สิว (Acne) บอกลาหน้าสิว วิธีรักษาสิวให้ถูกกับสิวแต่ละประเภท
สิว (Acne) เรื่องสิวสิว ปัญหาผิวหน้าที่ใครก็ไม่อยากเจอ!
สิว ตัวการทำลายความมั่นใจของใครหลายๆคน แม้ว่าจะไม่ได้มีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความมั่นใจแล้วแน่นอนว่าสิวถือเป็นต้นตอปัญหาที่ทำให้ความมั่นใจของใครหลายคนลดลงอย่างแน่นอน การแต่งหน้าเพื่อปกปิดรอยสิวสามารถช่วยให้คุณเพิ่มความมั่นใจได้ แต่ก็ยังไม่ใช่วิธีรักษาสิวที่ถูกวิธีนัก
หลายคนคงคิดว่าสิวจะขึ้นบนใบหน้าของคุณเฉพาะช่วงวัยรุ่นเท่านั้น ความคิดนั้นถือเป็นความคิดที่ผิด ความจริงแล้วสิวสามารถขึ้นได้แม้ว่าคุณจะอายุเลขสามปลายๆแล้วก็ตาม วันนี้แอดมินจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับสิวเจ้าปัญหาที่ทำร้ายความมั่นใจของคุณและวิธีรักษาสิวที่ถูกต้อง
สิว คืออะไร
สิว คือ โรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่มักพบในช่วงวัยรุ่นสามารถพบได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง สิวมักจะขึ้นในช่วงอายุ 14 - 19 ปี แต่สำหรับบางคนอาจจะพบปัญหาหน้าเป็นสิวเป็นๆหายๆไปจนถึงอายุ 40 ปี กันเลยทีเดียว หากเป็นเช่นนั้นคงหงุดหงิดกันน่าดู สิวมักเกิดบริเวณที่มีต่อมไขมันจำนวนมาก เช่น ใบหน้า หน้าอก คอ แผ่นหลังส่วนบน และ หัวไหล่
สิว เกิดจากอะไร?
สาเหตุการเกิดสิวมีหลายปัจจัยสามารถแบ่งได้เป็น 2 ปัจจัยหลัก คือ ปัจจัยภายในและปัยจัยภายนอก
- ปัจจัยภายใน คือ ฮอร์โมนในร่างกายของเราเองทั้งจากฮอร์โมนในช่วงวัยรุ่นและจากความเครียด , โรคทางต่อมไร้ท่อบางชนิด และ กรรมพันธุ์ก็ถือเป็นปัจจัยภายในที่เป็นสาเหตุการเกิดสิว
- ปัจจัยภายนอก คือ ยาหรือสารเคมีบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ ยากันชัก ยารักษาวัณโรค , เครื่องสำอาง รวมไปถึงสิ่งที่ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว เช่น การนวดหรือขัดหน้า , สภาพแวดล้อม รวมไปถึงอาหารการกิน สำหรับคนที่ชอบรับประทานอาหารหวานและอาหารจำพวกแป้งของมันและของทอดจะทำให้เกิดสิวได้ง่าย
วิธีรักษาสิว
ในปัจจุบันวิธีรักษาสิวที่หน้ามีหลายกหลายวิธีให้ทุกคนสามารถเลือกรักษาได้ตามความเหมาะสมและตามความสะดวกของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นวิธีรักษาด้วยยาทา ยาสำหรับรับประทาน การกดสิว และ การเลเซอร์ แน่นอนว่าการรักษาแต่ละแบบก็จะมีผลข้างเคียงและวิธีการที่แตกต่างกันไป แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดและวิธีที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด เพื่อลดอาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้น สำหรับคนที่ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าควรใช้วิธีใด ในการรักษาสิวบนใบหน้าของคุณสามารถดูข้อมูลข้างล่างเพื่อประกอบการตัดสินใจได้ค่ะ
การรักษาด้วยยา แบ่งออกเป็น 2 วิธีหลักๆ
- ยาทาเฉพาะภายนอก สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มเป็นสิวที่มีจำนวนไม่มากและไม่ได้มีความรุนแรงอาจจะเลือกวิธีการรักษาสิวด้วยยาทาภายนอก กลุ่มยาที่ใช้ เช่น ยาทาละลายหัวสิว ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้สิวอักเสบ และยาที่มีส่วนผสมของเรตินอลที่สามารถช่วยลดการเกิดใหม่ของสิวและลดการอุดตันของสิว
- ยาสำหรับรับประทาน สำหรับคนที่มีสิวจำนวนมากหรือมีอาการรุนแรง อาจเลือกใช้วิธีรักษาด้วยการประรับทานยาโดยจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ ยาฆ่าเชื้อแก้อักเสบ ยาคุมกำเนิดหรือยาควบคุมฮอร์โมน และ ยากรดวิตามินเอ ใครที่เลือกใช้วิธีนี้แนะนำว่าต้องคำนึงถึงผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นเพราะการรับประทานยาทุกชนิดมีโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น การรับประทานยาคุมกำเนิด จะทำให้รู้สึกวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ และ รู้สึกคัดตึงเต้านมได้ สำหรับกลุ่มยากรดวิตามินเอถือเป็นกลุ่มที่มีผลข้างเคียงเยอะที่สุดไม่ว่าจะเป็นอาการ ตาแห้ง ปากแห้ง สามารถพบสภาวะตับอักเสบและไขมันในเลือดสูง ซึ่งไม่ได้พบได้บ่อยนัก และสำหรับคนที่ตั้งครรภ์ไม่สามารถใช้ตัวยาในกลุ่มนี้เพื่อรักษาสิวได้เพราะอาจจะทำให้ทารกในครรภ์พิการได้ ดังนั้นการจะเลือกใช้วิธีรับประทานยาควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง
การกดสิว
วิธีรักษาสิวด้วยการกดสิวถือเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับสิวอุดตัน เป็นการป้องกันไม่ให้สิวเกิดการอักเสบ โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือกดลงไปที่สิวเพื่อให้เม็ดโคมิโดนหลุดออกมา ซึ่งวิธีนี้ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ไม่ควรทำเองเพราะอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อและยังทิ้งรอยดำหรือแผลเป็นไว้อีกด้วย ทีนี้ก็จะไม่ได้รักษาเพียงแค่สิวอย่างเดียวแต่ต้องรักษารอยสิวและแผลเป็นจากสิวอีกด้วย
การเลเซอร์สิว
ปัจจุบันวิธีรักษาสิวด้วยเลเซอร์มีหลายชนิด โดยแพทย์จะเลือกใช้ตามความรุนแรงของสิวและตามสภาพผิวของแต่ละคน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ประเภทของการเลเซอร์สิว ได้แก่ Q-switched Nd:YAG ช่วยลดสิวอุดตัน ลดรอยแดง และบรรเทาอาการอักเสบของสิว , Diode and long pulse Nd YAG ลดรอยแดงบนใบหน้า และ Fractional lasers ช่วยลดเลือนรอยหลุมสิว แผลเป็นจากสิว
โดยทั่วไปการรักษาสิวจะใช้ระยะเวลาในการรักษาอยู่ที่ 4 - 8 สัปดาห์ หรืออาจจะมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์และสภาพผิวของแต่ละคน ระหว่างการรักษาอาจจะมีปัจจัยอย่างอื่นเข้ามาเกี่ยวที่ทำให้สิวบนใบหน้าของคุณมีจำนวนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอากาศ สภาพแวดล้อม ความเครียดจากการทำงาน อาการแพ้ยาต่างๆ อยากให้ทุกคนอย่าเพิ่งท้อใจและค่อยๆรักษาตามที่แพทย์ได้ให้คำแนะนำเพื่อหน้าที่สวยใส ไร้สิว ในอนาคต
สิวมีกี่ประเภท
ลักษณะของสิวแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่ สิวที่มีการอักเสบ และ สิวที่ไม่มีการอักเสบ
สิวที่ไม่มีการอักเสบ หรือ คอมีโดน (comedone) โดยสิวชนิดนี้จะไม่มีการอักเสบร่วมด้วยสามารถแบ่งออกได้ตามลักษณะของหัวสิว ได้แก่
- สิวอุดตัน คือ สิวที่ไม่มีหัวเป็นตุ่มนูนจากการจับตัวของสิ่งสกปรกใต้ผิวหนัง ทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน โดยเมื่อส่องกระจกสามารถมองเห็นหรือเมื่อลูบบนใบหน้าจะรู้สึกถึงตุ่มนูนๆที่ใต้ผิวหนังของคุณ โดยสิวอุดตันสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท หลักๆ คือ สิวหัวปิด มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆสีคล้ายกับผิวหนัง และ สิวหัวเปิดหรือสิวหัวดำนั้นเอง
- สิวไม่มีหัว หรือ สิวหัวปิด เป็นสิวที่มีตุ่มนูนขึ้นมาเล็กน้อยบนใบหน้าของคุณ มีสีเดียวกับผิวหนัง สำหรับสิวไม่มีหัวแนะนำว่าไม่ควรแกะหรือบีบ เพราะจะทำให้ไขมันที่อุดตันไหลย้อนกลับเข้าไปในผิวหนังและเกิดการอักเสบขึ้นมาได้
- สิวหัวดำ มีลักษณะตุ่มนูนและมีจุดสีดำอยู่ตรงกลางของหัวสิว สิวประเภทนี้สามารถบีบและกดได้ แต่อาจจะทำให้เกิดรอยหรือการอักเสบขึ้นมาได้ ควรรักษาด้วยวิธีที่ถูกต้องหรือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- สิวผด คือ สิวที่มีลักษณะเหมือนผดผืนเม็ดเล็กๆ สีแดง สามารถมองเห็นได้ มักขึ้นบริเวณตามหน้าผากและขมับ พบได้บ่อยเมื่ออยู่ในที่ที่มีอากาศอบอ้าว อากาศร้อน ส่วนใหญ่เกิดจากความร้อนและแสงแดด ทำให้ผิวหนังต้องเร่งการขับเหงื่อและเมื่อต่อมเหงื่อไม่สามารถระบายเหงื่อออกมาได้หมด จึงทำให้เกิดการอุดตันและกลายมาเป็นสิวผดในที่สุด
- สิวหิน หรือ สิวข้าวสาร คือ สิวที่มีลักษณะเป็นสิวเม็ดเล็กๆ สีขาวคล้ายๆกับไข่มุกหรือเม็ดข้าวสาร มีขนาดประมาณ 1 - 2 มิลลิเมตร มักจะขึ้นตามบริเวณใบหน้า หน้าผากแก้ม จมูก หรือเปลือกตา สามารถพบได้กับทุกเพศทุกวัย บางคนอาจจะมีอาการคันร่วมด้วย โดยสิวชนิดนี้จะสามารถหายไปได้เองภายในระยะเวลาไม่กี่สัปดาห์หรือไม่กี่เดือน แต่สำหรับคนที่เป็นเกิน 3 เดือน แนะนำให้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษา
สำหรับสิวหิน หรือ สิวข้าวสาร ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้เกิดสิวชนิดนี้
- สิวไต คือ สิวที่ไม่มีหัว มักไม่มีอาการเจ็บเมื่อสัมผัสหรือบีบ นิยมขึ้นบริเวณบนใบหน้าตามหน้าผากหรือคาง สิวชนิดนี้เกิดจากการอุดตันในรูขุมขน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงแล้วเกิดการอุดตัน สภาพอากาศ ความเครียด รวมไปถึงกรรมพันธุ์ด้วย
สิวที่มีการอักเสบ
คือ สิวที่มีการอุดตันรูขุมขนและเกิดการอักเสบร่วมด้วยส่วนใหญ่มักเกิดจากสิวหัวปิดที่ไม่ได้มีการรักษาหรือการรักษาที่ไม่ถูกวิธี และมักจะรู้สึกเจ็บปวดเมื่อสัมผัสบริเวณที่เป็นสิว โดยสามารถแบ่งสิวอักเสบได้เป็น 4 ประเภทหลักๆได้แก่
- สิวหัวหนอง คือ สิวที่มีลักษณะบวมแดง ขนาดเท่ากับเม็ดสิวทั่วไป มีหนองสีขาวอยู่บริเวณหัวสิว สิวชนิดนี้เกิดจากการอักเสบของต่อมเหงื่อและรูขุมขน
- สิวหัวช้าง คือ สิวที่มีขนาดที่ใหญ่กว่าเม็ดสิวปกติทั่วไปและมีความแข็งมากกว่าปกติ มักฝังลึกลงไปในผิว
- สิวติดสาร หรือ สิวสเตียรอยด์ คือ สิวสเตียรอยด์มีลักษณะเป็นตุ่มน้ำ ตุ่มหนอง คล้ายกับตุ่มพุพอง สามารถเกิดขึ้นพร้อมกันทีเดียวหรืออาจะเกิดขึ้นมาทีละนิดโดยทุกเม็ดจะมีลักษณะเหมือนกัน สาเหตุการเกิดสิวสเตียรอยด์นั้นจะแตกต่างจากการเกิดสิวโดยทั่วไป การเกิดสิวประเภทอื่นๆจะเกิดจากการอุดตันหรือการอัดเสบของรูขุมขนหรือต่อมเหงื่อ แต่การเกิดสิวสเตียรอยด์เกิดจากการที่ใช้สารสเตียรอยด์ต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยจะพบสิวสเตียรอยด์เฉพาะบริเวณที่ทายาที่มีสเตียรอยด์ผสมเท่านั้น จะไม่มีการลุกลามไปบริเวณอื่น เช่น หากทาครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์บริเวณแก้ม ก็จะเกิดสิวสเตียรอยด์ที่บริเวณแก้มเท่านั้น
- สิวซีสต์ คือ มีลักษณะคล้ายกับสิวหัวช้างหรือฝี มีขนาดใหญ่ มีหนองฝังลึกอยู่ภายใต้ผิวหนัง และมีอาการรุนแรงกว่า เมื่อเผลอไปสัมผัสจะมีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง สิวชีสต์ถือเป็นสิวอักเสบชนิดที่มีความรุนแรงมากที่สุด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรักษาและให้แพทย์ให้คำแนะนำ
บริเวณที่มักเกิดสิว
สิวมักพบได้ตามบริเวณที่มีไขมันอยู่เป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เมื่อมีไขมันที่มากเกินความจำเป็นและไม่สามารถหาทางระบายออกได้จึงทำให้เกิดการอุดตันและกลายเป็นสิวเจ้าปัญหาในที่สุด บริเวณที่มักเกิดสิว ได้แก่
สิวที่คาง
ด้วยการแพร่ระบาดของโควิด19 ในปัจจุบันทำให้ทุกคนต้องใส่แมสก์เพื่อออกไปใช้ชีวิตประจำวันกันข้างนอกและการใส่แมสก์ก็ทำให้ใครหลายคนเกิดสิวขึ้นตามมาที่บริเวณค้าง แต่นอกจากแมสก์แล้วยังมีปัจจัยอย่างอื่นที่ทำให้เกิดสิวบริเวณคาง ได้แก่ การทำงานที่ผิดปกติของฮอร์โมน , การสัมผัสบริเวณคางและใบหน้าโดยไม่จำเป็น , ฝุ่นและมลภาวะต่างๆ หากคุณล้างหน้าไม่สะอาดก็สามารถเกิดสิวขึ้นบริเวณคางได้เหมือนกัน
สิวที่หน้าผาก
หน้าผากถือเป็นตำแหน่งยอดฮิตสำหรับคนที่เป็นสิว สิวที่ขึ้นบริเวณหน้าผากสำหรับคนที่มีผิวมันมักจะเป็นสิวอุดตันมีลักษณะคล้ายกับสิวผด สำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่ายสิวที่เกิดขึ้นบริเวนหน้าผากมักจะเป็นสิวผดเล็กๆ สาเหตุของสิวที่หน้าผาก เพราะบริเวณหน้าผากมีต่อมไขมันอยู่เป็นจำนวนมากจึงมีการผลิตน้ำมันออกมาที่ผิวมากกว่าบริเวณอื่น (T - Zone) และ การอุดตันของสิ่งสกปรก ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่น , เครื่องสำอาง หรือ สกินแคร์ที่คุณใช้งานไม่ได้มีการทำความสะอาดที่ดีและเหมาะสมก็จะทำให้มีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่และทำให้เกิดสิวขึ้น
สิวที่จมูก
จมูกเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันเป็นจำนวนมาก ทำให้บริเวณจมูกมีน้ำมันที่ผลิตออกมาเป็นจำนวนมากและเกิดการอุดตันได้ง่าย สิวที่จมูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
- สิวเสี้ยน เกิดจากความผิดปกติของต่อมรูขุมขนและการรวมตัวกันของไขมันและเซลล์ผิวที่ตายไปแล้วทำให้เกิดสิวเสี้ยนขึ้นบริเวณจมูก เป็นสิวที่มีลักษณะหัวสีดำอยู่บริเวณปากรูขุมขน
- สิวอักเสบ เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นเม็ดใหญ่ มีหัว หรือ ไม่มีหัวแต่เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกเจ็บปวด สิวชนิดนี้ไม่ควรบีบหรือกดด้วยตัวเองเพราะอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้
สิวที่แก้ม
สิวที่แก้มสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากสิ่งสกปรกและการทำความสะอาดที่ไม่ดีพอ ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่นจากปลอกหมอน สมาร์ทโฟนที่ใช้อยู่เป็นประจำแต่ไม่เคยทำความสะอาด หรือ อาจจะเกิดจากการแพ้สกินแคร์และเครื่องสำอางบางอย่างก็สามารถทำให้เกิดสิวที่แก้มได้ นอกจากสิ่งสกปรกและการแพ้ยาหรือเครื่องสำอางแล้ว การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน เช่น เวลาตั้งครรภ์ เป็นประจำเดือนก็สามารถทำให้เกิดสิวที่แก้มได้เช่นเดียวกัน
สิวที่ปาก
สำหรับใครที่เคยเป็นสิวที่ปากย่อมรู้ดีถึงความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดของมันอย่างแน่นอน สาเหตุของสิวที่ปากมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้หญิงในช่วงที่มีประจำเดือน , การแพ้ยา แพ้เครื่องสำอาง แพ้สกินแคร์ที่ใช้ หรือจะเป็นการรับประทานอาหารและมีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่บริเวณปากจนทำให้เกิดสิว
สิวที่คอ
สิวที่คอเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น จากผมของคุณมีความมันและสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ , การแพ้แชมพูสระผม , การใส่เสื้อผ้าที่ไม่มีรูระบายอากาศทำให้เหงื่อออกเวลาร้อนและก่อให้เกิดสิว รวมไปถึงความเครียดจากการทำงานและฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวบริเวณคอได้ทั้งนั้น
สิวที่หลัง
ปัจจัยสิวที่หลังถือเป็นตำแหน่งที่สาวๆหลายคนรู้สึกรำคาญใจ อยากจะใส่เสื้อผ้าโชว์แผ่นหลังสวยๆแต่ไม่มีความมั่นใจเพราะหลังของคุณมีสิวอยู่เป็นจำนวนมาก สิวที่หลังเกิดจากความมัน เซลล์ผิวที่ตาย และ การอุดตัดรูขุมขนของแบททีเรียที่ทำให้เกิดสิวที่บริเวณหลัง นอกจากนี้สิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในเสื้อผ้าก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวที่หลังได้เช่นเดียวกัน สิวที่ขึ้นบริเวณหลังสามารถเป็นได้ทั้งสิวที่มีการอักเสบและสิวที่ไม่มีการอักเสบ หากสิวที่หลังมีขนาดใหญ่มากๆและมีจำนวนเยอะมาก แนะนำให้ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรักษา
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิว
วิธี รักษา สิว ฮอร์โมน
ในช่วงที่ฮอร์โมนมีความผิดปกติและไม่สมดุล ผิวจะมีการผลิตน้ำมันออกมาเป็นจำนวนมากทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตันและเกิดสิวขึ้นได้ง่าย วิธีรักษาก็ง่ายๆ เพียงคุณลดความเครียดลงมาโดยการหากิจกรรมเพื่อบำบัด มั่นดูแลรักษาความสะอาดของผิวหน้าให้ดีไม่ให้มีสิ่งสกปรกตกค้าง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงต่อร่างกาย งดอาหารของมันของทอด และออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ เพียงเท่านี้ก็จะสามารถช่วยลดโอกาสการเกิดสิวฮอร์โมนได้
สิวเห่อเต็มหน้า เกิดจากอะไร
สิวเห่อเต็มหน้านั้นเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคน พฤติกรรมที่ทำให้สิวเห่อเต็มหน้า ได้แก่ การนอนดึกพักผ่อนไม่เพียงพอ , สัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น , ไม่ทำความสะอาดของใช้ส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นปลอกหมอน แปรงแต่งหน้า ผ้าขนหนู , แพ้สกินแคร์หรือเครื่องสำอาง , ล้างหน้าผิดวิธี หรือ การสวมใส่แมสก์ และนอกจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันแล้วฮอร์โมนและกรรมพันธุ์ก็ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้สิวเห่อเต็มหน้าได้เหมือนกัน
ผิวไม่แข็งแรง เป็นสิวง่าย
ผิวไม่แข็งแรง หรือ ผิวอ่อนแอ ทำให้เกิดสิวขึ้นได้ง่าย โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นคนที่มีผิวแพ้ง่ายบวกกับผิวมันเพราะต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากกว่าผิวประเภทอื่นๆ ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่ายและเกิดสิวขึ้นมา นอกจากจะเกิดการอุดตันแล้วเกาะปกป้องกันผิวที่เสือมสภาพลงก็ทำให้เกิดสิวได้เหมือนกัน โดยส่วนใหญ่มักจะเกิดกับคนที่มีผิวไม่แข็งแรง
ปัจจัยสำหรับคนที่มีผิวไม่แข็งแรงเป็นสิวง่ายกว่าคนอื่นๆ ได้แก่ พันธุกรรม สำหรับใครที่คุณพ่อคุณแม่เป็นสิวก็มีโอกาสที่จะได้รับยีนส่วนนั้นมาจากคุณพ่อคุณแม่ , ฮอร์โมน ฮอร์โมนกับสิวถือเป็นของคู่กัน การที่ฮอร์โมนเปลี่ยนหรือผิดปกติก็จะทำให้เกิดสิว , การทำความสะอาดผิว ควรใช้ผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคนหากคุณเป็นคนที่มีผิวแพ้ง่ายควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่าย และการใส่แมสก์ทำให้เกิดการระคายเคืองและอับชื้นเป็นที่อยู่อาศัยของแบททีเรียซึ่งทำให้เกิดสิวได้ที่บริเวณคางและแก้ม
สรุป สิว (Acne)
แม้ว่าสิวจะไม่ได้มีความรุนแรงอันตรายถึงชีวิต แต่การรักษานั้นต้องใช้เวลาไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตั้งแต่เริ่มเป็นสิว เพื่อหาวิธีรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน เพื่อให้ได้วิธีรักษาสิวที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่ควรรับประทานยารักษาสิวโดยไม่ปรึกษาแพทย์เนื่องจากอาจจะมีผลข้างเคียงที่รุนแรงและไม่ควรกดสิวด้วยตัวเองเพราะอาจจะทำให้เกิดหลุมสิวและรอยแผลเป็นที่รักษายากกว่าเดิม
วาสนภ วชิรมน. (2016). สิว (ตอนที่ 1). hauty-full
วาสนภ วชิรมน. (2016). สิว (ตอนที่ 2).
โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล. โบกมือลา ปัญหา “สิว”
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
ตรงนี้มีคำตอบคนละครึ่งพลัสเฟส 1 ใช้ไม่หมดสามารถนำไปใช้เฟส 2 ได้หรือไม่
วิธีป้องกันตะขาบในบ้าน ลดเสี่ยงโดนกัด
ภาษาที่ควรเรียนที่สุด ในอีก5ปีข้างหน้า
"ประธานสหภาพฯ" บริษัทไดกิ้น เปิดใจหลังสั่งปิดงาน! ชี้ ยังต้องได้โบนัส
หนุ่มอเมริกันทุบสถิติโลก วิ่งฮาล์ฟมาราธอนพร้อมเสื้อยืด 137 ตัว น้ำหนักกว่า 21 กิโลกรัม!
หม้อต้มแรงดันสูงระเบิด เจ้าของโรงงานขนมจีนเสียชีวิต บาดเจ็บอีก 2 ราย
คน 5 กลุ่มที่ไม่ควรแช่เท้าในน้ำอุ่น เพราะอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพมากขึ้น
จัดอันดับเรื่องลึกลับของภูเขา
หม้อต้มแรงดันสูงระเบิด เจ้าของโรงงานขนมจีนเสียชีวิต บาดเจ็บอีก 2 ราย
จัดอันดับเรื่องลึกลับของภูเขา
หนุ่มอเมริกันทุบสถิติโลก วิ่งฮาล์ฟมาราธอนพร้อมเสื้อยืด 137 ตัว น้ำหนักกว่า 21 กิโลกรัม!
อยากสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำ เริ่มต้นอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ
เมทัลชีท PU คืออะไร? วัสดุที่เหมาะสำหรับบ้านและอาคาร
[ด่วน!] ใกล้สิ้นปีแล้ว จองสถานที่จัดเลี้ยงบริษัท ขอนแก่น ที่ "ร้านคัม" ริมบึงหนองโคตร บรรยากาศดี โปรฯเพียบ!
ทริคประหยัดค่าไฟสูงสุดถึง 50% ต่อเดือน แค่ใช้แอร์ให้ถูกวิธี!



