เลเซอร์หน้าใส ช่วยแก้ปัญหาอะไรบ้าง? เห็นผลกว่าการดูแลผิวแบบทั่วไปยังไง
เชื่อว่ามีหลายคนที่ประสบปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ มีสิวอุดตัน รอยดำ รอยแดง หรือฝ้า กระ ที่บำรุงรักษามายาวนานแค่ไหนก็ไม่หาย หากเป็นหนึ่งในบุคคลเหล่านี้ การเลือกทำเลเซอร์หน้าใสก็นับเป็นวิธีการที่ตอบโจทย์ ช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุด ใครที่ยังไม่เคยทำแนะนำให้ศึกษาข้อมูลจากบทความนี้ เพราะจะตอบคำถามทั้งเรื่องข้อดีของเลเซอร์หน้าใส ต้องทำบ่อยแค่ไหน และวิธีดูแลผิวหลังทำ อ่านได้ที่ด้านล่างนี้เลย
เลเซอร์หน้าใสมีหลักการอย่างไร?
เลเซอร์หน้าใส เป็นการนำเทคโนโลยีเลเซอร์มายิงลำแสงเข้าสู่ผิวระดับเซลล์ เพื่อเร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่มีความหมองคล้ำออกไป โดยเลเซอร์จะยับยั้งเม็ดสีเมลานินที่เป็นตัวการของความคล้ำ ไม่ว่าจะเป็นรอยดำ รอยแดง รูขุมขน และริ้วรอยด้วยเช่นกัน เลเซอร์จะสามารถแก้ไขปัญหาผิวได้ดีโดยไม่ทำร้ายผิวส่วนอื่นๆ
เลเซอร์หน้าใสดีไหม?
เลเซอร์ผิวเหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวที่เกิดจากการที่เซลล์ผิวเก่าที่ตายไปแล้วไม่ถูกผลัดทิ้งไป ทำให้เกิดเป็นการอักเสบ รอยแดง รอยดำ รูขุมขนกว้าง และริ้วรอย ซึ่งการทำเลเซอร์หน้าใสจะเน้นช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าทิ้งไป ทำให้ร่างกายผลิตเซลล์ผิวใหม่ที่ดีกว่าเดิมขึ้นมาทดแทน ส่งผลให้ผิวหน้ากระจ่างใส ลดความหมองคล้ำ และปัญหาผิวต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
ทำไมถึงควรทำเลเซอร์หน้าใส?
เนื่องจากการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคนล้วนต้องสัมผัสมลพิษและมลภาวะ ที่มาจากแสงแดด ฝุ่นควัน รวมไปถึงการดูแลตัวเองที่อาจไม่เพียงพอ ส่งผลให้ผิวหน้าเกิดความหมองคล้ำ หรือการทำความสะอาดหน้าที่ไม่สะอาดมากพอ สิ่งสกปรกต่างๆ ก็สามารถไปฝังตัวอยู่ในผิว เกิดเป็นสิวอุดตัน รูขุมขนกว้าง และปัญหาผิวอื่นๆ ทำให้ผิวบริเวณนั้นไม่สามารถสร้างเซลล์ผิวใหม่มาทดแทนได้ จนเกิดเป็นความหมองคล้ำนั่นเอง การทำเลเซอร์จะมาช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวได้ดีขึ้นผ่านการลดเม็ดสีเมลานินและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เห็นผลดีและไวกว่าการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ
ต้นเหตุของผิวหมองคล้ำ
1.การทำความสะอาดหน้าที่ไม่ทั่วถึง 2.ผิวเจอมลภาวะทุกวันทำให้ถูกทำร้ายอย่างหนัก 3.ใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่มีเนื้อหนาหนัก ไม่ซึมเข้าสู่ผิว 4.รูขุมขนสะสมไขมันทำให้เกิดการอุดตันและไม่สามารถผลัดเซลล์เก่าออกได้
เลเซอร์หน้าใสช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
- ลดรอยดำ รอยแดงจากสิว
- ลดฝ้า กระ จุดด่างดำได้
- ลดผิวอักเสบที่เกิดจากสิว
- กระชับรูขุมขนกว้างให้แคบลง
- ช่วยให้ริ้วรอยเล็กๆ จางลงได้
- ปรับผิวให้เรียบเนียนสม่ำเสมอ
- เปลี่ยนผิวที่หมองคล้ำให้กระจ่างใส ดูสุขภาพดีขึ้น
ประเภทของการทำเลเซอร์หน้าใส
การทำเลเซอร์หน้าใส สามารถใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ได้หลากหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีเครื่องเลเซอร์ที่ทำงานต่างกัน ให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันไปด้วย ดังนี้
- Q-Switched Laser เครื่องเลเซอร์ที่ใช้ความยาวลำแสง 532 และ 1,064 นาโนเมตร ในการปล่อยพลังงานความร้อนเพื่อยิงให้เม็ดสีแตกตัว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนในชั้นผิว ได้ผลลัพธ์ที่ดีในส่วนของรอยดำ กระ ฝ้า แต่มีข้อเสียตรงที่หลังทำจะเกิดผิวตกสะเก็ดร่วมด้วย
- Fractional Co2 Laser เครื่องเลเซอร์ที่ปล่อยลำแสงแบบจุดที่เรียงตัวในรูปแบบตาราง เพื่อลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก ช่วยรักษาหลุมสิว รูขุมขนได้ดี ควรทำซ้ำบ่อยๆ เพื่อประสิทธ์ภาพตามต้องการ เลเซอร์ชนิดนี้จะมีข้อจำกัดตรงที่สามารถทำให้ผิวแดงหรือเบิร์นหลังทำได้ จึงไม่เหมาะกับคนที่ต้องสัมผัสแสงแดดหรืออยู่ที่กลางแจ้งบ่อยๆ
- E-Matrix Laser เครื่องพลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูงที่ปล่อยความถี่ในการสร้างแผลบนผิวหน้า กระตุ้นคอลลาเจนในผิวให้ผลิตเซลล์ผิวใหม่มาทดแทน ช่วยแก้ปัญหาหลุมสิวได้ดี แต่มีผลข้างเคียงเป็นผิวตกสะเก็ดค่อนข้างมาก
- IPL Laser (Intense Pulse Light) การใช้ลำแสงเคลื่นกว้างตั้งแต่ 500 – 1,200 นาโนเมตรมาลดเม็ดสีเมลานินในผิว ซึ่งให้ความอ่อนโยนสูง ผลลัพธ์จึงไม่ชัดเจนมาก ต้องทำซ้ำบ่อยๆ เน้นช่วยเรื่องความกระจ่างใสเป็นหลัก 5.Dual Yellow พลังแสงเลเซอร์สีเหลืองและเขียวที่ใช้ในการรักษาปัญหาผิว โดยเฉพาะรอยแดง รอยดำ ฝ้า กระ และริ้วรอย โดยการจับจุดเฉพาะบริเวณที่มีปัญหาผิวเพื่อผลัดเซลล์ผิวออก ทำให้ผิวดูสม่ำเสมอขึ้น เป็นนวัตกรรมที่มีความอ่อนโยนสูง จึงไม่ก่อให้เกิดสะเก็ดผิวหลังทำอย่างวิธีการเลเซอร์แบบอื่นๆ
จุดเด่นและข้อจำกัดของการทำเลเซอร์หน้าใส
ไม่ว่าจะเป็นการรักษาหรือแก้ปัญหาผิวรูปแบบใด ต่างก็มีข้อดีและข้อจำกัดทั้งสิ้น โดยสำหรับการเลเซอร์หน้าใสแล้วมีข้อดีข้อเสียดังนี้
ข้อดี
- ช่วยแก้ปัญหาผิวหมองคล้ำได้จากต้นตอ
- ช่วยให้ผิวสม่ำเสมอ เรียบเนียนขึ้น
- เห็นผลไวกว่าการดูแลด้วยวิธีธรรมชาติ
- แก้ปัญหาเฉพาะจุดได้ดี
- เพิ่มความแข็งแรงของผิวที่โครงสร้าง ทำให้มีประสิทธิภาพมากกว่า
ข้อเสีย
- ราคาค่อนข้างสูง
- เน้นการทำที่สม่ำเสมอเพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดี
- ต้องพึ่งผู้เชี่ยวชาญในการทำ
- ความรู้สึกระหว่างทำที่อาจมีอาการแสบร้อนผิวร่วมด้วย
เลเซอร์หน้าใสกี่ครั้งถึงเห็นผล?
ส่วนมากการทำเลเซอร์หน้าใสอย่างต่อเนื่องประมาณ 3 – 5 ครั้ง จะเริ่มเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ผิวดูสุขภาพดีกว่าช่วงก่อนเริ่มทำ จะยิ่งเห็นผลได้ชัดกับคนที่มีปัญหาผิวน้อย
เลเซอร์หน้าใสต้องทำบ่อยแค่ไหน?
การทำเลเซอร์ให้เห็นผลควรต้องทำทุกๆ รอบการผลัดเซลล์ของผิวหนัง ซึ่งจะอยู่ในระยะเวลาประมาณ 3 – 4 สัปดาห์ต่อครั้ง การทำอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้ผิวได้สร้างเซลล์ใหม่ขึ้นมาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ผิวดีแบบเห็นผลชัดเจนขึ้น
ทำเลเซอร์หน้าใสเจ็บมั้ย?
การทำเลเซอร์หน้าใสแต่ละครั้งจะมีการทายาชาให้บนผิวหน้า ดังนั้นจึงสามารถช่วยลดอาการเจ็บได้ ระหว่างทำอาจรู้สึกแปล๊บๆ ที่ผิวเล็กน้อย แต่มั่นใจได้ว่าปลอดภัย ไม่ส่งผลข้างเคียงที่ร้ายแรง หากเลือกทำกับคลินิกและใช้เครื่องที่ได้มาตรฐาน
หลังทำเลเซอร์หน้าใสแล้วควรดูแลอย่างไรบ้าง?
- หลีกเลี่ยงการออกแดดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ไม่ใช่อุปกรณ์ IT ในที่มืด เพราะแสงสีฟ้าจากหน้าจออาจทำร้ายผิวได้
- ทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
- งดการบีบ แกะ เกา หรือสครับผิวหน้า
- เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนกับผิว
- บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์เป็นประจำ
รีวิวเลเซอร์หน้าใส
สรุปควรเลเซอร์หน้าใสมั้ย?
หากเป็นคนที่มีปัญหาผิวเยอะ ร่วมกับความหมองคล้ำ และอยากให้ผิวกลับมาสภาพดีขึ้นด้วยความรวดเร็ว หรือเป็นคนที่ดูแลด้วยการบำรุงแล้วก็ยังไม่เห็นผล อาจเป็นได้จากเซลล์ผิวเก่าที่ไม่ผลัดเซลล์ร่วมกับการสร้างเซลล์ผิวใหม่ได้น้อย หากเลือกทำเลเซอร์หน้าใสก็จะตอบโจทย์ แก้ปัญหาได้ตรงจุดที่สุด และจะยิ่งเห็นผลลัพธ์ดีพร้อมผลข้างเคียงที่ต่ำ หากเลือกประเภทเครื่องเลเซอร์ที่เหมาะสม ใครที่ยังไม่เคยทำก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอาการเจ็บ เพราะมีการแปะยาชาให้ แต่แนะนำว่าควรคำนึงถึงมาตรฐานของคลินิกมาเป็นอันดับแรก เนื่องจากการทำเลเซอร์หน้าใสจะดีหรือไม่ก็ขึ้นอยู่ที่คุณภาพในการทำนั่นเอง