สปริงเกอร์ คืออะไร มีแบบไหนบ้าง
สปริงเกอร์ คืออะไร มีแบบไหนบ้าง
ระบบน้ำ สปริงเกอร์ หากจะพูดถึง ท่อและระบบน้ำเพื่อการเกษตร คงจะต้องนึกถึง สปริงเกอร์ และมินิสปริงเกอร์ สปริงเกอร์ มีหลายรุ่น หลายแบบ แต่ส่วนใหญ่ แล้ว ก็จะไม่ค่อยต่างกันสักเท่าไร ทั้งนี้ เราก็จะมาพูดกัน เรื่อง ลักษณะการทำงาน ข้อดีและข้อเสีย ของเจ้าตัวนี้กันค่ะ
ลักษณะการทำงานของ sprinkler
- ระบบสปริงเกอร์ ถูกสร้างขึ้นมา มีจุดประสงค์ ในการให้น้ำแบบวงกว้าง บีบอัดฉีดน้ำให้แตกเป็นสายและหมุนเหวี่ยงไปรอบของต้นไม้ พืชผักพืชสวน หรือช่วยฉีดเพื่อลดอุณหภูมิที่ร้อนนั้นให้ได้ร่มเย้น ชื่นฉ่ำด้วยละอองนน้ำ ซึ่งสปริงเกอร์จะแบ่งออกได้เป็นหลายชนิด ขึ้นอยู่กับความต้องการน้ำของพืชและพื้นที่ ที่ปลูกต้นไม้ มีทั้งการให้น้ำรัศมีที่ใกล้และไกลตามพื้นที่เพาะปลูก
การทำงานของระบบสปริงสปริงเกอร์ ระบบสปริงเกอร์รดน้ำต้นไม้อัตโนมัติ มีองค์ประกอบของอุปกรณ์หลักๆดังนี้
-
หัวจ่ายน้ำ (Sprinkler Head) มีหลายชนิด ถ้าแบ่งตามลักษณะการฉีดน้ำ จะมีแบบ spray head,rotor หรือแบบ น้ำหยดทั้งนี้การเลือกใช้งานจะต้องเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะของพื้นที่ ชนิดของดินและพืช
-
วาล์วไฟฟ้า (Solenoid Valve) ใช้ไฟฟ้าความต่างศักย์ต่ำ (24 โวลท์) จากคอนโทรลเลอร์ในการสั่งการให้วาล์วเปิดปิด
-
คอนโทรลเลอร์ (Controller) เป็นอุปกรณ์ที่สั่งให้วาล์วไฟฟ้าเปิดปิดตามเวลาและระยะเวลาที่กำหนดไว้
-
เครื่องสูบน้ำ (Pump) ระบบสปริงเกอร์ใช้แรงดันน้ำค่อนข้างสูงจึงจำเป็นจะต้องมี เครื่องสูบน้ำ ที่เหมาะสมกับระบบโดยเฉพาะ
ชนิด ของหัวสปริงเกอร์
ชนิดของหัวสปริงเกอร์ มีหลายชนิด ถ้าหากแบ่งตามลักษณะ การจ่ายน้ำ จะแบ่งได้ดังนี้
1. หัวแบบมินิสปริงเกอร์ MiniSpr
inkler หัวมินิสปริงเกอร์ชนิดนี้จะจ่ายน้ำในอัตราที่ไม่สูง (ไม่เกิน 500 ลิตร/ชม.) จะมีทั้งแบบน้ำหยด และแบบหัวเหวี่ยงขนาดเล็ก รัศมีการจ่ายน้ำจะไม่มาก ไม่เกิน 2-3 เมตร หัวจ่ายน้ำแบบนี้จะเหมาะกับพื้นที่ขนาดเล็กๆหรือไม้พุ่ม
2.หัวแบบสเปรย์ spray หัวสเปรย์นี้ มีลักษณะการจ่ายน้ำซึ่งเป็นแบบรูปพัด รัศมีการจ่ายน้ำไม่เกิน 5-6 เมตร เหมาะกับบ้านที่มีขนาดพื้นที่รดน้ำไม่กว้างมากนัก (5-6 เมตร)
3.หัวแบบโรเตเตอร์ rotor หัวโรเตเตอร์นี้ มีลักษณะการจ่ายน้ำฉีดออกจากหัวจ่ายและหมุนรอบตัว หรือองศา ที่กำหนดไว้ รัศมีการฉีดน้ำตั้งแต่ 6 เมตรขึ้นไปถึง 15-20 เมตร เหมาะกับพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่นสนามหญ้า สวนสาธารณะ เป็นต้น หากแบ่งตามลักษณะการติดตั้ง สามารถแบ่งได้ดังนี้
3.1 หัวแบบฝังอยู่ใต้ดิน (under ground) ได้แก่แบบ pop-up
– หัวจ่ายน้ำแบบนี้จะถูกฝังอยู่ใต้ดินจะโผล่ขึ้นมาเฉพาะเวลาที่ทำงานเท่านั้น โดยปกติจะติดตั้งบริเวณสนามหญ้า และเป็นพื้นที่โล่ง เพื่อความสวยงาม
3.2 หัวแบบติดตั้งอยู่เหนือดิน (above ground)
– ได้แก่แบบที่ติดตั้งอยู่เหนือดินเช่น มินิสเปรย์ หัวพ่นหมอก pop-up แบบที่ติดตั้งอยู่บน riser แบบนี้จะติดตั้งบริเวณไม้พุ่มและต้องอยู่ในจุดที่หลบสายตาผู้พบเห็น
ข้อดี-ข้อเสียของสปริงเกอร์
ข้อดี
ข้อดีของ ระบบน้ำ แบบสปริงเกอร์และมินิสปริงเกอร์นั้น ก็คือ การกระจายน้ำได้ทั่วถึง และเป็นลักษณะ การกระจายน้ำแบบวงกว้าง ซึ่งเหมาะสำหรับพื้นที่ เพาะปลูก ที่มีพืชหนาแน่น หรือต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น ให้กับพื้นที่ปลูกแบบทั่วถึง เหมาะกับงานชาวสวน ชาวไร่ ที่จำนวนเยอะ ประหยัดเวลา และยังช่วยลดแรงงาน และลดค่าใช้จ่ายได้อีกด้วย
ข้อเสีย
ระบบน้ำแบบสปริงเกอร์และมินิสปริงเกอร์นั้นหลักๆ แล้วเป็นเรื่องของแรงดันน้ำที่จะต้องได้ขนาดความแรงที่กำหนดเพื่อขับดันน้ำในแต่ละจุด ระบบน้ำแบบสปริงเกอร์นั้น ต้องการ 4 บาร์ เป็นต้นไป ขึ้นอยู่กับขนาด หัวสปริงเกอร์ด้วย ยิ่งหัวใหญ่ ก็จะยิ่งใช้แรงดันสูง และต้องการใช้น้ำเป็นจำนวนมาก
การเลือกใช้หัวสปริงเกอร์
สปริงเกอร์สวนเกษตร เหมาะสำหรับพืชผัก ผลไม้ ที่ต้องการปริมาณน้ำ ปานกลาง
มินิสปริงเกอร์ เหมาะสำหรับสวนเกษตรสมัยใหม่ ที่ต้องการประหยัดน้ำ ให้ปริมาณน้ำน้อย ทำให้ประหยัดขนาดท่อ และขนาดปั๊ม มินิสปริงเกอร์ มี2 แบบ กระจายน้ำน้อย และกระจายน้ำมาก
-
แบบกระจายน้ำน้อย - ลักษณะการกระจายน้ำ จะมีทั้งแบบแคบ (หัวฉีดสำหรับต้นไม้ปลูกระยะประชิด พุ่มเล็ก) และแบบไกล (หัวฉีดแบบใบพัดเหวี่ยง สำหรับต้นไม้พุ่มใหญ่ คลุมพื้นที่บริเวณกว้าง) โดยส่วนมาก มินิสปริงเกอร์รดน้ำ แบบนี้เหมาะ สำหรับให้น้ำใต้ต้นพืช หรือ ในบริเวณพื้นที่ ที่ลมไม่แรงและต้องการประหยัดน้ำ
-
แบบกระจายน้ำมาก - ลักษณะการให้น้ำ มีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบพุ่งกระจาย หมุนเป็นเกลียวออก 2 ด้าน หรือแบบเป็นเม็ดฝอย ขนาดใหญ่รอบทิศทาง เหมาะสำหรับการให้น้ำ เหนือต้นพืช ซึ่งมินิสปริงเกอร์รดน้ำแบบนี้ นิยมใช้กันมากเนื่องจาก การให้น้ำที่รวดเร็วและลดปัญหาการอุดตัน
สปริงเกอร์ POP-UP เหมาะสำหรับ สนามหญ้า ที่มีพื้นที่ ค่อนข้างกว้าง มีความสวยงาม เมื่อติดตั้งเสร็จ ไม่เกะกะพื้นที่ มีความคงทน
สปริงเกอร์ IMPACT เหมาะสำหรับพืชไร่ ขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่มากๆ หัวมีรัศมีค่อนข้างไกล ทำให้ใช้หัวน้อยลง แต่จะต้องใช้กับท่อใหญ่
สปริงเกอร์BIG GUN เหมาะสำหรับ สนามฟุตบอล จ่ายน้ำรัศมีกว้าง ใช้น้ำและแรงดันมาก เป็นระบบใหญ่ ที่ใช้งบมาก
หัวน้ำหยด เหมาะสำหรับพื้นที่ ที่ไม่ต้องอาศัยแรงดัน ประหยัดน้ำ แต่ใช้เวลาทำงานมากกว่า สปริงเกอร์รดน้ำ รูปแบบนี้ จะมีลักษณะการให้น้ำเป็นหยด ซึ่งมีอัตราการให้น้ำน้อย อยู่ที่ประมาณ 8 ลิตร/ชม. แรงดันน้ำประมาณ 1 บาร์ สปริงเกอร์แบบน้ำหยด เหมาะสำหรับพืช ที่ต้องการน้ำน้อย หรือ พื้นที่ขาดแคลนน้ำ รวมถึงพืชอายุสั้น (พืชไร่ พืชผัก ไม้กระถาง) แต่ไม่เหมาะกับการใช้งาน กับพืชยืนต้น เนื่องจากต้องใช้ปริมาณ หัวสปริงเกอร์รดน้ำ จำนวนมาก หลายจุดต่อต้น ทำให้เกิดความยุ่งยากในการต่อ
สปริงเกอร์หัวพ่นหมอก ใช้ปริมาณน้ำน้อย ให้ละอองละเอียด เหมือนหมอก มีลักษณะการให้น้ำเป็นฝอย ละอองขนาดเล็กมาก ฟุ้งกระจาย คลุมพื้นที่ประมาณ 2 เมตร. แรงดันไม่เกิน 4 บาร์ สปริงเกอร์รดน้ำชนิดนี้ ส่วนมากจะเหมาะสำหรับ ติดตั้งในระบบโรงเรือน เพื่อให้ความชื้นในพื้นที่ลมสงบ ใช้กับสวนกล้วยไม้ โรงเห็ดหรือ ใช้ลดอุณหภูมิของบ้านในหน้าร้อน ช่วยสร้างบรรยากาศในร้านอาหาร
ควรเลือกใช้ สปริงเกอร์ และอุปกรณ์ร่วม อย่างไรและหาซื้อได้ที่ไหน