อนาคตของอุตสาหกรรมดนตรีบนเทคโนโลยี Blockchain
NFT WEB 3.0 อนาคตของอุตสาหกรรมดนตรีบนเทคโนโลยี Blockchain
การใช้งานที่เป็นไปได้สำหรับเทคโนโลยีบนระบบ Blockchain มักถูกมองว่าจำกัดเฉพาะอุตสาหกรรมการเงินในการเพิ่มประสิทธิภาพของขอบเขตสกุลเงินและสินทรัพย์รูปแบบดิจิทัลแนวคิดการถือโอนโดยไม่ต้องใช้คนกลางได้ลดความซับซ้อนสำหรับองค์กรธุรกิจ โดยการเติบโตของกระแสเทคโนโลยีและการเข้าถึงได้อย่างง่ายดายในปัจจุบัน ทำให้อุตสาหกรรมอื่น ๆ ปรับโมเดลธุรกิจเพื่อพัฒนาไปพร้อมกับการเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ได้รวดเร็วกว่าสมัยก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมศิลปะและความบันเทิง อุตสาหกรรมดนตรี เป็นอีกหนึ่งวงการที่น่าจับตามองในมุมของเทคโนโลยี
ในช่วงที่ผ่านเราจะเห็นการกำเนิดขึ้นของแพลตฟอร์ม Streaming อย่าง Napster, Apple Music, Soundcloud, Spotify ที่เข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการฟังเพลงของเรา รวมถึงวิธีการปล่อยเพลงของศิลปินไปโดยสิ้นเชิง พิสูจน์ให้เห็นถึงการสร้างรายได้มหาศาลให้กับเจ้าของแพลตฟอร์มและค่ายเพลง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพิสูจน์ให้เห็นถึงช่องว่างที่ไม่ตอบโจทย์การทำรายได้ต่อตัวศิลปินมากนัก ทำให้ในระยะต่อมาบุคลากรในวงการที่ตระหนักถึงปัญหาและสนใจในการพัฒนาอุตสาหกรรม เริ่มศึกษาในเทคโนโลยีที่เข้ามาเสริมช่องว่างทั้งเรื่องความโปร่งใสในที่มาของรายได้ การปันผลจากการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางต่าง ๆ และที่สำคัญคือประเด็นความเป็นเจ้าของเพลงของนักแต่งเพลงและศิลปิน สามารถอ่านข้อมูลสตาร์อัพที่มีบทบาทในนำบล็อกเชนมาพัฒนาวงการดนตรี ได้ที่ Blockchain กับการปฏิวัติวงการดนตรี พร้อมกรณีศึกษา
The Future of Music is On-Chain
Tommy D ศิลปินนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ ผู้อยู่เบื้องหลังศิลปินชื่อดังระดับโลกจำนวนมากอย่าง Adele, Beyonce ,Kanye West, Jay Z ,Janet Jackson, Emeli Sande ผู้นำหลักการ Web3 และ NFT มาขับเคลื่อนและยกระดับวงการเพลง โดยก่อตั้งแพลตฟอร์มชื่อ Token||Traxx ในปี 2021 ร่วมกับ Miles Leonard ซึ่งเป็นอดีตประธานและ CEO ของ Warners และ EMI ผู้อยู่เบื้องหลังวงดนตรีร็อคอัลเทอร์อย่าง Coldplay , Radiohead
จากความสนใจและชื่นชอบในแนวคิด Blockchain ทำให้เขาเริ่มศึกษาในด้านนี้ตั้งแต่ปี 2559 โดยเห็นถึงศักยภาพที่สามารถนำไปใช้กับศิลปินและอุตสาหกรรมดนตรีได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างประสบการณ์พิเศษสำหรับผู้สร้างเพลงกับฐานแฟนๆ ของพวกเขาโดยตรง ซึ่งจะสร้างแนวคิดใหม่ที่มีคุณค่าทางธุรกิจรวมถึงคุณค่าต่อ Fandom ที่ต่อยอดไปได้แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน และที่สำคัญคือการเข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องรายได้จากการทำเพลงที่ไม่กลับคืนสู่ศิลปิน เขากล่าวว่าในเชิงอุตสากรรมนั้น “คุณค่าที่เกิดขึ้นเป็นชัยชนะของทั้งสองฝ่าย”
Token||Traxx คือแพลตฟอร์มที่ใช้องค์ประกอบของ Blockchain ในการสร้างโทเค็นและตลาด NFT สำหรับนักดนตรี โดยมีโมเดลวางแผนสร้างและสนับสนุนคอมมูนิตี้ที่อยู่รายรอบศิลปิน มอบโอกาสสำหรับครีเอเตอร์ในการมีส่วนร่วมทุกระดับกับแฟนๆ รวมถึงการสร้างรายได้ในรูปแบบการสร้างและแชร์ Library
อุตสาหกรรมดนตรีในหลายประเทศ ประสบปัญหาการครองตลาดของค่ายเพลงยักษ์ใหญ่และแพลตฟอร์มเพียงไม่กี่เจ้าเท่านั้น ทำให้เทคโนโลยีบนระบบ Blockchain เข้ามาเปลี่ยนแปลงตัวกลางเหล่านี้ ในการเป็นพื้นที่ใหม่ที่จะเปลี่ยนโมเดลธุรกิจของค่ายเพลง นักดนตรี ผู้ผลิตพอดคาสต์ และผู้สร้างสรรค์อื่น ๆ ทั้งหมด
เปลี่ยนการควบคุมจากค่ายเพลงและแพลตฟอร์มมาที่ศิลปิน
การลดบทบาทในการควบคุมโดยตัวกลางอย่างค่ายเพลงและแพลตฟอร์มซึ่งมีอิทธิพลสูง ส่งผลทำให้ตลาดมีความหลากหลายมากขึ้น เพิ่มอำนาจการต่อรองแก่ผู้สร้างสรรค์งานมากขึ้น โดยเฉพาะโอกาสสำหรับศิลปินและค่ายเพลงอิสระจำนวนมาก กล่าวได้ว่าบทบาทสำคัญที่เห็นได้ชัดในปัจจุบัน คือ การต่อยอดจาก Data Collection ไม่ว่าจะเป็นการลงทะเบียนเพลง การชำระค่าลิขสิทธิ์ หรือการซื้อขายเพลงโดยตรงที่สามารถพัฒนาไปยัง Micro-Payment ซึ่งเชื่อมโดยตรงกับศิลปิน การมีส่วนร่วมในการสร้างผลงานร่วมกัน รวมถึงการเป็นเจ้าของเนื้อหาที่จะคงอยู่และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ (Content Ownership Publicly Verifiable)
เทคโนโลยีบนระบบ Blockchain ได้ผสานหลักการ Decentralization และ Open-source กับอุตสาหกรรมดนตรีได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันอุตสาหกรรมเพลงให้ก้าวไปข้างหน้า เห็นได้จากการเคลื่อนไหวจำนวนมากของศิลปินและค่ายเพลงเล็กใหญ่ทั่วโลก อุตสาหกรรมเพลงจึงเป็นอีกหนึ่งวงการที่น่าจับตามองว่าความสามารถของเทคโนโลยีจะขยายขอบเขตของเนื้อหาเพลงและโมเดลธุรกิจอย่างไรในอนาคต