ต้องถึงจุดไหนเล่า ? ที่เราเรียกว่า "ความสำเร็จ" ฉบับอ่านเข้าใจง่าย!!
"ในชีวิตคนเราจะมีปีสักกี่ครั้ง?” เป็นประโยคจากชาย อายุ 21 ปีที่เราบังเอิญได้รู้จักในร้านหนังสือแห่งหนึ่ง ซึ่งมันทำให้เราได้ย้อนกลับไปมองช่วงที่ผ่านมา เหมือนได้มองเด็กที่กำลังเติบใหญ่ ในวันที่รถยนต์ชีวิตเดินไปข้างหน้า เราพบว่าชีวิตที่ผ่านมาเป็นการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดในชีวิต
เป็นช่วงเวลาที่ชีวิตเหาะตีลังกา เป็นช่วงเวลาที่มีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา จนที่สุด รวยที่สุด ทุกข์ที่สุด สุขที่สุด ร้องไห้หนักมากที่สุด หัวเราะหนักมากที่สุด ...เป็นช่วงเวลาแห่งการ "ไล่ล่าความสำเร็จ" อย่างแท้จริง
ถ้าจะถามว่าอะไรคือ "จุดเปลี่ยน" ที่หักมุมเลี้ยวที่สุด? คำถามนี้ช่างตอบยากเสียเหลือเกิน เพราะชีวิตเราแทบไม่เคยมีทางตรง มีแต่โค้งหักศอก ..แม้จุดเล็ก ๆ ของชีวิต ก็ไม่อาจยกมันออกได้ เพราะหากไม่มีจุดนั้น มันก็อาจเปลี่ยนแปลงเรื่องราวที่เหลือทั้งหมด
จุดไหนกันเล่าที่เปลี่ยนชีวิตเรา? มันอาจเป็นวันที่เราหมดแรง ท้อ หรือในวันที่เราดิ้นรนหาเงินกลางเมืองใหญ่ มันอาจเป็นวันที่ญาติเข้ามายุ่งย่าม ในวันที่เราใช้ชีวิตไม่ถูกใจเขา มันอาจเป็นน้ำตาหยดนั้นจากคำพูดของญาติ ในวันที่เราหาทางออกให้ชีวิตไม่ได้ ...หรือวันที่เราเกลียดตัวเอง ในวันที่เราเห็นเพื่อนที่เรียนไม่เก่งเท่าเรา แต่วันนี้กลับมีชีวิตที่ดีกว่า
มันอาจเป็นวันที่เราตัดสินใจทิ้งอาชีพเดิม ไปเริ่มอาชีพใหม่ มันอาจเป็นวันที่เราได้รับโอกาสให้เป็นนักเขียน ทั้งที่ยังไม่รู้จะเขียนอะไร มันอาจเป็นวันที่เรากล้าขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีครั้งแรก ทั้งที่โคตรกลัว ...มันอาจเป็นวันที่เรามั่นใจกับโปรเจ็กต์ที่จะทำ ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าจะมีคนสนใจซื้อหรือไม่?
มันอาจเป็นการแต่งงานกับคนรัก มันอาจเป็นการมีเจ้าตัวน้อย ๆ ที่อนุญาตให้เราได้เป็นพ่อคนแม่คน อาจเป็นการทะเลาะกัน ในวันที่เราถึงทางแยก หรืออาจเป็นกอดอุ่นๆวันนี้ ที่ พ่อ-แม่-ลูก ยังคงมีให้กัน
...จุดไหนเล่าที่เปลี่ยนชีวิตเรา? มันอาจเป็นจุดไหนก็ได้ทั้งนั้น “ไม่มีการตัดสินใจที่ผิด ถ้าเรารับผิดชอบผลของการตัดสินใจนั้น"
ตลอดที่ผ่านมา เราได้บทเรียนมามากมายในชีวิต ส่วนใหญ่ได้จากความล้มเหลว ไม่ใช่จากความสำเร็จ แต่ถ้าจะต้องเลือกเพียงหนึ่งบทเรียนที่มีค่าที่สุดในชีวิต เราขอเลือกบทเรียนที่บอกว่า
เมื่อครั้งหนึ่งในวันที่เราตัดสินใจ แยกความถูกต้องกับความจริงที่สะท้อนสังคมประเด็นที่น่าสนใจไว้ว่า..ทุกการตัดสินใจของเรานั้น เราตัดสินใจดีที่สุดแล้ว ในขณะที่ตัดสินใจ เราคิดใคร่ครวญดีที่สุดในสถานการณ์นั้นแล้ว ต่อให้ย้อนเวลากลับไปได้ ด้วยข้อมูล ด้วยประสบการณ์เท่าที่มีตอนนั้น เราก็จะตัดสินใจแบบเดิมอยู่ดี
เพราะฉะนั้นจึงอย่ามัวจมอยู่กับผลของการตัดสินใจนั้น เราทำดีที่สุด ณ ตอนนั้น ณ เวลานั้นแล้ว ถ้าผลของการตัดสินใจนั้นดี ก็ดีแล้ว ถ้าผลของการตัดสินใจนั้น เหมือนจะไม่ดี ก็ให้แก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แล้วพึงระลึกไว้ในใจเสมอว่า “สิ่งที่ดูเหมือนไม่ดีสิ่งนี้ ที่ทำให้เราพลาดสิ่งดีๆไป กำลังนำพาเราไปสู่สิ่งที่ดีกว่านี้อีก”
ทุกวันนี้เราจึงยังไม่ลืม เพื่อนที่มีชีวิตดีกว่าเห็นตัวเองอยู่ในนั้น ถ้าเราไม่ล้มเลิกเสียก่อน ไม่ว่าอย่างไร เราในวันนี้ ก็ต้องดีกว่าเมื่อวาน และเราในวันพรุ่งนี้ ก็ต้องดีกว่าเราในวันนี้ ทุกครั้งที่เจอปัญหา เหมือนไม่มีทางไปต่อ ขอให้จำไว้ว่ามันไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นจุดเริ่มต้น ที่จะพาเราไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
แต่จุดไหนกันเล่าที่จะเปลี่ยนชีวิตเรา? มันอาจเป็นจุดไหนก็ได้ทั้งนั้นครับ.