ครม.ประชุมหมูแพงไร้เงา 2 ปชป. แบบนี้ต้องโทษใครกันแน่ ??
หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เร่งติดตามความคืบหน้าแก้ "โรคระบาดหมู - หมูแพง" เร่งหนุนตั้ง Warroom เรียกประชุมแก้ปัญหาเป็นการเร่งด่วน สำหรับปัญหาเรื่อง “ของแพง” ณ เวลานี้ที่กำลัง “แพงทั้งแผ่นดิน” กำลังสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ชาวบ้านอย่างหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะมีเสียงวิจารณ์ด่าทอพุ่งเป้ามาที่รัฐบาล โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เนื่องจากเป็นผู้นำรัฐบาล ต้องรับผิดชอบเต็มๆ อยู่แล้ว สำหรับวันนี้
สำหรับปัญหาที่หารือกันในวันนี้ คือเร่งหารืออธิบดีกรมปศุสัตว์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามการแก้ปัญหาโรคระบาดในสุกร หลังการประกาศพบเชื้อโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ในประเทศไทยโดยมอบแนวทางการแก้ปัญหาหมูและให้เร่งตรวจสอบการขึ้นทะเบียนเกษตรกรเจ้าของฟาร์มผู้เสียหายทั้งรายย่อยและรายใหญ่ พร้อมให้หน่วยงานลงพื้นที่ตรวจสอบคุณภาพการเลี้ยงสุกร ทั้งโรงฆ่าสัตว์และเขียงหมูโดยเร็ว รวมทั้งเร่งสอบสวนสาเหตุและรักษาตามอาการตั้งแต่แรก ควบคู่กับการให้ความรู้ผู้เลี้ยงหมูในการป้องกันเบื้องต้น ระหว่างที่ยังต้องรอผลการวิจัยและพัฒนาวัคซีน และเปิดช่องทางรับแจ้งการเกิดโรคโดยเร็ว
สำหรับการบริหารจัดการความต้องการสุกรในภาพรวมนั้น ให้สำรวจปริมาณความต้องการประชาชนต่อการบริโภคและใช้เนื้อหมูในประเทศ รวมทั้งปริมาณการส่งออก และศึกษาความจำเป็นในการนำเข้าเนื้อหมูชั่วคราว การจัดหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ เพื่อผลิตลูกหมูเพิ่มเติมในระบบให้ไวที่สุด สำหรับการประชุมในครั้งนี้ ไร้เงา 2 รมต. จากพรรคประชาธิปัตย์ที่กำกับดูแลตรงในเรื่องนี้ จึงเป็นโอกาสอันดีที่ได้จังหวะของฝ่ายค้านที่ออกมาโจมตีถล่มให้จมดิน อาจถึงขั้นล้มรัฐบาลก่อนเวลากันก็มี เพราะมีการตั้งโต๊ะ ประชุมแถลงวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลที่ล้มเหลว ตั้งแต่เรื่องการปกปิดข้อมูลเรื่องโรคระบาดหมู ที่ระบุว่าเป็น “เชื้ออหิวาต์หมู” หรือ เชื้อ ASF แต่ที่ต้องจับตา และที่สำคัญเลยกลับเป็นการพุ่งเป้าเน้นเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้นว่า บริหารล้มเหลว มีการปกปิดข้อมูลดังกล่าว รวมไปถึงความล้มเหลวในเรื่องการแก้ปัญหาสินค้าราคาแพงที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในเวลานี้อย่างมาก และอย่างที่เอ่ยไว้ข้างต้นไว้ว่าไม่ผิดที่พุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้นำรัฐบาลที่ต้องรับผิดชอบเต็มๆ อยู่แล้ว แต่ที่น่าแปลกใจและสงสัยอีกอย่างก็คือ ทำไมไม่มีใครเอ่ยถึงความล้มเหลวการบริหารที่ไร้ประสิทธิภาพของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยคนแรกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนคนหลังเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่มีการเอ่ยถึงสักหน่อยหรือ ไม่ต้องร่วมรับผิดชอบบ้างเลยหรือ สำหรับปัญหาที่กำลังร้อนแรงอย่างเรื่องของแพงในเวลานี้ กลับสังเกตเห็นว่า รัฐมนตรีที่รับผิดชอบโดยตรง ทั้งนายจุรินทร์ ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นายเฉลิมชัย ที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ไม่ได้เห็น “แอกชั่น” ที่ชัดเจนหรือ “เข้าตา” แต่อย่างเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะการประชุมในครั้งนี้ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมโดยเฉพาะ นายเฉลิมชัย ที่มีหน่วยงานอย่าง “กรมปศุสัตว์” ในสังกัดที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักกลับ “เงียบกริบ” ยังไม่เห็นออกมาให้ความเห็น หรือมีแนวทางแก้ปัญหาทั้งระยะเฉพาะหน้า และระยะยาว แต่อย่างใด
และคำถามก็คือ ทำไมเวลานี้ ทั้งกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ ที่อยู่ในความรับผิดชอบโดยตรงของพรรคประชาธิปัตย์ จึงมี “แอกชั่น” น้อยผิดปกติ ในลักษณะที่เรียกว่า “เงียบ” ไปเลยก็ว่าได้ คงเห็นแต่จะมีแค่ นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ออกมารับสื่อ ให้สัมภาษณ์และออกมาชี้แจ้งให้ข้อมูลที่ดีและความกระจ่างมากที่สุดในตอนนี้เท่านั้น
ล่าสุดอย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 12 มกราคม นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้ตรวจสอบกรณีหน่วยงานภาครัฐปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอหิวาต์หมู หรือ ASF โดย นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า กรณีดังกล่าวทำให้ผู้เลี้ยงหมูรายย่อยเดือดร้อนจำนวนมาก และเป็นเหตุให้เนื้อหมูมีราคาแพงกว่าเท่าตัว รวมทั้งอาจเป็นการเอื้อให้บริษัทขนาดใหญ่บางบริษัท ได้ประโยชน์จากการที่หน่วยงานของรัฐไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยเฉพาะ พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ 2538 ซึ่งการระบาดของโรคดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2562 ที่ จ.เชียงราย แต่กรมปศุสัตว์ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย กลับไม่ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่การระบาด ส่งผลให้เกิดการกระจายโรคไปทั่วประเทศ เกิดผลกระทบต่อเกษตรกรทั่วประเทศ และส่งผลกระทบต่อจำนวนหมู ที่จะเข้าสู่ท้องตลาด เพื่อการบริโภคของประชาชน ซึ่งเป็นมูลเหตุสำคัญทำให้ราคาหมูในท้องตลาดแพงขึ้นในขณะนี้
“เหตุใดกรมปศุสัตว์จึงไม่ออกประกาศตามกฎหมายเพื่อที่จะควบคุมการแพร่ระบาดของโรคในสุกร จึงน่าจะเป็นความผิดของอธิบดีกรมปศุสัตว์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ รมว.พาณิชย์ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับประเด็นปัญหาดังกล่าว เบื้องต้นก็ได้ไปร้องต่อ ป.ป.ช.ขอให้ตรวจสอบว่ามีพฤติกรรมที่เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ แต่ในส่วนของผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบกรณีที่กรมปศุสัตว์ ไม่ใช้อำนาจ สำหรับ พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ จะมีลักษณะการเอื้อประโยชน์ ต่อบริษัทผู้ประกอบการเลี้ยงหมูขนาดใหญ่แบบครบวงจร เพราะกลุ่มบริษัทเหล่านี้ ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แต่กลับได้รับผลประโยชน์โดยตรง ต่อการที่กรมปศุสัตว์ ไม่ประกาศพื้นที่การระบาดของโรค ทำให้บริษัทขนาดใหญ่ยังสามารถขาย และส่งออกหมูไปต่างประเทศได้ จึงขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบว่า มีใคร หรือผู้ประกอบการใด ได้รับผลประโยชน์จากการที่กรมปศุสัตว์ ไม่บังคับใช้กฎหมาย”ทั้งนี้ เมื่อผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบแล้ว น่าจะมีข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือรัฐบาลว่าควรจะมีมาตรการหรือกลไกในการแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยเฉพาะรายเล็ก รายย่อย ให้สามารถกลับมาเลี้ยงหมูได้อีก แม้ว่าในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลจะอนุมัติงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท ช่วยเหลือ แต่เมื่อเทียบกับความเสียหายมีมากกว่าพันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าเงินดังกล่าวไม่เพียงพอต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น เชื่อว่า นับจากนี้ไป แรงกดดันก็ต้องกระจายมาที่ กระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงเกษตรฯ ที่เป็นทั้งหน่วยงานที่ผลิตและจำหน่ายโดยตรง และที่สำคัญอยู่ในความรับผิดชอบบริหารจัดการอยู่ในมืออย่างเบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์เวลานี้ มีรัฐมนตรีในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด และอำนาจในการกำกับดูแลกระทรวงเกษตรฯ ก็ยังเป็น นายจุรินทร์ ในฐานะรองนายกฯ และแม้ว่าปัญหาหมูแพงจะเกี่ยวข้องกับเรื่องโรคระบาด ปัญหาสินค้าราคาแพง ส่วนสำคัญมาจากปัญหาเงินเฟ้อ จากเรื่อง “ดอกเบี้ยขาขึ้น” ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นตามภาวะตลาดโลก แต่นั่นไม่ใช่ข้อแก้ตัว ต้องมีวิธีบริหารจัดการให้อยู่ในภาวะสมดุลให้ได้ และที่สำคัญ รัฐมนตรีที่รับผิดชอบบริหารงานต้องมีความเคลื่อนไหวและออกมาตรการแก้ปัญหาให้ประชาชนได้อุ่นใจ และบรรเทาความเดือดร้อนให้ชัด
#ของแพง #หมูแพง #โรคระบาด #กระทรวงพาณิชย์
ขอบคุณที่มา https://mgronline.com/politics/detail/9650000003754
https://www.facebook.com/ThePoliticsByMatichon/photos/a.1615315152113426/2976611342650460/