อยู่เกาหลี ดีจริงหรือไม่?
หลายคนที่เริ่มเบื่อหน่ายและผิดหวังกับประเทศไทยก็เริ่มมองหาลู่ทางในการย้ายไปอยู่ที่ประเทศอื่นกันแล้วใช่ไหมคะ หนึ่งในหลายประเทศที่น่าสนใจก็คือ เกาหลีใต้ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนหรือการทำงานก็ตาม ส่วนใหญ่ก็มักจะได้รับอิทธิพลมาจากเคป็อปและซีรีส์เกาหลีหวานแหววสุดโรแมนติก
แต่ในความเป็นจริง การใช้ชีวิตอยู่ในเกาหลีไม่ได้ดีแบบที่คิด เราใช้ชีวิตอยู่ที่เกาหลีมาสองปีกว่าแล้วและนี่คือรีวิวจากใจเกี่ยวกับ "การใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเกาหลี" ของเราค่ะ
1. ค่าครองชีพสูงลิ่ว
การใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงอย่างโซลหรือปูซานต้องแบกรับกับค่าครองชีพที่สูงมาก ๆ นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเรียนและทำงานก็คือในเมืองหลวง ค่าใช้จ่ายทั้งที่พัก ค่าอาหารและของใช้ต่าง ๆ ก็ราคาสูงเพิ่มขึ้นเป็นเงา
ถ้ามาทำงานก็อาจจะดีหน่อยที่ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ แต่ถ้าหากมาเรียนล่ะก็ ไม่สามารถแบ่งเวลาทำงานได้มากพอที่จะหาเงินเลี้ยงดูตัวเองแน่นอนเลยค่ะ เพราะให้ความสำคัญกับการเรียนไปด้วย
ถ้าหากไม่ได้ทำงานพิเศษล่ะก็ มาเกาหลีคือเหมือนเผาเงินเล่นเลย ส่วนใหญ่แล้ว เงินที่ได้จากการทำงานและการหางานพิเศษนั้นเพียงพอแค่การใช้ชีวิตประจำวัน ถ้าอยากให้ชีวิตแบบหรูหรา ใช้เงินมือเติบล่ะก็ เงินแค่นี้ไม่พอแน่นอน
🙌 ทิปส์สำหรับการมา Working Holiday 2020
2.เกาหลีไม่ได้สะดวกอย่างที่คิด
หลายคนบอกว่า เกาหลีสะดวกมาก อินเทอร์เน็ตก็เร็ว ช้อปออนไลน์ก็สะดวก แถมการขนส่งยังพัฒนาอีกด้วย แต่นั่นสำหรับคนที่มีเงินและมีวีซ่าเท่านั้นค่ะ
การทำธุรกรรมหลายอย่างในเกาหลีต้องใช้การยืนยันตัวตนเสมอ เช่น เช่าบ้าน สมัครแพลนมือถือรายเดือน ซื้อเว็บแคม สมัครสมาชิกต่าง ๆ เป็นต้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการใช้ชื่อจริงในการยืนยันตัวตนเสมอ
แน่นอนว่าสำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว ถึงไม่มีสิ่งเหล่านี้ ก็ไม่เห็นจะลำบากอะไร แต่สำหรับคนที่อยู่ที่นี่ระยะยาว การมีวีซ่าคือเรื่องที่จำเป็นที่สุดค่ะ
3. ความหลากหลายน้อย
คนที่มาเกาหลีครั้งสองครั้งอาจจะคิดว่า บ้าเหรอ? จริงดิ? ตัวเลือกเยอะจะตาย
แต่ถ้าอยู่เกาหลีนานพอจะพบว่า ที่นี่มีแต่อะไรเดิม ๆ อาหารเหมือนเดิม ชุดเหมือนเดิม เทรนด์มาทีหนึ่งก็ทำอะไรเหมือน ๆ กัน ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งรู้สึกเบื่อค่ะ
4. การกีดกันแบบลึก ๆ
สัดส่วนชาวต่างชาติในเกาหลี
ถึงแม้ว่าการกีดกันชาวต่างชาติจะไม่ได้มีให้เห็นเด่นชัดหรือพูดกันในที่สาธารณะ แต่สัมผัสได้ค่ะว่า มีอยู่จริง
ไม่ใช่แค่การกลัวชาวต่างชาติในชีวิตประจำวัน(เช่น คนทำงานผิวสีที่ไม่มีวีซ่า) กลัวภาษา กลัวการออกเดทกับต่างชาติและอีกมากมาย ไม่ได้จะเหยียดนะคะ แต่ถึงพูดเกาหลีดีให้ตายแค่ไหน "ยังไงก็เป็นคนนอกอยู่วันยังค่ำ"
นอกจากนี้ ยังมีระบบการแต่งงานที่ชายต่างชาติแต่งงานกับหญิงเกาหลียากกว่าการแต่งงานของชายเกาหลีกับหญิงต่างชาติอีกด้วยค่ะ
5. ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง
สำหรับคนไทยแล้ว การต้องใช้พาสเวิร์ดเพื่อใช้ห้องน้ำเป็นอะไรที่ไม่ชินสุด ๆ... รวมไปถึงร้านอาหารเช้าที่มีน้อยมาก ๆ ผักใบเขียวนิดเดียว เป็นต้น
นอกจากนี้ ภาษาเกาหลียังมีลำดับความสุภาพของภาษาที่ยุ่งยากมากมาย
หรือบางครั้ง คนไทยก็ชอบที่จะทำให้บรรยากาศครื้นเครงมีสีสันเสมอ แต่ที่เกาหลีบางครั้ง ความเฮฮาก็ไม่เวิร์คค่ะ
6. ความกดดันในที่ทำงาน
ก่อนที่จะมาเจอกับแรงกดดันในที่ทำงาน คนเกาหลีก็เจอกับแรงกดดันตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยไปแล้วรอบหนึ่งซึ่งการสอบเข้าเรียนต่อของเกาหลีถือว่ากดดันที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ทุกคนต้องการเรียนต่อในมอทีดี ๆ ไม่ใช่แค่เด็กนักเรียนเท่านั้นนะคะ แต่พ่อแม่และสังคมก็คิดเช่นเดียวกัน กลายเป็นแรงกดดันไปกองอยู่ที่เด็กแทน
ถึงแม้ที่ไทยเราจะมีค่านิยมในการเข้ามหาวิทยาลัยอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับเกาหลีแล้ว ต่างกันลิบเลยค่ะ อย่างน้อยเราก็มีความเชื่อว่า ถ้าทำงานที่ชอบให้ได้ดีที่สุด สักวันก็จะเป็นวันของเราเอง
แต่ในเกาหลี ทุกคนต่างมุ่งไปที่เป้าหมายเดียวกัน มองว่างานจำพวกหนึ่งคืองานที่ดีเท่านั้น ทำให้กดดันตัวเองจนเกินไป
7. แล้วยังไงต่อล่ะ?
วิธีที่เร็วที่สุดที่จะได้มาใช้ชีวิตอยู่ในเกาหลีคือการเรียนต่อและทำงานค่ะ แต่พอหลายคนมาอยู่ได้ซักพัก ก็มีไม่กี่คนเท่านั้นแหละค่ะที่ยังคงเลือกอยู่ต่อ
ปัญหาแรกที่ทำให้เลือกที่จะไม่อยู่ต่อคือ วีซ่าทำงาน อีกปัญหาคือ ไม่มีเงิน หลายคนคิดว่า มาเกาหลีคงทำเงินได้เยอะมาก ๆ แน่เลย แต่จริง ๆ มีคนจำนวนมากคิดว่า "ฉันมาทำอะไรที่นี่" อยู่บ้านซะยังดีกว่า
อย่างเคสของเรา เรามาอยู่ที่นี่ รู้จักคนมากมาย ได้ไปเที่ยวหลายที่ ทานอาหารอร่อย ๆ แต่พอกลับมาดูตัวเองในอีก 1 ปีก็รู้สึกว่า โบ๋เบ๋มาก เก็บเงินแทบไม่ได้เลย เหมือนแค่มาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมหนึ่งปีเฉย ๆ
ถึงแม้ว่าเราจะพูดถึงข้อเสียไปซะเยอะ แต่เกาหลีก็ยังมีข้อดีนะคะ เช่น อากาศมีสี่ฤดู วิวทิวทัศน์งดงาม
และจากที่รู้จักคนเกาหลีมาจะรู้ว่า ความรักชาติและความเป็นปึกแผ่นของคนในชาติแน่นหนามาก ๆ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกประเทศที่จะมองเรื่องนี้ในแง่บวก ข้อสำคัญคือการยอมรับความแตกต่างมากกว่าค่ะ
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
เขมรไม่มีคิดหยุด แต่คิดว่าจะรบไทยให้ชนะด้วย F-35 ได้อย่างไรในอนาคต
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เจาะลึกลำดับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมซาวน่าญี่ปุ่น เมื่อพื้นที่ส่วนตัวกลายเป็นกับดักมรณะ
จักรวาลร่วมฉลองส่งท้ายปี! NASA อวดโฉม "ต้นคริสต์มาสยักษ์" แห่งห้วงอวกาศลึก 2,500 ปีแสง
"สาละ" ดอกไม้ในตำนานเกี่ยวกับพุทธประวัติของพระมหาศาสดาของศาสนาพุทธ (สาละในหลวงพระบาง)
ลุกขึ้นไได้...ก็ชนะ
รีวิวหนังดัง SURROGATES คนอึดฝ่านรกโคลนนิ่ง
ทำไมคนค้าขายสินค้าที่ผิดศีลธรรมจึงร่ำรวย?
ได้ใจคนไทยเต็มๆ สีหศักดิ์เผยประชุม รมว.กต.อาเซียน "ไทยไม่ตกลงหยุดยิง"
ศุลกากรจับมือ 5 แพลตฟอร์มยักษ์ ดีเดย์ 1 ม.ค. 69 เก็บภาษีสินค้านำเข้าออนไลน์ตั้งแต่บาทแรก
ย้อนชะตากรรม "ขันทีหัวใจพระโพธิสัตว์" ยอมแก้ราชโองการเพียงหนึ่งคำ เพื่อรักษาชีวิตคนนับพัน
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
โฆษก "ฮุนเซน" โม้หนัก!! เคยผ่านการรบมาแล้วนับ 100 ครั้ง!!
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เขมรไม่มีคิดหยุด แต่คิดว่าจะรบไทยให้ชนะด้วย F-35 ได้อย่างไรในอนาคต
ด่วน! แก๊งสแกมเมอร์จีน–กัมพูชาแตกฮือ ปอยเปตอลหม่าน หลังทหารกัมพูชายึดอาคารใช้เป็นฐานทหาร ตกเป็นเป้าการสู้รบชายแดน
ย้อนชะตากรรม "ขันทีหัวใจพระโพธิสัตว์" ยอมแก้ราชโองการเพียงหนึ่งคำ เพื่อรักษาชีวิตคนนับพัน
🏰 Bannerman Castle ปราสาทร้างกลางแม่น้ำฮัดสัน เงาอดีตคลังอาวุธที่หลอกหลอนผู้มาเยือน
จากตุ๊กตานุ่ม ๆ สู่ยอดขายพันล้าน ‘เจลลี่แคท’ พิชิตใจชาวจีนได้อย่างไร
พาลูก 1 ขวบเที่ยว Take Me Home Park @เขาใหญ่
เปิดภาพหายากกลางป่ามรดกโลก! “ตั๊กแตนหัวมังกร” โผล่เขาพะเนินทุ่ง สะท้อนความอุดมสมบูรณ์แก่งกระจาน












