สถานการณ์หญ้าทะเล และพยูนของไทย
สำหรับโลกใต้ทะเลแล้ว ปลาทะเลสวยงามมักจะอยู่คู่กับแนวปะการัง เพราะเป็นบริเวณที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต เรียกได้ว่าเป็นระบบนิเวศน์ที่มีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตมากที่สุด แล้วถ้าเป็นจำพวกสาหร่าย หญ้าทะเล ล่ะ อยู่คู่กับสัตว์น้ำใด และมีความสำคัญต่อระบบนิเวศน์ใต้น้ำอย่างไร ?
สาหร่ายหรือหญ้าทะเล เป็นพืชดอกที่เติบโตอยู่ในทะเล มักพบในบริเวณน้ำตื้นและแสงแดดสามารถส่องถึง ลักษณะลำต้นเป็นปล้อง ทอดยาวไปตามพื้นดิน และแตกสาขาไปตามพื้นดินในแนวนอน มีหลากหลายชนิดเช่น หญ้าใบมะกรูด (Halophila ovalis) หญ้าผมนาง (Halodule uninervis) หญ้าเต่า (Thallassia hemprichii) หญ้าชะเงาใบมน (Cymodocea rotundata) และหญ้าชะเงาใบยาว (Enhalus acoroides) เป็นต้น ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา 2550-2560 เราพบหญ้าทะเลมากที่สุดในประเทศไทยที่ จ.ตรัง จำนวน 33,066.5 ไร่ อย่างเกาะลิบง จ.ตรัง หญ้าทะเลที่นี่เป็นอาหารหลักของน้องพะยูน และถือได้ว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์พะยูนที่สำคัญของไทย เปรียบเสมือนเมืองหลวงของพะยูนเลยก็ว่าได้ ครั้งหนึ่งที่เกาะแห่งนี้เคยเป็นที่พยาบาลน้องพะยูนมาเรียม ก่อนที่จะเสียชีวิตเพราะขยะพลาสติกในทางเดินอาหารอีกด้วย
จากการสำรวจของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยผ่านเพจเฟซบุ๊ค Top Varawut ว่า แหล่งหญ้าทะเลบริเวณเกาะลิบง ถูกตะกอนดินจากโครงการขุดลอกร่องน้ำกันตัง ที่เริ่มดำเนินการเมื่อปี 2562 ทับถมจนเกิดความเสียหายหลายพันไร่ หญ้าคาทะเล ที่เคยมีความสูง 1 เมตร ตอนนี้มีความสูงเหลือแค่ 10 เซนติเมตร คุกคามการดำรงชีวิตของพะยูน สร้างความเสี่ยงเจ็บป่วย-เสียชีวิต และอาจส่งผลให้มีการอพยพย้ายถิ่น เนื่องจากพะยูนขาดแหล่งอาหารที่เหมาะสม และยังส่งผลกระทบต่อการทำประมงของชาวบ้านในพื้นที่ เนื่องจากสัตว์ทะเลหลายชนิดที่อาศัยแหล่งหญ้าทะเลเป็นพื้นที่อนุบาลได้ลดจำนวนลงอย่างมาก ชาวบ้านไม่สามารถจับสัตว์น้ำมาขายได้
โดยในวันอาทิตย์ที่ 3 เม.ย.65 ที่ผ่านมา คุณกัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะที่ปรึกษาคณะทำงานยุทธศาสตร์กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมทีมงานจึงลงพื้นที่แก้ปัญหาแหล่งแหล่งหญ้าทะเลเสื่อมโทรม เนื่องมาจากผลกระทบดังกล่าวข้างต้น จึงได้เชิญคณะทำงานร่วมประชุมกับส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้นำชุมชน ตัวแทนพี่น้องประชาชนชาวเกาะลิบง เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยขณะนี้ ทางกรมเจ้าท่าได้ระงับการขุดลอกร่องน้ำแล้ว และจะจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบโครงการและแก้ไขปัญหา ที่ประกอบไปด้วยหน่วยงานและประชาชนในพื้นที่ ร่วมกันหาข้อยุติที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ทั้งชุมชนและสิ่งแวดล้อม พร้อมกันนี้จะประสานงานจัดหางบประมาณ มาสนับสนุนการฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลที่เสียหายให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้งโดยเร็วที่สุด
หลังจากนั้นจึงร่วมกันปลูกหญ้าทะเล บริเวณสะพานหลีกภัย เกาะลิบง จ.ตรัง ซึ่งเป็นบริเวณที่ชาวบ้านให้ข้อมูลว่าพบพะยูน เข้ามากินหญ้าทะเลบริเวณดังกล่าวแทบทุกวันในช่วงน้ำขึ้นอีกด้วย ทั้งหญ้าทะเลและน้องพะยูน ต่างต้องเกื้อกูลกันในวิถีของธรรมชาติ เราควรร่วมมือกันในการอนุรักษ์ เพื่อให้แหล่งเพาะพันธุ์พะยูน รวมถึงเหล่าสัตว์น้ำนั้นอยู่กับเราไปนานแสนนาน