“น้ำหอม” ตำนานหลายพันปีที่ยังคงตราตรึงใจ
“น้ำหอม” ตำนานหลายพันปีที่ยังคงตราตรึงใจ
boy_since1980
เมื่อพูดกันถึงเรื่องของ “น้ำหอม” หลายๆคนคงนึกไปถึงกลิ่นหอมที่เย้ายวนใจ ความสดชื่น รวมถึงความเท่ห์ ความสวยในแบบฉบับของตัวเอง มันก็ไม่ผิดที่คุณผู้อ่านหลายๆท่านจะคิดเช่นนั้น เพราะกลิ่นน้ำหอมมันชวนให้หลงใหลจริงๆ แต่ในมุมมองของคนเขียนแล้วนอกจากกลิ่นที่ให้ความรู้สึกประทับใจต่างๆนานาๆแล้วนั้น ผู้เขียนยังนึกถึงความช่างคิดของคนโบราณ ความสามารถในการทดลองกลิ่น และก็อยากรู้นะว่า “เขาคิดกันได้อย่างไร” “น้ำหอมนี่มันเป็นมาอย่างไร” .... มาครับวันนี้ผู้เขียนจะพาคุณย้อนกลับไปถึงต้นกำเนิดของน้ำหอม ว่ามันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร? ...
ว่ากันว่า “น้ำหอม” ถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศอียิปต์ ประมาณหลายพันปีก่อนในสมัยเมโสโปเตเมีย โดยมีหลักฐานเป็นความเชื่อเกี่ยวกับการบูชาเทพเจ้าน้ำหอม “เนเฟอร์ตูม” ที่มีสัญลักษณ์ใส่เครื่องประดับศรีษะที่ทำจาก “ดอกวอเตอร์ลิลลี่” ... ในยุคแรกการผลิตน้ำหอมใช้เทคนิคการเผาให้เกิดกลิ่น โดยส่วนใหญ่จะได้กลิ่นหอมๆจาก เปลือกไม้ ยางไม้ ขี้ผื้ง เป็นหลัก และส่วนมากจะถูกใช้ในพิธีกรรมทางศาสนา (มาถึงตรงนี้ทำให้ผู้เขียนนึกถึง “กำยาน” ที่ใช้บูชาเทพเจ้าในประเทศอินเดีย ขึ้นมาทันที) ส่วนคนทั่วไปก็ใช้ด้วยวิธีเจือจางในน้ำ แล้วนำมาทาตัวเพื่อเพิ่มความหอม คล้ายกับที่เราเคยดูในภาพยนตร์ฉากที่ คลีโอพัตรา ใช้น้ำหอมชะโลมกายเพื่อเพิ่มเสน่ห์ มัดใจ จูเลียส ซีซาร์ นั่นเอง และในตำนานยังกล่าวต่อไปอีกว่า “น้ำหอม” ยังถูกใช้ใปจนถึงพิธีการดองศพ หรือทำมัมมี่อีกด้วย
“น้ำหอม” ถือกำเนิด เติบโต และพัฒนาไปอย่างไม่หยุดหยั้ง หลังจากนั้นก็แพร่หลายเข้าไปถึงยุคกรีก โรมัน และประเทศต่างๆ รวมถึงกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งนับเป็นที่แรกที่กลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และเจริญเติบโต เฟื่องฟูได้อย่างรวดเร็ว ในยุคหลังๆจนถึงปัจจุบัน ส่วนประกอบในการผลิตน้ำหอมเพิ่มมากขึ้นตามถิ่นฐานเกิด เช่น ดอกไม้ ผลไม้ มูลวาฬ เป็นต้น ในประเทศไทยก็มีการผลิตน้ำหอมอย่างแพร่หลายเช่นกัน และดอกไม้ไทยที่นำมาสกัดกลิ่นเป็นน้ำหอมก็มีมากมาย และเป็นที่โด่งดังไปถึงต่างประเทศ โดยในครั้งหน้า ผู้เขียนจะหาโอกาสนำเสนอเรื่องของน้ำหอมไทยบ้าง เพื่อเป็นความรู้ที่ใกล้ๆตัวแก่ผู้อ่านต่อไป ....
ขอบคุณภาพจาก google และ Ceresa
ขอสงวนลิขสิทธ์โดย ธนกร แสงธรรมวรคุณ
#contentwriter #publicrelations #branding