เพลงแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่มีการบันทึกเสียงใน'คุก'
เพลงแรกในประวัติศาสตร์ไทย
ที่มีการบันทึกเสียงใน'คุก'
"บุญนำพา
หรือวาสนาน้อมนำ
ถึงอยู่ในเรือนจำ
ยังทำให้พบน้องได้
เพียงสบตายังนึกผวาฝันใฝ่
เธองามยิ่งกว่านางใด
ทำไมถึงได้มาเจอ
สวยจริงคนดี
น้องยังอุตส่าห์ปราณี
ให้พี่ได้พบกับเธอ
แค่เพียงเห็นกัน
ทุกๆวันนอนเพ้อ
อยากออกจริงเออ
ไปหาเธอถึงบ้าน.."
"รักข้ามกำแพง"..สังข์ทอง สีใส
ช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ของสังข์ทอง สีใส
ในทุกๆด้านนับแต่อายุ 23 ปีเป็นต้นมา
ด้านครอบครัวก็มีภรรยาที่แสนสวยชื่อ ฉันทนา ศรีเหรา และให้กำเนิดลูกชายในปี พ.ศ.2512 ก่อนมาแสดงภาพยนตร์ ให้ชื่อว่า สุรัตน์ ศรีเหรา
แต่ชีวิต ก็คือ'ชีวิต'
ที่จะยืนยันวิถีแห่งมันด้วยการมอบบททดสอบครั้งใหญ่ และ'ครั้งเดียว'ให้กับทุกชีวิตบนโลกอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อพาวิถีไปสู่จุดเปลี่ยน และมนุษย์มักจะประสบพบเจอในเวลาที่ชีวิตกำลังรุ่ง...มันมาเพื่อให้ชีวิตไปสู่การเป็นปัจเจกบุคคลที่สมบรูณ์แบบขึ้นอีกระดับ คนที่ใจแกร่งและนิ่งพอเท่านั้นที่สามารถก้าวข้ามผ่านบททดสอบนี้..
แต่เส้นทางแห่งการเป็น 'ตำนานชีวิต'บางตำนาน หาได้เป็นเช่นนั้น ..
6 ปีเต็ม... (2513 - 2518)
ที่สังข์ทองทั้งแสดงภาพยนตร์และร้องเพลงมีวงดนตรีเป็นของตนเอง ชีวิตกำลังไปได้ดี ก็เกิดเรื่อง เมื่อเขารับงานแสดงดนตรีที่จังหวัดชัยภูมิ ในปี พ.ศ.2518
หลังเสร็จจากงานถ่ายทำภาพยนตร์
ก็รีบเดินทางไปยังชัยภูมิ แต่ระหว่างทางรถเกิดเสียกลางทาง ก็รีบพยายามแกไข ขณะเวลาก็ล่วงเลยไปนาน สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนเพลง สังข์ทองพยายามแก้ไขจนสามารถเดินทางมาถึงจนได้ เขาก็ทำการขอโทษขอโพยแฟนเพลง
แต่ก็มีเสียงโห่...จากคนกลุ่มหนึ่ง
แต่สังข์ทองก็พยายามทนอดกลั้นไว้ ทั้งที่ตอนนั้นแสนเหนื่อยและหงุดหงิดกับปฎิกริยาของคนกลุ่มนี้ ขณะร้องเพลงอยู่ คนกลุ่มเดิมก็ขว้างปาของขึ้นมา จนสังข์ทองบันดาลโทสะชักปืนขึ้นยิงเข้าใส่คนกลุ่มนั้นจนเสียชีวิตไป1คน สังข์ทองถูกจับ โดยไม่คิดหนี ก่อนจะขอประกันตัวออกมาเพื่อไปปิดหนังที่ถ่ายค้างอยู่
สังข์ทองรู้ชะตาชีวิตตนเองดี..
ว่าคงไม่รอดจากการติดคุกแน่ จึงมาลาเมียและลูก แล้วก็ไม่รอดจริงๆ เขาถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 12 ปี
การใช้ชีวิตในคุกสำหรับคนอื่น
อาจจะปกติ
แต่สำหรับสังข์ทองนั้นสุดจะยากลำบาก
ด้วยร่างกายที่เผชิญกับความร้อนไม่ได้เพราะไม่มีไรขน บนผิวหนังของสังข์ทองนั้นไม่มีรูขุมขนเหมือนคนอื่น ทำให้ระบายความร้อนในร่างกายออกพร้อมเหงื่อไม่ได้ ยามกินข้าวก็ต้องกินแต่ข้าวสวยผสมน้ำคล้ายข้าวต้มเละๆเพราะเขาไม่มีฟัน การเคี้ยวอาหารของสังข์ทองแต่ละคำนั้นแสนลำบาก เป็นที่เวทนาต่อเพื่อนนักโทษด้วยกันที่เห็น
ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในเรือนจำ
ฉันทนาภรรยาแสนสวยของสังข์ทองไม่เคยทอดทิ้งเขาเลย ไปหาเขาไม่เคยห่าง ตลอดเวลาที่อยู่ในเรือนจำ
ระหว่างอยู่ในเรือนจำ สังข์ทองได้ใช้ความเป็นนักร้อง ร้องเพลงให้เพื่อนๆในเรือนจำฟังประจำ จนได้เป็นนักโทษชั้นดี และได้ลดโทษทุกปีๆ กระทั่งปี พ.ศ.2524 ซึ่งสังข์ทองจะได้รับการอภัยโทษ ก็ได้แต่งเพลง "รักข้ามกำแพง" บรรยายความรู้สึกที่ภรรยาไม่เคยทอดทิ้งเขาตลอดที่ผ่านมา จึงได้ขออนุญาตผู้บังคับการเรือนจำ ขอให้มีการบันทึกเสียงเพลง รักข้ามกำแพง เพื่อนำไปสู่แฟนเพลงได้ฟังก่อนเขาจะออกไป ปรากฏว่าเขาโชคดีที่ผู้บังคับการเรือนจำอนุญาต
เพลง "รักข้ามกำแพง" จึงเป็นเพลงแรกในประวัติศาสตร์ ที่บันทึกเสียงในเรือนจำ
หลังพ้นโทษ..
สังข์ทอง ก็เดินสายทำเพลงใหม่ออกมา และตั้งวงดนตรีขึ้นมาใหม่ ชีวิตหลังเรือนจำสำหรับเขายังไม่ดับ เพราะมีเจ้าของหนังหลายเรื่องได้ทาบทามเขามาแสดง อาทิ 4 คิงส์ ประกาศิตนักเลง ดอกฟ้ากับเด็กวัด พยัคฆ์ร้าย 6 แผ่นดิน ยอดเยาวมาลย์ นี่คือหนังปี พ.ศ.2525 นอกจากนี้ยังมีเรื่อง เสี่ยวอีหลี (2526)และ ผ่าโลกบันเทิง (2527)
กระทั่งในปี พ.ศ.2527
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/photo?fbid=2923471331290513&set=pcb.3133819736947524
เพชรกิ่งโผน 28สตูดิโอ เรียบเรียง
Cr:สหายเช เพื่อนคนจร