เจแปน อดิศรา แจ้งความมือดีโพสต์เฟสประจาน
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 เวลา 15.00 น. จากกรณี นายอดิศรา ขัดต๋า หรือ น้องเจแปน นักการเมืองท้องถิ่น พื้นที่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความ ดำเนินคดีเอาผิด กับผู้ที่นำรูปภาพ และชื่อ ของตน โพสต์ลงสื่อ สังคม ออนไลน์ใน ข้อหาดูหมิ่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 ผ่านการโพสต์ ทางเฟสบุ๊ค ส่วนตัว เผยแพร่สู่สาธารณะ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับสารภาพว่า เคยมีภาระหนี้สินจริง แต่อยู่ในขั้นตอนของการไกลเกลียและเจรจา ชำระหนี้สินในส่วนดังกล่าว แต่ทางผู้โพสต์ ได้นำรูปภาพและข้อมูลในการสนทนา เผยแพร่ในสังคมออนไลน์
ซึ่งทางน้องเจแปน ได้มีการติดใจเอาความ ยื่นเรื่องเพื่อขอดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าว รวมถึง ทุกคนที่เข้าไปร่วมแสดงความคิดเห็น ถึงข้อความ ที่แสดงให้เห็น มันเหยียดหยามดูหมิ่น ทุกรายการด้วย
ส่วนทางด้านตำรวจจึงได้เปรียบเทียบปรับ เงิน 2,000 บาท ในกรณีดังกล่าวนี้ เป็นส่วนของคดีทางแพ่ง
กรณีการดูหมิ่นซึ่งหน้าและการดูหมิ่นโดยการโฆษณา
ตามประมวลกฎหมายอาญาภาค 3 ความผิดลหุโทษในมาตรา 393 บัญญัติว่า ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทางทีมงาน ทนายฯ มีคำจำกัดความ 3 คำ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ 1) การดูหมิ่น 2) ซึ่งหน้า และ 3) ด้วยการโฆษณา ดังนี้
การดูหมิ่น คือการกระทำ การเหยียดหยาม การสบประมาท การทำให้อับอาย ซึ่งอาจจะเป็นการกระทำโดยทางกาย หรือวาจาก็ได้ และการกระทำนั้นเป็นการลดคุณค่าผู้ถูกดูหมิ่นลงโดยผู้ที่หมิ่น ดังนั้นจึงอาจเป็นคำด่า คำหยาบ สบประมาท เช่น ยกเท้า เปลือยกาย ให้ของลับ ก็เข้าได้ จะเห็นได้ว่ามีความหมายกว้างกว่าการหมิ่นประมาทมาก
การดูหมิ่นนั้นเป็นเรื่องที่ผู้ดูหมิ่นต้องการลดคุณค่าของผู้ที่ถูกดูหมิ่นลง อาจเป็นการกระทำซึ่งหน้า หรือด้วยการโฆษณาก็ได้ ในการพิจารณานั้น เราต้องพิจารณาประกอบกับกริยาวาจาของถ้อยคำด้วยเช่นกัน
เมื่อการดูหมิ่นเป็นการลดคุณค่าของผู้ที่ถูกดูหมิ่นลง ดังนั้นการดูหมิ่นจึงพิจารณาเฉพาะผู้รับรู้เท่านั้น โดยปกติคือผู้ที่ถูกดูหมิ่นนั่นเองว่าเขาทราบและเข้าใจข้อความที่เป็นการดูหมิ่นนั้นหรือไม่ ส่วนบุคคลที่ 3 จะรับรู้หรือไม่นั้นไม่ใช่สาระสำคัญ ต่างกับความผิดฐานหมิ่นประมาท
ซึ่งหน้า หมายถึงการกระทำที่สามารถเข้าถึงตัวอีกฝ่ายหนึ่งได้ อาจมีการเข้าถึงตัวก่อเหตุร้ายได้ในทันทีทันใด การกระทำเราไม่ได้ถือเอาการเห็นหน้าเป็นสำคัญ อยู่คนละห้องมีฝากั้นแต่ได้ยินแล้วไปถึงตัวอีกฝ่ายได้ทันที หรือใช้เครื่องกระจายเสียง แม้ไม่เห็นหน้าแต่ก็เป็นซึ่งหน้าได้
ด้วยการโฆษณา การโฆษณาในความผิดฐานนี้คือ การทำให้ทราบถึงผู้อื่น เป็นการทำให้แพร่หลายในลักษณะการป่าวร้องให้รู้กันหลาย ๆ คน เช่น ด่ากลางตลาด ถ้าการป่าวร้องนั้นเป็นการป่าวร้องต่อหน้าผู้ถูกดูหมิ่นด้วย การกระทำนั้นอาจจะเป็นการดูหมิ่นซึ่งหน้า และการดูหมิ่นด้วยการโฆษณา





















