ร้อยเรียงผลงานของเราให้มีลิขสิทธิ์และทำถูกต้องทางกฎหมาย
การประดิษฐ์หรือทำผลงานแบบเฉพาะตัวที่มีเอกลักษณ์ และเป็นเสมือนลายเซ็นสำหรับเจ้าของของผลงานนั้น อาจจะกลายมาเป็นผลงานลิขสิทธิ์โดยชอบธรรม เมื่อมีการคัดลอกใดๆ เราสามารถดำเนินทางกฎหมายได้ เพราะถือเป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างประเทศตะวันตก ทวีปอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี เขาจะตระหนักในเรื่องลิขสิทธิ์ทางปัญญาเป็นอย่างมาก และดำเนินขั้นเด็ดขาดกับผู้ใดก็ตามที่ได้ทำการคัดลอกเพื่อนำมาจำหน่าย เพราะความสูญเสียนั้นมหาศาลอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์ของแบรนด์ ตลอดจนส่วนแบ่งที่หายไปของทางการตลาดอีกด้วย
เมื่อเรามีธุรกิจหรือแบรนด์ที่เราต้องการให้เป็นภาพจำ และเราได้ดำเนินการทุกอย่างอย่างถูกต้อง ทั้งในเรื่องเอกสารต่างๆ รวมไปถึงการจดทะเบียนทางธุรกิจที่หลากหลาย หากเราต้องการเปิดตลาดทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงแพล็ตฟอร์มออนไลน์ มาร์เก็ตเพลสที่มีมากมายที่เราสามารถใช้เป็นช่องทางในการจำหน่ายสินค้าของเราได้ทั่วโลก การมีโลโก้ที่เป็นภาพจำของแบรนด์ และเปรียบเสมือนตัวแทนของแบรนด์ที่เล่าเรื่องราวสินค้า โดยไม่ต้องใช้ตัวอักษรใดๆ เมื่อเราได้โลโก้ที่ต้องการแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดเลยก็คือ จดลิขสิทธิ์โลโก้ เพราะจะได้ไม่มีใครทำซ้ำหรือดัดแปลงโลโก้ของเราได้ แน่นอนว่าอาจจะมีรูปร่างหรือสีใกล้เคียงกัน แต่ถ้าเราตรวจสอบว่าจงใจคัดลอกเลียนแบบโลโก้เรา เราสามารถดำเนินคดีทางกฎหมายได้เลย นอกจากนี้การพัฒนาตัวเองในเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการก้าวทันทุกเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลงมือทำหรือการเก็บข้อมูลเพื่อเป็นความรู้ ต่างก็สามารถต่อยอดได้มากมายในอนาคต เว็บไซต์ sumrej ได้แชร์บทความที่น่าสนใจไว้ว่า ชีวิตเป็นเหมือนห้องทดลองส่วนตัวของคุณเอง คุณไม่อาจรอให้คำตอบโผล่ขึ้นมาด้วยตัวมันเองได้ แต่ต้องออกตามหามันจากสิ่งที่อยู่รอบตัว คุณไม่อาจจะเรียนแค่เวลาที่อยากเรียน และต้องไม่เลือกเฉพาะเรื่องที่คุณอยากรู้เท่านั้น เพราะความตั้งใจที่จะเรียนรู้กับความหวังที่จะได้รู้นั้นแตกต่างกัน การเป็นคนรักการเรียนรู้ คือการทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต ทั้งดีและไม่ดี และใช้ช่วงเวลาที่ไม่ดีในการวางแผนเพื่ออนาคตที่ดีขึ้น และบางครั้งคุณก็ต้องเรียนรู้บทเรียนเดิมซ้ำอีก แต่ด้วยวิธีการที่แตกต่างกันไป กุญแจสำคัญก็คือ ไม่หยุดเรียนรู้แม้ในบทเรียนเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า การเรียนรู้ไม่ใช่แค่การได้รับชุดข้อมูลที่เป็นความจริงแล้วเข้าใจทันทีตั้งแต่ครั้งแรกอย่างที่หลายคนคิดกัน “ความหัวช้า คิดช้า” นั้นก็เป็นเรื่องปกติ แต่กุญแจสำคัญคือการไม่หยุดที่จะเรียนรู้ ถึงแม้ว่าคุณจะต้องเรียนรู้ สิ่งเดิมซ้ำๆ ก็ตามที การเรียนรู้มาจากความสงสัย และตั้งเจตนารมณ์ในการหาคำตอบไขข้อสงสัยนั้น จงถามจนกว่าคุณจะรู้คำตอบอย่างกระจ่างแจ้ง เพื่อพัฒนาตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราลองมาดูตัวอย่างการตั้งคำถามเหล่านี้กัน“คุณช่วยอธิบายเพิ่มเติมเรื่อง…นี้ อีกทีได้ไหม”“ฉันไม่แน่ใจว่าฉันเข้าใจ….ดีหรือยัง คุณช่วยทวนอีกครั้งได้ไหม” “ที่คุณพูดมาหมายความว่ายังไง ช่วยอธิบายให้ฉันเข้าใจทีได้ไหม?”