ประเมินกำลังทหารสหรัฐฯ ที่จะส่งเข้ามาในประเทศไทย ถ้าเกิดการเผชิญหน้ากับจีน-พม่า-กัมพูชาฯ***
ประเมินกำลังทหารสหรัฐฯ ที่จะส่งเข้ามาในประเทศไทย ถ้าเกิดการเผชิญหน้ากับจีน-พม่า-กัมพูชาฯ***
1. นับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ในปี 2561แล้ว ทั้งสองขั้วอำนาจของโลกต่างก็คาดหมายถึงความเปลี่ยนแปลงทางด้านการทหารในภูมิภาคอาเซียนโดยเฉพาะในประเทศไทยกันมาตั้งแต่บัดนั้นแล้ว
หลังจากนั้นคณะกรรมการทหารกลางกองทัพปลดแอกประชาชนจีนได้เคลื่อนย้ายทหาร5 แสนคนไปวางไว้ที่มองโกเลียในเป็นครั้งแรก โดยประธานสี จิ้นผิง เป็นประธานตรวจพลสวนสนามในชุดพรางเป็นครั้งแรกและประกาศให้เตรียมความพร้อมรบตลอดเวลา
ครั้นเกิดปัญหาสงครามกลางเมืองในพม่า รัฐบาลพม่าขอให้จีนส่งกำลังทหารมาคุ้มครองท่อแก๊สตั้งแต่รัฐยะไข่ไปจนถึงมณฑลยูนนานโดยตกลงให้จีนได้สัปทานขุดเจาะบ่อน้ำมันใหญ่สุดของพม่า ทหารจีนจำนวน 1 แสนจึงถูกส่งมาประจำเพื่อคุ้มครองท่อแก๊สดังกล่าวและมีการเติมกำลังทหารที่มองโกเลียในให้มีจำนวน 5 แสนคนเหมือนเดิม เมื่อรวมกับทหารพม่าจำนวน 4 แสนคนแล้ว กำลังทหารส่วนนี้จึงมีกำลังพลถึง 1 ล้านคน
2. สถานทูตสหรัฐฯได้เปิดเผยข้อตกลงเป็นพันธมิตรเพื่อความมั่นคงจากภัยคุกคามต่อประเทศไทยปี 2562 ซึ่งลงนามโดยผู้แทนของสหรัฐฯและพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา! ปรากฎว่าหลังจากนั้นข้อตกลงรถไฟเส้นทางสายไหมไทย-จีน ปฏิญญาเพื่อการพัฒนาแม่น้ำโขงให้เป็นแม่น้ำแห่งสันติภาพและการพัฒนาก็ชะงักลง ในขณะที่มีการขยายสถานกงสุลและสถานทูตของสหรัฐฯ จนมาถึงการซ้อมรบคอบร้าโกล์ 2565 ขนาดใหญ่ที่สุดหลังสงครามเวียดนามสิ้นสุดลงพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมาก จึงเป็นที่วิตกว่าการซ้อมรบดังกล่าวนั้นส่อว่าเป็นการซ้อมรบกับจีนและพันธมิตรรวมทั้งพม่าเพื่อนบ้านใกล้ชิดของไทยด้วย
และยิ่งเป็นที่หวั่นเกรงว่าจะเกิดการเผชิญหน้าทางการทหารครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างสหรัฐฯ และพันธมิตรและประเทศไทย กับจีน รัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ พม่า ปากีสถาน ลาว กัมพูชา ซึ่งประเทศไทยจะกลายเป็นสมรภูมิที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์
3. สหรัฐฯมีกำลังทหารทั้งประเทศจำนวน 1 ล้านคน ประจำการอยู่ตามฐานทัพ 800 แห่งทั่วโลกและ 3 กองเรือใหญ่ใน 3 มหาสมุทร คือกองเรือที่ 5,6 และ 7
ในจำนวนนี้วางกำลังอยู่ที่เกาหลีใต้ 20,000 คน เกาะกวม 25,000 คน โอกินาว่าของญี่ปุ่น 65,000 คน และที่ฐานทัพในฟิลิปปินส์อีกไม่มากนัก จึงเกิดการประเมินว่าถ้าเกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างสหรัฐฯกับจีนในพื้นที่ประเทศไทย สหรัฐฯจะส่งกำลังมาได้มากที่สุดเท่าใด???
จำนวนทหารสูงสุดที่จะส่งมาได้ประเมินว่าจะไม่เกินจำนวนที่ประจำที่โอกินาว่าคือ 65,000 คน แต่ในทางความเป็นจริงนั้นน่าจะมีขีดความสามารถส่งมาได้ประมาณ 30,000 คน ซึ่งถ้ามีทหารจำนวนนี้ในประเทศไทยย่อมกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยทั้งประเทศ อาจเกิดการลุกฮือขึ้นขับไล่กองทหารต่างชาติเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับรัฐบาล มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
ส่วนกองทัพไทยมีกำลัง 3 แสนคนเป็นกองทัพที่เป็นมิตรกับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะจีนมาเป็นเวลานาน ดังนั้น เมื่อเกิดสถานการณ์เผชิญหน้าจะเป็นสถานการณ์ที่เหล่าทหารอึดอัดใจมากที่สุด เพราะคงไม่มีใครอยากรบกับทหารพี่น้องและมีบ้านเรือนใกล้ชิดติดกัน สภาพก็คงไม่ต่างกับเมื่อครั้งแสนยานุภาพของญี่ปุ่นเข้ายึดประเทศไทยและบังคับให้ประเทศไทยเข้าร่วมรบกับสัมพันธมิตร เหตุการณ์ในครั้งนั้นทหารไทยเกือบทั้งหมดไม่ยอมรบ แม้จำเป็นก็รบแบบไม่จริงไม่จัง หรือรบแบบขอไปที หากเกิดเหตุครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน
4. ดังนั้น กำลังทหารหลักของสหรัฐฯและพันธมิตรที่จะเผชิญหน้ากับจีน รัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ ปากีสถาน ลาว และกัมพูชา จึงยังเทียบกันไม่ได้กับแสนยานุภาพทางการทหารของอีกฝ่ายหนึ่ง คงเหลืออีกปัญหาหนึ่งว่าสหรัฐฯจะเสริมกำลังทหารจากที่ใดเข้ามาหนุนช่วยและจะส่งเข้ามาได้อย่างไรถ้าหากเกิดเหตุการณ์ตึงเครียดซึ่งคงไม่ง่ายเหมือนยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกแล้ว
เมื่อประเมินกำลังทางทหารของทั้งสองฝ่ายเบื้องต้น นักการทหารย่อมสามารถประมาณสถานการณ์ได้แล้วว่าผลบั้นปลายจะเป็นฉันใด!!! ใครคิดจะชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน ประพฤติตนเป็นคนขายชาติจึงพึงสังวรไว้ให้จงหนัก
และจับตาดูให้ดี ประชาชนไทยโดยเฉพาะคนไทยเชื้อสายจีนนับสิบล้านคนที่ไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้าหรือสงครามกับจีนคงไม่นิ่งเฉยให้ชาติบ้านเมืองถูกย่ำยีเป็นแน่














