10 เรื่องของปูติน ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน

1.) เกิดในครอบครัวที่ยากจน

 

ปูตินเกิดในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1952 ในครอบครัวที่ยากจน ต้องใช้ชีวิตในอพาร์ทเม้นท์ร่วมกับอีกหลายครอบครัว

 

พ่อของปูตินทำงานในโรงงาน ส่วนแม่ของเขากวาดถนนและล้างหลอดทดลอง

 

ปูตินมักจะใช้เวลาว่างไล่จับหนูตามทางเดินบันไดขึ้น-ลงอพาร์ทเม้นท์ สมัยเขายังอยู่ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา

 

-----

 

2.) เล่นกีฬาเก่ง

 

ปูตินชอบเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็ก เรียกว่าให้จับอุปกรณ์เล่นอะไรก็ทำได้หมดและทำได้ดี

 

ส่วนกีฬาที่เขาโปรดปรานมากที่สุดก็คือ ยูโด ซึ่งฝึกมาตั้งอายุ 11 ขวบ และได้สายดำซะด้วย กับคาราเต้

 

ส่วนกีฬาอื่น ๆ ที่เขาเล่นได้อย่างช่ำชองไม่แพ้กัน เช่น ฮ็อกกี้น้ำแข็ง, ขี่ม้า, ขับรถ F1 เป็นต้น

 

-----

 

3.) เป็นสายลับ KGB

 

หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาทางด้านกฎหมาย ปูตินก็ตัดสินใจเข้าทำงานในหน่วยข่าวกรอง KGB

 

โดยเขาศึกษาต่อที่สถาบันข่าวกรองต่างประเทศของ KGB โดยใช้นามแฝง 'Platov'

 

และเนื่องจากเป็นสายลับ KGB ทำให้เขาต้องไปแฝงตัวในต่างประเทศ และเรียนภาษาต่างประเทศ ส่วนภาษาที่เขาถนัดคือ เยอรมันและภาษาอังกฤษ

 

-----

 

4.) นิตยสาร Times ยกให้เป็นบุคคลแห่งปี 2007

 

นิตยสาร TIME ของสหรัฐฯ ได้ยกย่องให้ “ปูติน” เป็นบุคคลแห่งปี 2007 โดยทางบรรณาธิการเชื่อว่า ผู้นำรัสเซียคนนี้มีอิทธิพลต่อเหตุการณ์หลายเหตุการณ์ในปีดังกล่าว ทั้งด้านดีและแย่

 

เบียดเอาชนะคู่แข่งตัวเต็งอย่าง “อัล กอร์” อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ, “เจ.เค. โรว์ลิ่ง” ผู้เขียนหนังสือ “แฮร์รี่ พ็อตเตอร์”,  “หู จิ่นเทา”  ประธานาธิบดีจีน และ “พลเอก ดาเวิด เพทราอุส” ผู้บัญชาการกองทัพอเมริกาในอิรัก

 

-----

 

5.) ชอบวง the Beatles

 

ในปี 2007 พลาตัน (Platon) ช่างภาพชาวอังกฤษ ที่ถูกส่งไปถ่ายภาพของปูตินขึ้นปกนิตยสาร Time ในหัวข้อ 'บุคคลแห่งปี'

 

ระหว่างนั้น เขาได้มีการสนทนากับปูติน "ผมเป็นแฟนตัวยงของ Beatles เลยล่ะ แล้วคุณล่ะ"

 

จากนั้นปูตินกล่าวว่า "ผมรักเดอะบีทเทิลส์!" ทั้งยังบอกอีกว่าเพลงโปรดของเขาคือ Yesterday

 

-----

 

6.) มีพระราชวังส่วนตัวกลางป่า

 

พระราชวังหลังนี้มีชื่อเล่นว่า “พระราชวังปูติน” เป็นพระราชวังสไตล์อิตาลี ที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลดำใน ครัสโนดาร์ไกร (Krasnodar Krai) ประเทศรัสเซีย

 

พื้นที่แห่งนี้ประกอบด้วยบ้านหลังใหญ่ (กินพื้นที่เกือบ 18,000 ตร.ม.) สวนรุกขชาติ เรือนกระจก ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ วังน้ำแข็ง โบสถ์ อัฒจันทร์

 

เกสต์เฮาส์ ปั๊มน้ำมัน สะพานขนาด 80 เมตร และ อุโมงค์พิเศษภายในภูเขาพร้อมกับห้องทดลอง

 

-----

 

7.) รักงานมากกว่าภรรยา นำพาไปสู่การหย่าร้าง

 

ปูตินและภรรยาแต่งงานกันในปี 1983 และหย่าร้างกันในปี 2013 ภรรยาของปูติน ลุดมิลา (Lyudmila) อยู่กับเขามาตั้งแต่เริ่มเล่นการเมือง

 

ลุดมิลากล่าวว่า "เราเจอกันไม่ค่อยบ่อยนักในช่วงหลังๆ และปูตินเองก็หมกมุ่นอยู่กับงานตลอดเวลา"

 

ซึ่งเธอต้องอดทนกับมันมาเกือบ 9 ปีแล้วและไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

 

.

 

นอกจากนี้ ทั้งคู่มีลูกสาวสองคนด้วยกันคือ มาเรีย (Maria)และ แคทเธอริน่า (Katerina)

 

ซึ่งปูตินไม่ค่อยพูดถึง และไม่ค่อยเปิดเผยตัวให้สาธารณชนได้เห็นสักเท่าไหร่ เป็นเหตุผลด้านความปลอดภัย

 

-----

 

8.) ให้การช่วยเหลือเอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน

 

ในปี 2013 เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน (Edward Snowden) อดีตลูกจ้างของสำนักข่าวกรองกลาง (CIA) สหรัฐฯ กลายเป็นชายที่สหรัฐฯ หมายหัวมากที่สุดคนหนึ่งของโลก (ปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่)

 

เพราะเขาได้ปล่อยข้อมูลรายละเอียดของโครงการการสอดแหนมเอาข้อมูลของประชาชนชาวสหรัฐฯ ที่เป็นควาวมลับสุดยอดของรัฐบาลสหรัฐฯ

 

.

 

การกระทำดังกล่าวจัดเป็นการฝ่าฝืนความมั่นคงของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

 

ทำให้เขาต้องหลบหนีไปรัสเซีย และคนที่ยื่นมือมาช่วยคือ 'ปูติน' ผู้นำรัสเซียนั่นเอง อีกทั้งปูติน ยังได้มอบสัญชาติรัสเซียกับเขาด้วย

 

-----

 

9.) ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพถึง 2 ครั้ง

 

ในปี 2014 ปูตินยื่นมือเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยรัฐบาลซีเรียให้สละการครอบครองอาวุธเคมีต่อนานาชาติ ทำให้ซีเรียรอดพ้นจากการโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯและชาติพันธมิตร

 

มิเช่นนั้น สถานการณ์ในซีเรียอาจเลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่ และคาดว่าจะมีพลเรือนผู้บริสุทธิ์จำนวนไม่น้อยที่ต้องเสียชีวิต

 

จากบทบาทดังกล่าว ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 2014

 

.

 

นอกจากนี้เขายังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพปี 2021 ซึ่งการเสนอชื่อในครั้งนี้ไม่ได้มาจากเครมลิน

 

แต่เป็นการเสนอชื่อโดยนักเขียนชาวรัสเซีย และไม่ได้ระบุผลงานที่สมควรได้รับรางวัล

 

-----

 

10.) เป็นคนรักสัตว์

 

ด้านที่อ่อนโยนของปูติน คือความรักและเอ็นดูต่อสัตว์ โดยเขาเลี้ยงสุนัขไว้จำนวนหนึ่งในบ้านพัก

 

และให้การช่วยเหลือในด้านการวิจัยสัตว์หลายชนิด เช่น เสือ หมีขั้วโลก โลมา และนกกระเรียน

 

.

 

นอกจากนี้ เขายังผลักดันกฎหมายคุ้มครองสัตว์ เช่น กฎหมายที่ห้ามเลี้ยงสัตว์ในห้างสรรพสินค้า และร้านอาหาร ห้ามฆ่าสัตว์จรจัด และสัตว์เลี้ยงต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี