่นงดงามให้เราได้เข้าไปกราบไหว้ก่อนที่จะเดินทางเข้าไปถึงตัวถ้ำพญานาคกันครับเมื่อมาถึงทางเข้าปากถ้ำจะมีพานพุ่มดอกไม้จัดแจงไว้ให้แก่ผู้มาสักการะบูชาองค์พระพุทธรูปภายในถ้ำและพญานาคราชที่จำลองดุจดังอยู่ภายในวังบาดาล โดยมีพระพุทธรูปหยกสีขาวและรูปปั้นพญานาคขนาดใหญ่ 2 ตนคอยปกปักษ์รักษาพระพุทธรูปหยกขาวนี้เอาไว้อย่างน่าเกรงขาม ประกอบกับการประดับตกแต่งภายในด้วยแสงสีไฟให้ดูมีมนต์ขลัง เมื่อสักการะบูชาพระพุทธรูปหยกขาว และขอพรให้สมปรารถนากันเสร็จเรียบร้อยแล้วเดินออกบริเวณภายนอกที่อยู่ติดกับถ้ำนั้นเป็นลาดต้นโพธิ์และลาดต้นตะเคียนขนาดใหญ่ให้เข้าไปไหว้ขอโชคขอลาภ หากสังเกตที่ต้นตะเคียนนั้นจะเห็นได้ว่าจะพบรอยแป้งสีขาวที่เกิดจากการใช้แป้งลูบกวาดลงที่ต้นตะเคียนเพื่อขอเลขเด็ด ตามแต่ที่จะปรากฎออกมาให้ประจักษ์เห็นตามบุญวาสนา นอกจากนั้นแล้วทางวัดได้จัดพื้นที่สำหรับให้นั่งพักผ่อนย่อนกาย สบายท้อง กับร้านอาหาร เครื่องดื่ม ตรงศาลาริมน้ำแก่ผู้มาทำบุญที่วัดด้วยเช่นกัน สรุปได้ว่านอกจากจะอิ่มบุญสร้างกุศล และชมความงดงามของสถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงาม ที่สัมผัสถึงพลังความศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนา ต่อองค์พญานาคราชแล้วท่านยังอิ่มอร่อยด้วยเช่นกันครับ
ท่านใดที่ยังไม่รู้จะไปทีไหนลองปักหมุดไว้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ควรแก่ที่เราต้องแวะมาให้ได้เลยนะครับ
ครานี้มาถึงสถานที่อีกหนึ่งจังหวัดแล้วก่อนที่จะขับรถเข้าสู่กรุงเทพมหานครฯ นั่นก็คือ The Park Khaoyai จ.นครราชสีมา จุด Check in ใหม่ที่เราต้องเข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติกลางเขาใหญ่เพื่อรับโอโซนพร้อมกับรสชาติอาหารนานาชาติที่ต้องชวนให้อร่อยและอยากจะพาครอบครัว คนรู้ใจ กลับมาที่นี่อีกครั้ง The Park Khaoyai พิกัดใหม่ที่เราต้องมา Check in ที่รวมไว้ทั้งอาหารไทย อาหารเทศ แบบว่ายกขบวนมาเสิร์ฟให้ฟิลกันไปเลย...แต่ถ้าหากเมนูที่จะพูดถึงกันมากและอยากแนะนำให้สั่งคือ BBQ Pork Ribs ก็คือซี่โครงหมูบาร์บีคิวหมักด้วยสูตรลับของทางร้านเนื้อนุ่มละมุนลิ้น ซอสฉ่ำๆ กลิ่นหอมชวนลิ้มลองรสชาติ ปิดท้ายด้วยขนมหวาน ขนมเค้ก หรือจะแก้ง่วงด้วยเมนู Coffee ต่าง ๆ ก็จัดมาได้เลยเพ่...สำหรับสาวๆ ที่ชอบการเซฟฟี่ ล่ะก็ที่นี่เขาก็มีมุมให้ถ่ายรุปกันได้ทุกมุม ทุกจุดกันเลยทีเดียวนะจ๊ะ
มาเขาใหญ่ทั้งทีต้องไม่พลาดกับ The Park Khaoyai นะครับผม
เอาหล่ะครับสำหรับสถานที่ Check in จังหวัดน่าเที่ยวทางภาคอีสานที่ผมได้นำมาเสนอในโอกาสนี้เป็นแค่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น หากในวันหยุดยาวววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว ที่จะมาถึงในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2565 นี้ท่านไม่รู้จะไปทีไหนก็เอาทริปเล็กๆน้อยๆที่ผมได้นำเสนอมาครั้งนี้ไปท่องเทียวกันดูนะครับ ไปที่ไหน...มีอะไรอัพเดท...อยากจะแชร์ เขียนคอมเมนท์แจ้งให้ชาวเราได้ทราบ หรือเข้ามาติชมกันได้ครับ.....บ้ายบาย
ครูอาร์ม พาเที่ยว
ขอขอบคุณข้อมูล : ปฏษฏิ์ปรุฬห์ สง่าอนันทศิริ (ครูอาร์ม พาเที่ยว)
ภาพประกอบ : https://www.wongnai.com/restaurants/1497955Er-the-park-khaoyai