10 เรื่องต้องรู้ ก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง ดีไหม อยู่ได้นานแค่ไหน ต้องใช้ฟิลเลอร์กี่ CC?

ฟิลเลอร์คาง

ฟิลเลอร์คาง เป็นการเสริมคางโดยไม่ต้องผ่าตัด มีความสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องพักฟื้น สำหรับคนที่กลัวการผ่าตัดและอยากปรับรูปหน้าให้เรียวสวยมากขึ้น หรือมีปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม การฉีดฟิลเลอร์คางเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความนิยม แต่ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์คาง มาดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้างที่ควรรู้ เพื่อความปลอดภัย ผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ

1. ฟิลเลอร์คาง คืออะไร?

ฟิลเลอร์คาง คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด ( Hyaluronic Acid : HA ) มีความปลอดภัย หลังฉีดสลายหมด ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย ช่วยเสริมคางให้ยาวขึ้น ปรับรูปหน้า แก้ปัญหาคางสั้น คางตัด คางบุ๋ม ทำให้ใบหน้ามีมิติมากขึ้น โดยไม่ต้องผ่าตัด หลังทำเห็นผลทันที ไม่ต้องเสริมซิลิโคน ไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้น  

2. ฟิลเลอร์คาง เหมาะกับใคร?

ฟิลเลอร์คาง เหมาะกับคนที่อยากเสริมคางแต่กลัวการผ่าตัด ไม่อยากดูแลแผล และไม่มีเวลาพักฟื้น เพราะการผ่าตัดเสริมซิลิโคน หลังทำต้องใช้ระยะเวลารอกว่าคางจะเข้าที่ ยุบบวม หรือหายเขียวช้ำ รวมไปถึงต้องคอยดูแลแผลผ่าตัดไม่ให้สกปรก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ แต่ฟิลเลอร์คางจะมีเพียงรอยเข็มจากการฉีดฟิลเลอร์ และไม่ต้องมีเวลาพักฟื้น หลังทำใช้ชีวิตประจำวัน แต่งหน้าได้ตามปกติ

อีกข้อที่ควรรู้คือฟิลเลอร์คาง ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาคางสั้นมาก ๆ หรือต้องการเสริมคางให้ได้ยาวเกิน 1 cm และเหมาะกับคนที่มีฐานคางเดิมอยู่แล้ว ต้องการเสริมคางขึ้นมากเพียงเล็กน้อย

3. ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คาง

•  ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คาง คือไม่ต้องพักฟื้น ฉีดแล้วเห็นผลคางสวยขึ้น หน้าเรียวขึ้นทันที ใช้หน้าได้เลย 
• ไม่มีแผล แต่จะมีรอยเข็มเล็ก ๆ บริเวณใต้คาง ใน 3-7 วัน ก็จะหายเป็นปกติ 
• รูปทรงฟิลเลอร์คางที่ได้ หากสั้นเกินไปสามารถเติมเพิ่มได้ หากยาวเกินไป สามารถสลายบางส่วนออกได้ทันที
• มีความเป็นธรรมชาติมาก ไม่มีปัญหาคางลอย คางย้อย หรือมีรอยต่อตรงช่วงกราม (ขึ้นกับเทคนิคการฉีด ของแพทย์)
• การฉีดฟิลเลอร์คางด้วยเทคนิคการเสริมกระดูก จะทำผลลัพธ์อยู่ได้นาน เมื่อฟิลเลอร์สลายก็จะสามารถเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ โดยไม่ทำให้เนื้อคางผิดรูป

4. ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วผ่าตัดเสริมคางได้ไหม?

หลังฉีดฟิลเลอร์คาง สามารถเปลี่ยนไปเสริมซิลิโคนแทนได้ แต่ต้องรอให้ฟิลเลอร์สลายหมดก่อน เพราะฟิลเลอร์อาจมีผลต่อการยึดเกาะของซิลิโคนได้ ทำให้ซิลิโคนติดไม่แน่นหรือเสริมไปแล้วมีการเบี้ยวเอียง ดังนั้นก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์คาง ควรแน่ใจก่อนว่ามีแผนจะเสริมซิลิโคนในอนาคตหรือไม่ แต่หากมีปัญหาคางบุ๋ม หรือคางตัด และไม่ได้ต้องการคางยาวมาก ๆ การฉีดฟิลเลอร์คางก็ได้ผลลัพธ์ไม่แตกต่างจากการเสริมคาง 

ข้อควรระวัง : การฉีดฟิลเลอร์คาง ต้องมั่นใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้เท่านั้น หากฉีดฟิลเลอร์ปลอม ไม่ได้มาตรฐาน ไม่ผ่านอย. เช่น ซิลิโคนเหลว หลังฉีดนอกจากจะเกิดปัญหาเป็นก้อนแข็ง ไหล ย้อย ผิดรูป การแก้ไขหรือเสริมใหม่ ต้องผ่าตัดและขูดสารที่เคยฉีดมาแล้วออกก่อนเท่านั้น

5. ฉีดฟิลเลอร์คาง ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

ฟิลเลอร์คาง นอกจากช่วยเรื่องเสริมคางให้ยาวขึ้น ยังสามารถแก้ปัญหาอื่น ๆ ได้หลากหลาย รวมไปถึงริ้วรอยต่าง ๆ เช่น ร่องมุมปาก

• ฟิลเลอร์คางช่วยเสริมคาง ให้ใบหน้าดูมีมิติ วีเชฟมากขึ้น
• ฟิลเลอร์คางแก้ปัญหาคางสั้น คางตัด คางถอย
• ฟิลเลอร์คางแก้คางบุ๋ม ปรับคางให้ละมุนสวย
• ต้องการปรับรูปหน้าโดยรวมให้สมส่วน

6. ฉีดฟิลเลอร์คาง มีโอกาสเป็นก้อน

การฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อน คือปัญหาที่หลายคนกลัว เพราะคางจะเป็นก้อน ย้อย ดูเหมือนแม่มด ไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งหากใช้ฟิลเลอร์แท้ สามารถมาจากการที่แพทย์ไม่มีประสบการณ์มากพอ หรือใช้เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากบริเวณคางจะมีกล้ามเนื้อ mentalis หากฉีดฟิลเลอร์คางไม่ลึกพอ จะโดนกล้ามเนื้อมัดนี้ และดึงฟิลเลอร์ให้มากองรวมกันในเวลา 6 เดือน-1 ปี ทางแก้คือฉีดสลายออกแล้วฉีดใหม่

กล้ามเนื้อ mentalis

นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อน อาจเกิดได้จากการใช้ปริมาณฟิลเลอร์มากเกินไป เพื่อให้เสริมคางได้ยาวมาก ๆ แล้วฉีดฟิลเลอร์บางส่วนซ้อนทับในเนื้อคางชั้นตื้น ก็จะทำให้ฟิลเลอร์ถูกดึงมากองเป็นก้อนเช่นกัน 

ดังนั้นหากไม่อยากเจอปัญหาฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อน ควรมั่นใจว่าแพทย์ที่ทำการฉีดฟิลเลอร์มีประสบการณ์มากพอ ใช้ฟิลเลอร์แท้ และดูรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงของคลินิกมาก ๆ

7. ฉีดฟิลเลอร์คางอยู่ได้นานแค่ไหน?

ฟิลเลอร์คาง อยู่ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ ซึ่งฟิลเลอร์ที่เหมาะสมสำหรับการฉีดคาง ควรอยู่ได้นานและมีความคงตัว สามารถปั้นทรงได้สวย ได้แก่

1. ฟิลเลอร์อเมริกา Juvederm Voluma อยู่ได้นาน 18 เดือน
2. ฟิลเลอร์อเมริกา Juvederm Volux อยู่ได้นาน 18-24 เดือน 
3. ฟิลเลอร์สวีเดน Restylane Perlane Lyft อยู่ได้นาน 12 เดือน 
4. ฟิลเลอร์สวิตเซอร์แลนด์ Belotero Intense อยู่ได้นาน 18 เดือน

นอกจากนี้ระยะเวลาของฟิลเลอร์ จะอยู่ได้นานยังขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองของแต่ละคน โดยหลังฉีดฟิลเลอร์คาง ควรดูแลตัวเองดังนี้

1. หลังฉีดฟิลเลอร์คางห้ามนวด กด ปั้นทรงเองโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะในช่วง 2 สัปดาห์แรก เพราะฟิลเลอร์ยังไม่เข้าที่ดี อาจทำให้ฟิลเลอน์เคลื่อน และได้ทรงไม่สวย
2. หลีกเลี่ยงการเท้าคาง การนอนคว่ำหน้า หรือนอนตะแคง เพื่อป้องกันการกดทับบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เสียรูปทรงได้
3. เลี่ยงการใส่หมวกกันน็อคที่รัดแน่น ๆ  
4. ควรดื่มน้ำมาก ๆ ให้เพียงพอในแต่ละวัน เพราะฟิลเลอร์มีคุณสมบัติอุ้มน้ำ จะช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูสวย อยู่ได้นานขึ้น

 หลีกเลี่ยงการเท้าคาง หลังฉีดฟิลเลอร์คาง

8. ฟิลเลอร์คางสลายได้ไหม?

ฟิลเลอร์คางเป็นสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ซึ่งสามารถสลายไปเองเรื่อย ๆ ตามกลไกปกติของร่างกาย ไม่ใช่การฉีดแล้วอยู่ได้ถาวร (ในประเทศไทยสารเติมเต็มที่ผ่านอย. เพียงชนิดเดียวและสามารถสลายได้คือฟิลเลอร์ประเภท HA) หรือหากใครต้องการสลายฟิลเลอร์ให้หมดไปก่อนเวลา ก็สามารถใช้เอนไซม์ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase:HYAL) ที่ช่วยย่อยสลายฟิลเลอร์แท้ในกลุ่ม Hyaluronic Acid ได้โดยไม่เป็นอันตราย

9. ฉีดฟิลเลอร์คางใช้กี่ CC?

การฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่ใช่จุดที่ต้องใช้ฟิลเลอร์เยอะ ๆ และไม่เหมาะกับคนที่คางสั้นมาก ๆ หรือต้องการเสริมคางให้ได้ยาว ๆ โดยปกติการฉีดฟิลเลอร์คางสำหรับคนที่ไม่ได้มีปัญหามาก ต้องการปรับรูปหน้าให้สมส่วนขึ้น ละมุนขึ้น เติมคางตัด คางบุ๋ม ฟิลเลอร์เพียง 1 CC ก็จะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าอย่างชัดเจน 

10. ฟิลเลอร์คาง บวมกี่วัน?

การดูผลฟิลเลอร์คางจะสามารถดูได้ 2 ช่วง คือหลังฉีดทันที และหลังฉีด 2 สัปดาห์ เนื่องจากหลังฉีดทันทีจะยังไม่มีอาการบวม ทำให้เห็นผลจริง ๆ หลังจากนั้นจะมีอาการบวมขึ้น อาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์เป็นเรื่องปกติ จะค่อย ๆ หายไปเอง หรือหากมีรอยเข็ม ก็สามารถแต่งหน้าปกปิดได้ ฟิลเลอจะยุบบวมเข้าที่ 100% ใน 2 สัปดาห์

H3 : สรุป

การฉีดฟิลเลอร์คาง มีข้อดีในเรื่องความสะดวก ความปลอดภัย หากเป็นคนที่ต้องการเสริมคางให้ยาวขึ้นเล็กน้อย แก้คางตัด คางบุ๋ม ไม่ต้องเสี่ยงผ่าตัดหรือมีแผล ไม่ต้องการดูแลรักษาที่ยุ่งยาก ก็เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์คาง แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่หัตถการที่อยู่ได้ถาวร และไม่สามารถเสริมคางให้ยาวมาก ๆ ได้ สำหรับใครที่อยากเสริมคาง แต่ไม่แน่ใจว่าจะทำด้วยวิธีไหนดี ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อให้ประเมิน และแนะนำวิธีที่เหมาะสม