"ย้อนประวัติศาสตร์ไทย" เมื่อครั้งหนึ่งเวียดนามเคยประกาศว่าจะบุกยึดกรุงเทพฯโดยใช้เวลาแค่2ชั่วโมง
เวียดนามในสมัยที่ยังทะนงตัว ได้ประกาศว่า จะบุกยึดกรุงเทพเพียงใช้เวลาแค่2ชั่วโมงเท่านั้น และเรื่องราวนี้ได้เกิดสมรภูมิรบช่องบกขึ้น โดยที่ประเทศไทยเราสามารถเอาชนะศึกในครั้งนั้นไปได้ จากความสามารถทางการทูตและแสนยานุภาพของกองทัพไทยในตอนนั้น ย้อนไปในยุคสงครามเย็น หลังจากที่สหรัฐได้พ่ายแพ้ให้กับเวียดนามเหนือในสงครามเวียดนาม จากนั้นเวียดนามก็ทำการลุกคืบลงใต้ โดยทำการยึดลาวและกัมพูชา
ดังนั้นประเทศไทยที่ตั้งสง่าและเป็นผู้ช่วยเหลือสหรัฐ ในการเป็นฐานทัพทางทหารในการโจมตีเวียดนาม และนั้นเองจึงทำให้เวียดนามพร้อมจะเอาคืนไทยอย่างสาสม ทางด้านกองทัพคอมมิวนิสต์เวียดนามในเวลานั้น กำลังเป็นที่ผยองอย่างมาก โดยที่สามารถรบชนะ มหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาได้
และได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากโซเวียต โปแลนด์ สโลวาเกียและเยอรมันตะวันออก เวียดนามผยองถึงขั้นประกาศบุกยึดกรุงเทพฯได้ในเวลาเพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้น ในขณะที่ประเทศไทยไม่เพียงที่จะต้องรบอย่างโดดเดี่ยว ไทยยังต้องสู้รบกับพรรคคอมมิวนิสต์ในประเทศของตัวเองอีกด้วย และซ้ำร้ายไปกว่านั้น สหรัฐอเมริกากับช่วยเหลือไทยเพียงแค่ส่งอาวุธให้เท่านั้น และไม่สามารถส่งกำลังมาช่วยได้ เพราะพึ่งจะพ่ายสงครามเวียดนามมาไม่นาน สถานการณ์ที่ไทยต้องเผชิญก็คือเหตุปะทะระหว่างชายแดนไทยเวียดนามหรือสมรภูมิช่องบก ที่กินเวลายาวนานยืดเยื้อกกว่า10ปี
ตั้งแต่ปีพ.ศ.2522จนถึงปีพ.ศ.2532 อย่าไรก็ตามชั้นเชิงทางการทูตของไทยได้จัดการวางแผนและเล็งเห็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของสหรัฐอเมริกาหลังจากผ่ายแพ้สงครามเวียดนาม และเริ่มดำเนินการทางการทูตของทั้งโซเวียดและจีน โดยไทยประสบความสำเร็จการสารสัมพันธุ์กับทั้งจีนและโซเวียตได้ก่อนที่จะเกิดเหตุการปะทะระหว่างไทยกับเวียดนาม และไทยพบว่าจีนคอมมิวนิสต์มีความไม่พอใจที่เวียดนามกำลังผยองเนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากโซเวียตเต็มที่และหมางเมินกับจีนอีก โดยเฉพาะปมที่เวียดนามเข้ามาล้มล้างเขมรแดง ที่จีนกำลังหนุนหลังอยู่ดังนั้นไทยจึงส่งทูตเข้าไปเจรจากับจีน จนเป็นที่มาของสงครามสั่งสอนเวียดนาม ในแนวชายแดนตอนเหนือของเวียดนาม จนเวียดนามต้องถอนกำลังหลักจากแนวชายแดนไทย ขึ้นไปป้องกันประเทศทางเหนือแทน นอกจากนี้พรรคคอมมิวนิสต์จีนยังเป็นตัวกลางเจรจาไกล่เกลี่ยความร้าวฉานระหว่างคอมมิวนิสต์ไทยและรัฐบาลไทย เพื่อช่วยให้ไทยสามารถกลับมาร่วมมือกันและช่วยกันพัฒนาประเทศต่อไปได้อย่างสมบรูณ์ หลังจากศึกในครั้งนั้น ไทยทำการพลิกเกมกลับ โดยการเปิดแนวรบทางเศรษฐกิจและการทูต โดยทำการบีบให้เวียดนามโดดเดี่ยว จนทำให้เศรษฐกิจเวียดนามย่ำแย่ และต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากโซเวียด แต่สุดท้ายเศรษฐกิจของโซเวียดก็ทรุดลงเช่นกันและไม่สามารถช่วยเหลือเวียดนามได้ เนื่องจากการปิดล้อมของไทย-จีน-สหรัฐอเมริกา ไม่นานเวียดนามจึงยอมเจรจายอมถอนทหารและทั้งถอนทัพออกไปจากกัมพูชาในปี2532 และคราบสมุทรอินโดจีนก็กลับมาสงบอีกครั้ง และในตอนนั้นไทยยังได้เป็นผู้นำภูมิภาคอาเซียนในยุคสมัยนั้นด้วย แต่ในปัจจุบันไทยอาจไม่ใช่ผู้นำภูมิภาคอีกต่อไปแล้ว
อ้างอิงจาก:ประวัติศาสตร์ไทย