อนาคต “โทรคมนาคมไทย” ความยากในอุปสรรค (Barriers to Entry)
อนาคต “โทรคมนาคมไทย” ความยากในอุปสรรค (Barriers to Entry)
หลังจบการฟังความคิดเห็นสาธารณะ ดีลทรู&ดีแทค ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ส่วนใหญ่ให้ความเห็น “สนับสนุน” ดีลทรู&ดีแทค มีความเห็นเหมือนกันภาพอนาคตของตลาดโทรคมนาคมไทยอาจถึงทางตัน และไม่สามารถต่อสู้กับการเทคโนโลยีดิสรัปชั่นภาคธุรกิจได้ ร่วมถึงต้นทุนของธุรกิจที่ต้องลงทุนสูงต่อเนื่อง เป็นสาเหตุสำคัญทำให้ไทยมีจำนวนผู้เล่นโทรคมนาคมน้อยราย และมีความยากในอุปสรรค (Barriers to Entry) ที่ผู้ให้บริการต้องรับภาระดอกเบี้ยและลงทุนรองรับเทคโนโลยีใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเหตุผล 4 ประเด็น ดังนี้
1. เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็วจาก 3G 4G 5G และ 6G จนไม่สามารถคืนทุนได้ทัน
2. เป็นธุรกิจที่ต้องลงทุนสูงระดับแสนล้าน ซึ่งมีผู้ประกอบการเพียงไม่กี่รายที่สามารถรับภาระต้นทุน
3. มีกฎระเบียบกำกับและควบคุมทำให้ไม่สามารถกำหนดราคาเองได้ โดยมีเพดานกำหนดกรอบไว้โดยกสทช. (มาตรา 51)
4. ผู้ให้บริการ OTT (Over-the-Top) แย่งส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการ เช่น ส่งข้อความ การโทร และบริการเสริมต่างๆ เป็นต้น นี่คือ สาเหตุหลักสำคัญที่หน่วยงานภาครัฐต้องทบทวน!!
ปัจจุบันแพลตฟอร์ม OTT (Over-the-Top) ที่มีการใช้งานในประเทศไทย ยังไม่มีกลไกควบคุมหรือกำกับดูแลจากหน่วยงานภาครัฐ ผู้ให้บริการเครือข่ายต้องประสบภาวะที่ยากต่อการแข่งขันกับผู้เล่นดิจิทัล เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น สรุปเป็น 9 ข้อ ที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกภาคส่วนต้องนำทบทวนและหาทางออก
1. ค่าใบอนุญาตค่าคลื่นที่ผู้ให้บริการเดิมต้องจ่าย แต่ผู้ให้บริการในรูปแบบดิจิทัลจากต่างประเทศไม่ต้องจ่าย เช่น ไลน์ เฟซบุ๊ก Skype เป็นต้น
2. ผู้เล่นโทรคมนาคมในปัจจุบัน ต้องเสียภาษีเต็มเม็ดเต็มหน่วย ในขณะที่ผู้ให้บริการดิจิทัลส่วนใหญ่ มีสำนักงานอยู่ต่างประเทศ นอกจากไม่ต้องจ่ายภาษีแล้ว ยังไม่ต้องเคร่งครัดในการปฏิบัติตามกฎระเบียบของประเทศไทย
3. การใช้งานดาต้าที่เพิ่มมากขึ้น ลูกค้าจ่ายค่าโทรศัพท์ ค่าดาต้าเท่าเดิม และมี กสทช. ควบคุมราคา ในขณะที่บริษัทดิจิทัลไม่มีหน่วยงานรัฐควบคุม และไม่ต้องจ่ายค่าการใช้ดาต้าให้กับผู้ให้บริการโทรคมนาคมเดิม
4. อุปกรณ์มือถือรุ่นใหม่รวมถึงแอปพลิเคชั่นไลน์ เฟซบุ๊ก มีการปิดกั้นข้อมูลผู้ใช้งาน ทำให้บริษัทโทรคมนาคมเดิมรู้จักลูกค้าน้อยลง
5. ผู้เล่นดิจิทัลจากต่างประเทศ เตรียมเปิดให้บริการโทรศัพท์ไร้ซิมในอีกไม่เกิน 3 ปี ข้างหน้า ทำให้การโทรออกทั้งหมดผ่านดาต้า และ ทำให้เกิดการสูญเสียรายได้ ทำให้ทั้ง เอไอเอส ทรู และ ดีแทค ต้องหันมาให้บริการโทรผ่านดาต้าแข่งกับไลน์ มิเช่นนั้นรายได้ค่าโทรจะลดลงอย่างมาก
6. การเข้ามาของโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม ซึ่งไม่ได้ใช้เครือข่ายสัญญานมือถือเดิม ซึ่งล่าสุด SpaceX ได้ทดลองให้บริการสื่อสารที่ฟิลิปปินส์ โดยฟิลิปปินส์มีอัตราผู้เข้าถึงอินเตอร์เน็ต 74 ล้านคน และมีอัตราผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเป็นอันดับ 6 ของโลก ซึ่งจะมีการยิงดาวเทียมจากทั่วโลก ทำให้ผู้เล่นเดิมมีโอกาสหลุดออกจากธุรกิจจากการ Disruption ดังนั้นต้องสนับสนุนให้บริษัทโทรคมนาคมไทยปรับตัว ไม่ใช่ควบคุมให้ทำธุรกิจแบบเดิม
7. โทรคมนาคมไทย มีเพียงเอไอเอส ที่ทำกำไรต่อปีสูงพอที่จะลงทุนเพิ่มแข่งขันกับผู้เล่นดิจิทัล ในขณะที่ผู้เล่นที่เหลือในอุตสาหกรรม มีกำไรไม่เพียงพอที่จะลงทุนเพิ่ม ดังนั้นการควบรวมและปรับโครงสร้างจะเป็นการลดต้นทุนที่ซ้ำซ้อน เพิ่มจำนวนเครือข่ายให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีขึ้น และมีความสามารถทัดเทียมในการแข่งขัน ซึ่งจะเกิดผลดีกับลูกค้ามากกว่าการมีผู้นำเดี่ยวเพียง 1 ราย
8. ผู้เล่นดิจิทัลมีลักษณะการดำเนินธุรกิจแบบ Start Up ปรับตัวง่ายและเร็วกว่า เพิ่มทุน ลงทุน ควบรวม ได้โดยไม่มีการถูกบังคับ ในขณะที่ผู้เล่นในโทรคมนาคมเดิม กฎระเบียบภาครัฐที่ขาดความชัดเจน ในขณะที่กฎหมายเดียวกัน CAT และ TOT ควบรวมกิจการเกิดเป็นบริษัท NT ทำให้ในอนาคตจะยิ่งเหลือผู้เล่นน้อยราย โดยเฉพาะหากทรูและดีแทคไม่สามารถควบรวมสำเร็จ
9. รูปแบบการให้บริการสมัยใหม่ ที่จ่ายค่าโทรศัพท์มือถือเป็นรายเดือน ทำให้แบรนด์โทรศัพท์มือถือ จะเก็บเงินลูกค้าแบบ subscription และ มีบทบาทในการดูแลลูกค้าแทนผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือแบบเดิม และมีรูปแบบธุรกิจที่หลากหลายกว่า โดยไม่ถูกควบคุม
ทั้งหมดนี้คือ 9 เหตุผลที่เป็นความยากในอุปสรรค (Barriers to Entry) ของอุตสาหกรรมที่ "โทรคมนาคมเก่า" หากยังวางเฉยในเรื่องนี้ ประเทศไทยจะเป็นเมืองขึ้นทางเทคโนโลยี ปล่อยให้ตลาดโทรคมนาคมใหม่ (Newtelco market) เข้ามาอยู่ในส่วนแบ่งตลาดของผู้ประกอบการโทรคมนาคมไทย
ขอทำนายว่า ภายใน 3-5 ปีนี้ บริษัทเดิมในโทรคมนาคมไทยจะอยู่รอดได้ยาก หากถูกจำกัดกรอบดำเนินธุรกิจในตลาดที่แคบๆ แต่ต้องลงทุนสูงอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นเหมือนยักษ์ที่อยู่ในตะเกียงที่ไม่สามารถออกไปได้ หน่วยงานภาครัฐที่มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแล ต้องสนับสนุนและผลักดันขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย หาใช่การกำกับเพื่อให้รายใดรายหนึ่งเป็นผู้นำเดี่ยวในตลาดไม่
--------------------------------------