ไสยศาสตร์มนต์ดำ หมานิล และปลาดุก
เรื่องราวเหล่านี้ เป็นเรื่องที่เราฟังจากแม่เรานะครับ
ทุกคนที่เอ่ยมีตัวตนอยู่จริง แต่การเล่าครั้งนี้ขอให้ชื่อสมมุติที่ใกล้เคียงนะครับ
คนแปลงร่างเป็นหมานิล"
แม่ก็ฟังจากเพื่อนและคนที่เตือนๆมาอีกทีนึง ตัวละครทุกตัว แม่รู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี หมานิลคืออะไร เราก็ไม่ทราบแน่ชัด หาข้อมูลมาบางคนบอกเป็นผีปอบ แต่เท่าที่ทราบคือ หมานิล มีลักษณะตัวดำสูงใหญ่เท่าวัวตาแดงก่ำดวงใหญ่เหมือนเลือด สมัยยังสาวแม่เราไปบรรจุเป็นครูที่จ.บุรีรัมย์ มีครูคนนึงชื่อครูสิต มีนิสัยขี้เหล้า เมายา แกจะเมาๆหน่อย เวลากินข้าวกันที่โรงเรียน คนอื่นๆมักไม่อยากกินร่วมด้วย เพราะนอกจากจะเมาแล้ว คนอื่นๆยังกลัวการปนเปื้อนของน้ำลาย กลัวจะโดนคุณไสย กลัวจะโดนมนต์คาถาอะไรทำนองนี้ เพราะอะไรแหนะหรอ...ก็เพราะมีคนเล่าลือ กันว่า พ่อของครูสิต ซึ่งเป็นครูที่เกษียณอายุราชการไปแล้วนั้น แกมีวิชาอาคม เป็นคนมีของ เรียกได้ว่าแกไปเรียนวิชาเขมรมา แถมคนยังพูดกันว่าแกเป็น"หมานิล"ครูตู้ เป็นครูรุ่นพี่ของแม่ที่โรงเรียน เล่าว่า...
หลังเลิกงานครูตู้กับเพื่อนนัดกันไปกินข้าว(ดื่มเหล้า) แต่ครูตู้เป็นคนไม่ดื่มเหล้า
คืนนั้นครูตู้กับเพื่อนที่เมา ขับรถมอเตอร์ไซค์กลับบ้านพัก ทางมืดมากมองเห็นข้างทางไม่ค่อยชัดนัก เห็นแค่ถนนที่ตรงไปข้างหน้าเพราะแสงไฟจากมอเตอร์ไซค์...
ขับไปเรื่อยๆ ก็มีดวงตาใหญ่สีแดงจ้องมองมาจากทางด้านหน้าที่รถกำลังวิ่งไป แล้วก็พุ่งเข้ามาจะชน
ครูตู้ประคองรถได้เพราะมีสติ ขับหนีๆๆๆๆ คนที่ซ้อนมาเมาก็พลางตื่นมีสติไปด้วย และเห็นเหมือนกันทั้งคู่ ครูตู้ยืนยันนั่งยันนอนยันว่าแกไม่ได้เมา....
นี้เป็นเรื่องที่ครูตู้เล่าให้แม่เราฟังจากปากของครูตู้เองต่อมา...เวลาเกือบฟ้าสาง แม่หม้ายผัวตายคนนึง แกออกมาหาบน้ำที่ฝาย
แกมองไม่ถนัดว่าใครเดินมา แกเลยร้องทัก ทันใดนั้นก็เห็นเป็นหมานิลตัวใหญ่ตาแดงก่ำโผล่มา แกตกใจมาก เลยตะโกน เห้ยเห้ยเห้ย หมานิลมันคงตกใจ กระโจนจะเข้ามาใส่แก แกเลยเอาคานที่หาบน้ำฟาดเข้าไปที่ขาหลังของหมานิล ฟาดๆๆๆ แล้วหมานิลก็หนีไป
เช้ามาปรากฎว่า ครูเกษียณคนนั้น อยู่ๆก็เจ็บหนักที่ขาเหมือนโดนไม้โดนของแข็งฟาดมา เรียกได้ว่าเป็นที่พูดโจษจันกันไปว่าแกโดนไม้คานฟาดที่ขาเพราะแกเป็นหมานิลนั้นเอง คนที่ยืนยันได้จริงก็คงเป็นแม่หม้ายต้นเรื่องนั้นครับ แกว่าแกฟาดเข้าไปที่ขาจริงๆแต่จำไม่ได้ว่าข้างไหน และแกก็ยืนยันว่าครูเกษียณคนนั้นเป็นหมานิล และแกก็ไม่กล้าออกไปอาบน้ำเวลานั้นอีกเลย เรื่องนี้ก็ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่อย่างไร ใช้วิจารณ์ญาณนะครับ