"ฆาตกรต่อเนื่องตัวจริงซึ่งเป็นที่มาของหนังเรื่อง Perfume: The Story of a Murderer"
เพื่อนๆ น้องๆ หลายคนอาจจะเคยได้ชมหนังเก่า เรื่องหนึ่ง ชื่อว่า Perfume: The Story of a Murderer 2006 ส่วนตัวคิดว่าเป็นหนังดีในระดับหนึ่งเลย ขอสปอยล์ นิดหน่อยนะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่คลั่งไคล้ ในกลิ่นหญิงสาวอย่างมาก และได้เริ่มจากการพลั้งมือฆ่าหญิงสาว เพื่อนำร่างกายและไขมันของมนุษย์ ลอกออกมาเพื่อทำให้มีกลิ่นและมาทำเป็นน้ำหอม (จึงเป็นที่มาของชื่อหนัง) และได้ฆ่าผู้หญิงไปทั้งหมด 13 คน (น่าจะนะ) ซึ่งตอนนั้นดูหนังเรื่องนี้แล้ว พล๊อตเรื่องดีมากๆ น่ากลัว สัดๆ โรคจิตสุดๆ ผู้หญิงที่ดีกันมัน มันยังฆ่าเลย ถ่ายทอดออกมาได้ดี แต่ตอนจบดันหักมุมไปหน่อย ก็แบบว่า หนัง อะเน๊าะ จบแบบแฟนตาซี ว่าซั่น
แต่ใครเอ๋ย จะรู้บ้างว่า เรื่องนี้ได้แรงบันดันใจมาจากเรื่องจริง ซึ่งแอดก็พึ่งรู้ เลยนำมาเล่าให้ฟัง เรื่องนี้เกิดขึ้นจาก คดีฆาตกรรมต่อเนื่อง รายแรกของประเทศสเปน เลยนะ สมัยก่อนแถวสเปนพ่อแม่จะมีนิทานไว้หลอกเด็กอยู่เรื่องนึง คือเรื่องของ “ตัวกินไขมัน” เป็นสิ่งมีชีวิตที่จะจับเด็กหรือคนหลงทางมาฆ่าเพื่อเอาไขมัน ซึ่งนิทานนี้ไม่ได้เป็นแค่นิทานเท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องที่มีเค้าโครงมาจากคดีสยองที่เกิดขึ้นจริง เป็นเรื่องราวของ “ฆาตกรสบู่มนุษย์" เอาแล้วไง มาจากการทำสบู่ หนังเลยมาดัดแปลงเป็นน้ำหอม
ย้อนกลับไปในปี 1809 ที่สเปน มีเด็กคนนึงชื่อว่า มานูเอลล่า เกิดมาในครอบครัวที่มีอันจะกิน ในตอนแรก เขาถูกเข้าใจว่าเป็นเด็กผู้หญิงแต่เมื่อหมอได้วินิจฉันแล้ว พบว่า เขาเป็นผู้ชาย และเปลี่ยนชื่อเป็น มานูเอล และใช้ชีวิตแบบผู้ชายโดยมีอาชีพเป็นช่างตัดเสื้อ จนเขาได้ตกหลุมรักและแต่งงานกับผู้หญิงคนนึง แต่ไม่นานเธอก็เสียชีวิต เขาก็เลยเลิกอาชีพเป็นช่างตัดเสื้อและออกเดินทางเป็นพ่อค้าเร่ จนไปติดหนี้และเผลอฆ่าเจ้าหนี้ตาย จนต้องหนีคดีไปเรื่อย
เมื่อหนีคดีไปเรื่อย จนเขาต้องไปทำงานปั่นด้าย ซึ่งเป็นที่ผู้ชายสมัยนั้นไม่ทำ ดูถูกว่าเป็นงานผู้หญิง ด้วยความที่มานูเอลสนิทกับพวกผู้หญิง ชาวบ้านก็คิดว่าเขาประหลาด เป็นพวกเบี่ยงเบน ผู้ชายก็รังเกียจเขา แต่ผู้หญิงจะรู้สึกปลอดภัยที่ได้อยู่กับเขา และเขาได้เปลี่ยนอาชีพเป็นเพื่อนรับจ้างเดินทางให้กับผู้หญิง
พอผู้หญิงรู้สึกปลอดภัย ชาวบ้านก็ชอบว่าจ้างให้เขาเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง เนื่องจากสมัยนั้นการที่ผู้หญิงจะเดินทางคนเดียวเป็นอะไรที่ไม่ปกติ ครอบครัวก็มักจะหาคนนำทางที่เป็นผู้ชายให้ไปด้วย หลายครอบครัวเลยจ้างให้มานูเอลเป็นเพื่อนร่วมเดินทางให้กับญาติพี่น้องที่เป็นผู้หญิง แต่โศกนาฎกรรมก็เกิดขึ้น เมื่อผู้หญิงหลายคนที่เดินทางไปกับเขากลับหายตัวไป ตอนแรกก็มีจดหมาย(ที่มานูเอลปลอมขึ้น) ส่งถึงญาติว่าพวกเธอเดินทางถึงจุดหมายแล้ว แต่ไม่นานความจริงก็ปรากฏ เพราะมานูเอลเอาเสื้อผ้าของเหยื่อออกขายและถูกจับได้ ทำให้มีการสืบสวน
ศพผู้หญิงหลายคนถูกพบและอีกหลายศพหายสาบสูญ บางศพสภาพดูไม่ได้ ชาวบ้านลือว่าเขารีดเอาไขมันจากศพไปทำสบู่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง มีพยานพบเห็นเขาตั้งแผงขายสบู่อยู่ที่ต่างเมือง แถมขายดีซะด้วย สุดท้ายมานูเอลถูกจับและถูกตั้งข้อหาโทษฐานฆาตกรรมเหยื่อทั้งหมด 13 คน น่าจะเลยกลายเป็นจำนวนศพตามในหนังพอดี
ตามจริงเหยื่อน่าจะมีมากกว่านั้น มานูเอลก็อ้างว่าที่ทำไปเพราะเขาโดนคำสาป โดยตัวเขานั้นต้องกลายเป็นมนุษย์หมาป่าออกฆ่าคนกิน ทางศาลเลยบอกว่า ถ้าเป็นเรื่องจริงไหนแปลงร่างให้ดูหน่อยดิ แต่เขาก็บอกว่าคำสาปหายแล้ว (เออ เอากะมันดิ เหมือนยุคปัจจุบันเลย) ถึงอย่างนั้นบางศพก็คือมีร่องรอยโดนหมาป่าทำร้ายจริง
แต่ศพที่เหลือเป็นฝีมือมนุษย์ คดีนี้ก็กินเวลาร่วมปีจนมานูเอลถูกตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยแท่นบีบคอ (ขันชะเนาะบีบคอนักโทษจนตายตามรูปข้างบนเลย) แต่เขาก็เรียกร้องความเป็นธรรมต่อราชินีอิซาเบลลาแห่งสเปน พวกหมอก็อยากให้ไว้ชีวิตเขาเพื่อเป็นกรณีศึกษา เขาเลยถูกสั่งจำคุกตลอดชีวิตแทน
ชะตากรรมหลังจากนั้นของมานูเอลก็ไม่มีใครรู้แน่ชัด แต่หลักฐานหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ระบุว่าเขาตายในปี 1863 ด้วยวัยห้าสิบสี่ปีในคุกนั่นแหละ มานูเอลก็กลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของสเปน หรือ Serial Killer ที่ถูกบันทึกไว้อย่างเป็นทางการ กลายเป็นตำนานเรื่องเล่า รวมถึงกลายเป็นแรงบันดาลใจของเรื่องราวสยองขวัญของสเปน จนกระทั่งค่ายหนังนำมาทำเป็นภาพยนตร์ในที่สุด