'หมู่บ้านซอมบี้..มีอยู่จริงๆเหรอเนี่ย..!!!'พิธีกรรม Mai Nene
ณ ทางใต้ของเกาะ สุราเมษี ของประเทศอินโดนีเซีย ภูมิประเทศแถบนั้นจะรายล้อมไปด้วยภูเขา และบริเวณที่ว่านี้ก็จะมีหมู่บ้านของชนเผ่า ตูราจา อาศัยอยู่ ชนเผ่าที่มีอายุกว่าหลายร้อยปีอาศัยอยู่กันมากมาย ซึ่งหมู่บ้านแห่งนี้เขาก็จะมีพิธีกรรมสุดแปลกชวนขนหัวลุกเรียกว่าพิธีกรรม Mai Nene หรือ The ceremony of cleaning corpses หรือแปลเป็นไทยง่ายๆว่า พิธีกรรมทำความสะอาดศพนั้นเอง โดยพิธีกรรมที่ว่าจะถูกจัดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกๆปี และวิธีการก็คือ ชาวบ้านเหล่านี้ก็จะทำการรวมตัวกันและขุดศพ ญาติพี่น้องของตนที่ได้เสียชีวิตไปแล้วขึ้นมา
เพื่อทำความสะอาด เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าให้ใหม่และถวายของต่างๆ รวมถึงมีการซ้อมบำรุงโรงศพ ให้มีสภาพใหม่อยู่เสมอ และหลังจากที่ขุดศพขึ้นมาแล้ว ก็จะมีการประคองศพพาเดินกลับไปยังจุดที่เคยเสียชีวิต เพื่อทำพิธีอัญเชิญ วิญญานก่อนที่จะนำศพกลับไปยังหมู่บ้าน ที่เขาเคยอยู่อาศัยตอนยังมีชีวิต ชาวตูราจา พวกเขามีความเชื่อกันว่า จิตวิญญานของผู้เสียชีวิตต้องการที่จะกลับไปยังหมู่บ้านที่ตนเคยอาศัยอยู่ ไม่ว่าพวกเขาจะเสียชีวิตที่ใหนหรือว่ามีระยะทางใกลแค่ใหนก็ตาม และด้วยความเชื่อเหล่านั้นทำให้วิถีชีวิตของชาวบ้านไม่ค่อยกล้าที่จะเดินทางออกไปใหนใกลๆ เพราะพวกเขาเกรงว่าหลังจากพวกเขาได้เสียชีวิตไปแล้วเนี่ย ก็จะเป็นเรื่องยากที่ดวงวิญญานของตนจะกลับมายังหมู่บ้านที่เคยพักอาศัยอยู่นั้นเอง จุดกำเนิดของพิธีกรรม Ma Nene นี้เกิดขึ้นเมื่อ 100 ปีก่อน โดยนายพรานคนหนึ่งชื่อว่านายพราน รูมาเสก
วันนึงในขณะที่เขากำลังออกล่าสัตว์หาอาหารบริเวณเทือกเขาใกล้หมู่บ้าน
เขาบังเอิญไปพบเจอกับศพ ของคนนอนตายอยู่ใต้ต้นไม้ โดยสภาพที่เปลือยกายและไม่ใส่อะไรเลย เขาก็เลยนำเสื้อผ้าของเขากลับไปแต่งกายให้กับศพและทำพิธีกรรมทางศาสนา จากนั้นก็ฝังให้เรียบร้อย และหลังจากนั้นชีวิตของนายพรานคนนี้ก็พบเจอแต่สิ่งดีๆตลอด และเขาก็เชื่อว่าความโชคดีเหล่านี้ หน้าจะเป็นผลตอบแทนจากการที่เขาได้ช่วยเหลือศพในครั้งนั้น และต่อมาไม่นานข่าวความเชื่อของนายพรานคนนี้ ก็ถูกเล่าต่อในหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว จนทำให้คนในหมู่บ้านมีความคิดที่จะจัดพิธีกรรม Mai Nene ขึ้นมาเพื่อให้ชาวบ้านได้เจอหรือดูแลศพ ของพ่อแม่ญาติพี่น้องหรือคนรักที่เสียชีวิตไปแล้ว ให้ได้กลับมายังหมู่บ้านที่เคยอาศัยอยู่ ปีละครั้ง เพื่อหวังจะเป็นศิริมงคลและก็เพิ่มโชคลาภให้แก่ชีวิตคนในครอบครัวนั้นเอง และนอกจากพิธีกรรมสุดแปลก Mai Nene แล้วพวกเขายังมีธรรมเนียมความเชื่อว่าการเสียชีวิตหรือว่าหัวใจหยุดเต้นแล้วนั้น เป็นแค่อาการป่วยเท่านั้น และพวกเขาจะนับว่าผู้เสียชีวิตได้ถึงแก่ความตายอย่าแท้จริง ก็ต่อเมื่อพิธีกรรมการจัดงานศพได้เสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์เท่านั้น ซึ่งชาวตูราจา พวกเขาจะให้ความสำคัญต่องานศพมาก ถึงขั้นว่าบางคนยอมทำงานเหนื่อยมาทั้งชีวิต เพื่อไว้จัดงานศพของตัวเองเลยก็มี และเมื่อถึงเวลาทีมีคนในครอบครัวเสียชีวิต ชาวตูราจา พวกเขาก็ทำการเก็บศพของคนตายไว้ในบ้าน โดยจะใช้สมุนไพรหรือฟอร์มารีล เพื่อคงสภาพของศพเอาไว้ให้ใกล้เคียงกับตอนมีชีวิตอยู่ให้ได้มากที่สุด
โดยการเก็บศพไว้กับบ้าน ก็อาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือนเลยหรืออาจจะเป็นปีก็มี โดยเหตุผลที่พวกเขาต้องทำแบบนี้ ก็เพื่อให้สมาชิกในครอบครัว ได้มีเวลาเก็บเงินจัดงานศพ และในระหว่างที่ทำการเก็บศพไว้ในบ้าน ทุกคนในบ้านก็ปฏิบัติกับศพเหมือนว่าเขาเป็นแค่คนป่วยนอนติดเตียงอยู่เท่านั้นและยังมีการยกน้ำยกอาหารมาเสริฟให้วันละสองเวลา และยังมีการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อยู่เสมอ และแค่นั้นยังไม่พอผู้ตายยังมีญาติมาเยี่ยมและมาหาอยู่เสมอทำเหมือนว่าเขายังมีชีวิตอยู่ และนอกจากเรื่องการเก็บเงินทำศพแล้ว ชาวตูราจา ยังมีความเชื่อว่าการเก็บศพไว้ในบ้านนานๆ จะช่วยลดความเศร้าโศกลงได้เมื่อถึงกำหนดการจัดงานศพของชาวตูราจามาถึง พวกเขาก็จัดอย่างยิ่งใหญ่ โดยมีการจัดขบวนแห่ศพไปรอบๆหมู่บ้าน
และมีการบูชายัญ ด้วยควายอีกหลายตัว จำนวนควายทีใช้บูชายัญก็จะขึ้นอยู่กับฐานะของคนตาย โดยพวกเขามีความเชื่อว่าควายเหล่านี้จะถูกใช้เป็น พาหนะให้กับวิญญาน ของผู้เสียชีวิตให้ได้ใช้เป็นพาหนะเดินทางไปยังสถานที่รอเกิดใหม่ ภายในงานศพก็จะมีการเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ อย่างเต็มที่เป็นเวลาติดต่อกันหลายวันหลายคืนเลยทีเดียว ก่อนที่จะนำศพของผู้ตายไปฝังไว้ที่สุสานต่อไป และสิ่งที่น่าทึ่งก็คือพิธีการฝังศพของชาวตุลาจา จะไม่นิยมฝังลงหลุมเหมือนกับที่อื่น เนื่องจากว่าภูมิประเทศบริเวณนั้นส่วนใหญ่จะเป็นหุบเขา พวกเขาจึงมักนิยมใช้ถ่ำหรือพื้นที่บริเวณภูเขา เพื่อใช้เป็นสุสานไว้เก็บศพของคนตาย
อ้างอิงจาก:ขอบคุณภาพแลพเนื้อหาบางส่วนจากช่องยูทูป TALK ENGIE