“เทพไท” ดุดันย้ำคำเดิมไม่ขอโทษร่วมชุมนุมกปปส. ลั่นขอทุกคนภูมิใจ
“เทพไท” ยืนยันไม่ขอโทษร่วมชุมนุมกปปส.และเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ลั่นขอให้เพื่อนร่วมอุดมการณ์ภูมิใจ เข้าใจ “จอนนี่ แอนโฟเน่” เข้าชุมนุมหวังการเมืองเป็น ปชต. ชี้ ให้คะแนนการเมืองช่วงนั้นแค่ 50%
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า เข้าใจคุณจอนนี่ แอนโฟเน่ที่ออกมาขอโทษสังคม
ช่วงนี้ผมเห็นหลายคนออกมาขอโทษ ต่อการแสดงออกทางการเมืองของตัวเองในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลที่สามารถกระทำได้ แต่ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งซึ่งอยู่ในเหตุการณ์วิกฤตทางการเมืองของบ้านเมืองเช่นกัน จะขอลำดับถึงปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ในช่วงวิกฤติการเมืองออกเป็น 4 ช่วงดังนี้
ช่วงที่ 1 มีการเสนอ พรก.นิรโทษกรรม ของรัฐบาลเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการอภิปรายคัดค้านกันอย่างกว้างขวาง จากส.ส.ฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ แม้แต่สมาชิกฝ่ายรัฐบาลในขณะนั้นบางคน ไม่เห็นด้วยกับการออก พรก.นิรโทษกรรม เพราะพ่อของเขาเสียชีวิตจากเหตุการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดงด้วย แต่รัฐบาลยังดึงดันที่จะผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมแบบสุดซอยไปให้ได้ โดยการลงมติตอนตี4 ซึ่งถูกเรียกว่าเป็นกฎหมายล้างผิดให้กับคนโกง หรือกฎหมายลักหลับ
ช่วงที่ 2 เมื่อการต่อสู้ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไม่ประสบความสำเร็จ ก็มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จำนวนหนึ่ง ได้ลาออกจากการเป็นส.ส.ไปเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกสภา มีการชุมนุมต่อต้านกฎหมายล้างผิดให้คนโกง ในนามกลุ่ม กปปส.ซึ่งมีประชาชนเข้าร่วมการชุมนุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากจำนวนหลักแสนเป็นจำนวนหลักล้านคน และมีการชุมนุมกันอย่างยืดเยื้อยาวนาน เพื่อขับไล่รัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์ ที่มีนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รักษาการนายกรัฐมนตรีอยู่
ช่วงที่ 3 เป็นการทำรัฐประหารของคณะนายทหารกลุ่มหนึ่ง ที่เรียกตัวเองว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กระทำการยึดอำนาจจากรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ หลังจากสถานการณ์บ้านเมืองถึงทางตัน มีการเผชิญหน้าของกลุ่มมวลชนทั้งกลุ่ม กปปส.และกลุ่มนปช. จนมีการเชิญแกนนำของทุกฝ่ายเข้าร่วมประชุมหาทางออกของบ้านเมือง ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต และมีการเสนอให้รัฐบาลของคุณยิ่งลักษณ์ ลาออกจากตำแหน่งทั้งคณะ แต่ได้รับคำตอบการปฏิเสธโดยไม่มีการลาออกแต่อย่างใด จึงเป็นที่มาของการประกาศยึดอำนาจของ คสช.
ช่วงที่ 4 หลังจาก คสช. ได้จัดตั้ง รัฐบาลบริหารประเทศมาเป็นเวลา 4 ปี และมีการยกร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560ขึ้นมา เพื่อใช้ในการสืบทอดอำนาจของ คสช. โดยมีสารสำคัญคือ การแต่งตั้ง ส.ว.จำนวน 250 คน และมีสิทธิ์โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ร่วมกับส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง
จากเหตุการณ์ทั้ง 4 ช่วงนี้ ผมได้มีส่วนอยู่ในทุกสถานการณ์ ถ้าจะถามว่าผมเห็นด้วยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง 4 ช่วงนี้หรือไม่ ผมขอตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า ผมเห็นด้วยกับเหตุการณ์ในช่วงที่ 1 เพราะเป็นส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร และได้อภิปรายคัดค้านอย่างเต็มความสามารถ แต่ไม่สามารถที่จะต้านทานเสียงข้างมากลากไปได้ จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจเข้าร่วมการเคลื่อนไหวกับมวลชนในช่วงที่ 2 คือการเข้าร่วมการชุมนุมกับกลุ่ม กปปส. ซึ่งเป็นความจำเป็นทางการเมือง เมื่อสู้ในสภาไม่ได้เพราะเกิดเผด็จการสภา ก็ต้องออกมาสู้นอกสภาร่วมกับ มวลมหาประชาชน ซึ่งผมเห็นด้วยกับข้อนี้ ส่วนช่วงที่ 3 ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร แต่จะมีคนส่วนหนึ่งที่เห็นว่าบ้านเมืองมาถึงทางตัน มีความขัดแย้งและมีมวลชนเผชิญหน้ากัน มีความรุนแรง มีการล้มตาย จึงจำเป็นต้องมีคนกลางเข้ามายุติปัญหา โดยการควบคุมการบริหารประเทศเพื่อเคลียร์ปัญหาความขัดแย้งระยะหนึ่ง แล้วค่อยคืนอำนาจให้กับประชาชน ส่วนช่วงที่ 4 เป็นการสืบทอดอำนาจของ คสช. ซึ่งเป็นธรรมชาติของฝ่ายเผด็จการ ที่เข้ายึดอำนาจตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ เกิดการเสพติดอำนาจ ต้องการสืบทอดอำนาจต่อไป เหมือนกับการขี่หลังเสือ จะลงจากหลังเสือ ก็กลัวจะถูกเสือกัด จึงต้องขี่หลังเสืออีกต่อไป
ผมเข้าใจความรู้สึกของหลายๆคน รวมทั้งคุณจอนนี่ แอนโฟเน่ ที่เคยเข้าร่วมกับกลุ่ม กปปส.และมีความคาดหวังว่า หลังจากการชุมนุมแล้ว จะมีรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย ปฏิรูปการเมืองในทุกด้าน แต่เมื่อเกิดความล้มเหลวในทุกด้าน ทำให้เกิดความผิดหวังในกลุ่มมวลมหาประชาชน ที่อยากเห็นความเจริญก้าวหน้า ความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง จึงเป็นที่มาของการออกมาขอโทษสังคม และมีส่วนหนึ่งก็แปรเปลี่ยนไปเป็นฝ่ายต่อต้านรัฐบาล ที่มาจากการสืบทอดอำนาจของ คสช.ในปัจจุบันเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ส่วนตัวผมจะไม่ขอโทษใดๆ ยังยืนยันว่าได้ตัดสินใจถูกต้อง ในสถานการณ์การเมืองในขณะนั้น แม้ว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไปตามความคาดหวังไว้ ก็รู้สึกเสียด่ย แต่จะไม่จำเป็นต้องขอโทษและขอให้เพื่อนร่วมอุดมการณ์ทุกคน จงภูมิใจและเชื่อมั่นในเจตนารมณ์ที่ได้แสดงออกทางการเมืองในวันนั้น
ถ้าจะให้คะแนน 100% ใน 4 ช่วงนั้น ผมให้คะแนนช่วงที่1 = 25% ช่วงที่ 2 =25% ช่วงที่ 3 = 0% และช่วงที่ 4 = 0%