แกงคั่วหัวตาล
ถ้าเราไปแถวเพชรบุรี กาญจนบุรี
สุพรรณบุรี เราก็จะเห็นต้นไม้ชนิดหนึ่ง
ต้นสูง ต้นกลาง มีผลมีใบใหญ่เป็นแฉก
คือ "ต้นตาล"
ต้นตาลที่เรารู้จักกันก็มี 2 พันธุ์ คือ
1.ตาลยืนต้น กับ 2.ตาลโตนด
> ประโยชน์ของ " ตาล "
1.ส่วนของลำต้น สามารถนำไปทำไม้
ปลูกบ้านได้ ทำเขียวได้ ทำฟืนได้
ทำสะพานข้ามคลอง แปรรูปเป็น
งานฝีมือหัตถกรรมได้
2.ส่วนใบตาล
นำไปทำพัดได้ ตกแต่งบ้านกันแดด
ทำจักรสาน สานเป็นแมลง ได้
หรือ ห่อขนมได้ด้วย
3.ผลลูกตาล
ส่วนจาวตาล นิยมนำไปทำขนม
เชื่อม ลอยแก้ว ขนมปัง ขนมเค้ก
หรือจะกินสดๆ ก็ชื่นใจ
ส่วนลูกตาล นำไปทำขนมตาล
4.ส่วนลูกอ่อน ๆ เป็นส่วนที่นิยมมาก
นิยมนำไปแกงคั่ว ใส่ปลา ใส่หมูสามชั้น
ส่วนนี้จะมีความเฝื่อน ขม จะต้องต้มก่อน
เพื่อลดความขม เฝื่อนลง ด้วยการ
ลวกกับน้ำตาลทราย ช่วยลดขมได้
หรือต้มใส่มะขามเปียก ช่วยให้ไม่ดำ
และลดขมได้ด้วย ขมเจอเปรี้ยว
กลายเป็นอร่อย นำไปแกงกันเลย
> แกงคั่วหัวตาล
เป็นแกงโบราณมีมานานมาตั้งแต่สมัย
ก่อน นิยมแกงใส่ปลาย่าง ปลาช่อน
หมูสามชั้น รสชาติเค็ม หวานนิดๆ
หอมน้ำพริกแกงยั่วยวลใจ
> ส่วนประกอบของ "แกงคั่วหัวตาล"
1.น้ำพริกแกงคั่ว (สูตรรวบรัด คือ)
น้ำพริกแกงเผ็ด + ปลาป่น หรือกุ้งแห้งป่น
โขลกเพิ่มได้พริกแกงคั่วแล้วค่ะ
2.หัวตาล ลวกเอาความขมออกเล็กน้อย
หรือถ้าใครชอบขม ก็ใส่เพียวๆได้
ขมอร่อยแล้วแต่ความชอบ ส่วนตัวชอบ
ขมนิดๆ เสน่ห์ของแกงนี้
3.หมูสามชั้น หรือ ปลาย่าง จะเป็น
ปลาทู ปลาริวกิว ปลาอินทรีย์สด
4.กะทิ
5.เครื่องปรุง น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา
6.ใบโหระพา พริกชี้ฟ้าแดง
...พร้อมแกงได้เลยค่ะ...
- ตั้งกระทะเคี่ยวหัวกะทิให้แตกมัน
ใส่พริกแกงลงผัดจนหอม สุก ไม่งั้น
พริกแกงจะขมและปร่าไม่อร่อย
- ใส่น้ำตาลปี๊บลงไปช่วยให้แกงลดปร่า
ลงแต่ไม่ได้ใส่ให้หวานเกินนะ แค่พอ
ลดความปร่าของสมุนไพรให้นุ่มนวลลง
- ใส่เนื้อหมูลงไปผัดจนสุก ตามด้วย
หัวตาลที่จัดการฝานบาง ลวกน้ำ ลงไป
เคี่ยวกับกะทิจนน้ำแกงซึมเข้าไปในเนื้อ
หัวตาลจะช่วยให้นุ่ม ไม่ข่มได้ด้วย
- ปรุงรสด้วย น้ำปลาใส่ต้นเดือดนะ
ไม่งั้นน้ำปลาจะคายได้ เพิ่มน้ำตาลปี๊บ
อีกเล็กน้อย เพื่อช่วยให้กลมกล่อมขึ้น
ชิมรสชาติที่ต้องการแล้ว เค็ม หวาน มัน
หอมพริกแกง เคี่ยวต่ออีกนิด
**แกงชนิดนี้ยิ่งอุ่นยิ่งอร่อยเข้มข้ม
- ใส่ใบโหระพา พริกชี้ฟ้าแดง เดือดอีกที
ปิดไฟพร้อมเสิร์ฟ ค่ะ
รับประทานกับข้าวสวยร้อน ๆ
หรือ ขนมจีน ก็อร่อยกินจนหมดหม้อ